ดูเหมือนว่าขุนนางคนนี้เป็นขุนนางทุจริตที่เกษียณอายุแล้วและกำลังจะหนีไปพร้อมเพชรพลอยที่สะสมมานานหลายปี
เขาไม่คิดเลยว่าทรัพย์สินที่เขาหามาได้ตลอดชีวิตจะถูกพวกโจรในหมู่บ้านฟู่กุ้ยดักปล้นเสียได้
‘หมู่บ้านฟู่กุ้ย’ เป็นชื่ออย่างเป็นทางการของหมู่บ้านของพวกเขาที่คนภายนอกรู้จัก โดยปกติเมื่อทำงานใหญ่ ชื่อของหมู่บ้านพวกเขาก็จะถูกกล่าวขานออกไป
ช่างมีกลิ่นอายท้องถิ่นดีจริง ๆ
แต่ในขณะนี้ โจรที่มีกลิ่นอายท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งกำลังมองดูกล่องทองคำ เงิน เพชรพลอย และผ้าไหมจำนวนหลายสิบกล่องด้วยดวงตาเปล่งประกาย
มีสองกล่องที่ภายในเป็นโบราณวัตถุภาพเขียน จิ้นเทียนหยู่โบกมือเพื่อสั่งให้นำไปเก็บในโรงเก็บของ หลายคนต่างไม่มีความคิดเห็นอะไร ทว่ามีบางคนบ่นเล็กน้อย “เฮ้อ ไอ้ภาพพวกนี้นี่นะ กินก็ไม่ได้ใช้ก็ไม่ได้ แต่เราดันนำสองกล่องที่ใส่พวกมันมา สิ้นเปลืองพื้นที่แท้ ๆ ขุนนางคนนี้ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ”
เจียงป่าวชิงที่ดูเรื่องสนุกกับเจียงฉิงอยู่ข้าง ๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนนั้นเครื่องปรุงยาอันล้ำค่าจำนวนหนึ่งถึงถูกสุ่มกองไว้ในอุโมงค์ใต้ดินเช่นนั้น
เพราะนี่คือกลุ่มคนที่ทำลายสิ่งของตามอำเภอใจยังไงล่ะ
นอกจากนี้ ยังมีกล่องที่ใส่ทองและเงินอีกสามกล่อง จิ้นเทียนหยู่ทำตามกฎของหมู่บ้าน เขาหยิบกล่องหนึ่งออกมาแจกจ่ายให้กับพวกพี่น้องที่ครอบครัวเสียชีวิตข้างนอกก่อน ส่วนอีกสองกล่องที่เหลือก็แบ่งออกไปตามสัดส่วน จวบจนจัดสรรกันเสร็จ เรียกได้ว่าเกือบทุกคนสามารถทำเงินได้มากมาย
โจรอย่างพวกเขา เมื่อทำเงินครั้งหนึ่งก็กินดีอยู่ดีไปได้อีกนานเลยทีเดียว
ยังเหลืออีกสองกล่องที่บรรจุเครื่องปรุงยา จิ้นเทียนหยู่มองเจียงป่าวชิงที่อยู่ข้าง ๆ เขากระแอมไอเล็กน้อย “ตามกฎ เครื่องปรุงยาสองกล่องนี้จะถูกส่งไปที่ห้องยาของหมอเจียง”
อันที่จริงแล้วก่อนที่เจียงป่าวชิงจะมาอยู่ที่นี่ ในหมู่บ้านไม่มีกฎอะไรเกี่ยวกับเครื่องปรุงยา แต่ต่อมาเจียงป่าวชิงกลับทนไม่ไหวต่อการทิ้งเครื่องปรุงยาในทุก ๆ ครั้งของพวกเขา นางจึงขอเครื่องปรุงยาเหล่านั้น
ถึงอย่างไร โดยพื้นฐานแล้วถ้านางนำเครื่องปรุงยามาใช้ทำยา ยาเหล่านี้ก็จะถูกนำไปใช้รักษาผู้คนในหมู่บ้านอยู่ดี กู่ฟู่กุ้ยจึงยอมตกลงด้วยความยินดี
หลังจากนั้น เมื่อพวกเขาออกไปปล้นทำเงิน หากมีเครื่องปรุงยาใด ๆ ที่ยึดมาได้ โดยทั่วไปแล้วจะถูกส่งไปที่ห้องยาของเจียงป่าวชิงโดยตรง
เจียงป่าวชิงทำท่าคารวะด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอยู่ด้านข้าง “พี่น้องทั้งหลายลำบากแล้ว แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ได้ใช้เครื่องปรุงยาเหล่านี้นะ”
จิ้นเทียนหยู่ยืนอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไร เขาทำเพียงยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
หลู่เว่ยต้งที่อยู่ในฝูงชนมองยังไงก็รู้สึกว่าสองคนนี้แปลกไปจริง ๆ และไม่ค่อยเหมือนกับที่คนด้านนอกบอกกันว่าไม่ถูกกันเลย ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ดูสีหน้าของไอ้บัดซบจิ้นเทียนหยู่ก็รู้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสีหน้าอ่อนโยนแบบนี้บนใบหน้าของอีกฝ่าย
…
ต่อมาเป็นกล่องที่ใส่ผ้าไหมและพวกเครื่องประดับต่าง ๆ
โดยทั่วไปพวกผู้ชายในหมู่บ้านจะไม่ค่อยสนใจสิ่งของที่ออกไปทางผู้หญิงสักเท่าไหร่ หากมีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้หญิง พวกนางก็จะมาเลือกเอาไปบางส่วน และส่วนที่เหลือจะถูกเก็บเข้าโรงเก็บของส่วนกลาง
หลู่เว่ยต้งมองดูกล่องจากระยะไกล ก็เหมือนเห็นว่ามีผ้าไหมสองสามผืนที่ล้อประกายแสงสีม่วงจาง ๆ ยามกลางวันแสก ๆ ซึ่งดูงดงามมาก เขากระแอมไอเบา ๆ และเดินออกมาจากฝูงชน
คนที่ค่อนข้างสนิทกับหลู่เว่ยต้งเอ่ยทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
“พี่หลู่ มา ๆ ๆ ไม่ใช่ว่าพี่จะแต่งงานแล้วหรอกรึ มาเลือกผ้าให้พี่สะใภ้สักสองสามผืนสิ ข้าให้ส่วนแบ่งของข้ากับพี่เอง ถึงยังไงข้าก็ตัวคนเดียว เลือกไปก็ไม่ได้ใช้หรอก ถือซะว่าข้าให้พี่หลู่เป็นของขวัญแต่งงานก็แล้วกัน”
ช่างเป็นคนที่รู้จังหวะคนหนึ่งเลยทีเดียว พูดจาก็เข้าหู หลู่เว่ยต้งรู้สึกสบายใจมากเมื่อได้ยินมัน
อีกอย่าง ต่างก็เป็นพี่น้องในหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น จึงไม่ได้เข้มงวดอะไรถ้าจะให้กันไปให้กันมา ทั้งหมดล้วนเอาชีวิตมาเดิมพันกันทั้งนั้น เจ้าเต็มใจให้คนอื่น คนอื่นย่อมไม่พูดอะไร
หลู่เว่ยต้งจึงยืนเลือกผ้าอยู่ตรงหน้ากล่อง
เลือกไปสักพักเขาก็ยิ้มออก ต้องบอกเลยว่าขุนนางที่เกษียณจากเมืองหลวงคนนี้นำแต่ของดี ๆ มา ผ้าไหมพวกนี้คุณภาพดีมาก
หลู่เว่ยต้งเลือกผ้ามาสองสามผืน ส่วนลูกน้องคนเมื่อครู่ก็ช่วยเขาถือ เพื่อให้เขาได้เลือกต่อ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกล่องใส่เพชรพลอยและเครื่องประดับ
หลู่เว่ยต้งถูกใจปิ่นปักผมอันหนึ่ง ปิ่นปักผมนั้นแกะสลักจากหยกที่ดูแวววาวมาก ปิ่นปักผมอันนี้ทำเป็นรูปดอกโบตั๋นแกะลายฉลุ ทั้งหรูหราประณีตมาก
หลู่เว่ยต้งรู้สึกว่าปิ่นปักผมนี้คู่ควรกับหลี่อันหรูอย่างมาก สตรีผู้สูงศักดิ์อย่างนางควรได้สวมใส่เครื่องประดับงดงามราคาแพงอย่างเช่นชิ้นนี้
ทว่าตอนที่เขาเอื้อมมือเพื่อจะไปหยิบมันนั้น กลับมีคนหยิบมันไปต่อหน้าต่อตาเขาซะก่อน
หลู่เว่ยต้งเงยหน้ามองด้วยความโกรธ ก็เห็นจิ้นเทียนหยู่ถือปิ่นปักผมรูปดอกโบตั๋นแกะสลักด้วยหยกอันนั้นเล่นอยู่
หลู่เว่ยต้งพูดขึ้นอย่างโมโห “จิ้นเทียนหยู่ ส่งปิ่นปักผมมาให้ข้า!”
ไอ้บ้านี่ตั้งใจแย่งของกับเขาชัด ๆ!
จิ้นเทียนหยู่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เขาไม่เห็นว่าหลู่เว่ยต้งก็ถูกใจปิ่นปักผมนี้ด้วยเช่นกัน เขาแค่รู้สึกว่าปิ่นปักผมอันนี้สวยเป็นพิเศษและเขานึกถึงเจียงป่าวชิงขึ้นมา นางปลอมตัวเป็นผู้ชายมาหลายปีแล้ว แน่นอนนางย่อมไม่มีเครื่องประดับบนศีรษะเลยสักชิ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะมอบปิ่นปักผมอันนี้ให้กับนาง
จิ้นเทียนหยู่ถือปิ่นปักผมด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมต้องให้เจ้า ข้าเองก็ถูกใจเช่นกัน และข้าหยิบมาก่อนเจ้า”
หลู่เว่ยต้งโกรธจนระงับอารมณ์แทบไม่อยู่และคิดว่าจิ้นเทียนหยู่ตั้งใจยุแหย่ มีใครไม่รู้บ้างว่าชายวัยยี่สิบปีอย่างจิ้นเทียนหยู่ยังตัวคนเดียว ชายร่างใหญ่อย่างเขาจะเอาปิ่นปักผมดอกโบตั๋นไปทำไมกัน
“เจ้ายังดูตัวไม่แล้วเสร็จสักหน่อย ชายร่างใหญ่อย่างเจ้าจะเอาปิ่นปักผมไปทำไม ?!” หลู่เว่ยต้งพยายามระงับความโกรธ “น้องจิ้น ข้าใกล้แต่งงานแล้ว ให้ปิ่นปักผมกับพี่สะใภ้เจ้าแค่นี้ เจ้าคงทำให้ข้าได้ใช่ไหม ?”
จิ้นเทียนหยู่หัวเราะเยาะ “หึ ๆ เจ้าแต่งงานใช่ว่าข้าแต่งงานสักหน่อย ทำไมข้าต้องให้ปิ่นปักผมที่ข้าถูกใจกับเจ้าด้วย ? เหล่าหลู่ ข้าว่าเจ้าน้อย ๆ หน่อยเถอะ อย่าทำเหมือนว่าเจ้าแต่งงานแล้วพี่น้องทั้งหมดในหมู่บ้านต้องยอมให้เจ้าเสมอไป”
“เจ้าว่าไงนะ!” หลู่เว่ยต้งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สีหน้าเขาย่ำแย่เสมือนเพิ่งกินเห็ดพิษมาอย่างไรอย่างนั้น
บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมแล้ว บรรยากาศระหว่างจิ้นเทียนหยู่กับหลู่เว่ยต้งตึงเครียดมาก ตอนนี้พอทั้งสองขัดแย้งกันก็เหมือนจะเริ่มทะเลาะกันเสียแล้ว
ทุกคนในถ้ำโจรล้วนไม่กลัวเลยเวลามีใครกำลังจะชกต่อยกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้มีสายตาจับจ้องมายังพวกเขาหลายคู่เกินไป แม้หลู่เว่ยต้งจะมีเรื่องต่อยตีกับจิ้นเทียนหยู่และคนอื่น ๆ ไม่อะไรกับเขาก็จริง เขาก็ตกอยู่ในสภาพน่าอึดอัดใจอยู่ดี
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ถลึงตาใส่จิ้นเทียนหยู่อย่างโหดเหี้ยมและหาที่สำหรับตัวเอง “เหล่าจิ้น เจ้าจงใจทำให้ข้าลำบากใจใช่ไหม เพราะว่าเจ้าเป็นคนลักพาเอาตัวหรูเอ๋อร์มาแต่นางไม่ชอบเจ้าและนางเลือกแต่งงานกับข้า”
สีหน้าของจิ้นเทียนหยู่ย่ำแย่เหมือนกินเห็ดพิษจำนวนมาก “พูดจาเหลวไหลอะไร ผู้หญิงอย่างหลี่อันหรู ให้ข้ามาโดยไม่ต้องเอาอะไรไปแลกเปลี่ยนข้าก็ยังไม่ต้องการเลยด้วยซ้ำ!”
คำพูดนี้ถือว่าเป็นการแทงรังแตนพอสมควร หลู่เว่ยต้งส่งเสียงดัง ชักมีดออกมาฟันจิ้นเทียนหยู่ทันที ที่จิ้นเทียนหยู่ออกไปครั้งนี้ก็เพื่อช่วยพี่น้องในหมู่บ้าน อันที่จริงเขาก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน แต่เขาเป็นคนหยาบอยู่เสมอและไม่สนใจอาการบาดเจ็บใด ๆ เจียงป่าวชิงพันแผลให้เขาเสร็จ เขาก็ออกมารับผิดชอบจัดการงานแบ่งผลประโยชน์ให้กับพวกพี่น้องทันที
จิ้นเทียนหยู่เองก็ชักมีดออกมาเช่นกัน ท่าทางการขยับกลับสะเทือนไปถึงบาดแผลแต่เขาเหมือนไม่รู้สึกเจ็บอย่างไรอย่างนั้น ยังคงสู้กับหลู่เว่ยต้งโดยที่ไม่สนใจใด ๆ แม้เลือดจะซึมออกมาจากผ้าพันแผลที่แผ่นหลังแล้วก็ตาม
ท้ายสุดกู่ฟู่กุ้ยก็มาแยกทั้งสองคนออกจากกัน พาพวกเขาทั้งสองคนกลับไปที่บ้านด้วยสีหน้าอึมครึม
“อับอายขายขี้หน้านัก! พวกเจ้าลืมเรื่องของซุนโก๋จื่อกับฉินหัวไปแล้วรึ ?” กู่ฟู่กุ้ยก่นด่าใส่หน้าทั้งสองคนเต็ม ๆ
จิ้นเทียนหยู่กับหลู่เว่ยต้งต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กู่ฟู่กุ้ยหันกลับมาด่าหลู่เว่ยต้งบ้าง “เจ้าก็เหมือนกัน เลือดหมามันบังตาเจ้าหรือไง ?! เพื่อหญิงสาวคนเดียว น้องสามเพิ่งพาพวกพี่น้องกลับมาและได้รับบาดเจ็บทั้งตัว แต่เจ้ากลับมีเรื่องกับเขาได้”
หลู่เว่ยต้งพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “ใครใช้ให้เขาด่าหรูเอ๋อร์ว่าเป็นของแถมเล่า”
กู่ฟู่กุ้ยอยากตบศีรษะหลู่เว่ยต้งให้หลุดจริง ๆ “ใช้ได้หนิเหล่าหลู่ เจ้ามีพัฒนาการแล้ว แถมยังมีเหตุมีผลด้วย มีหญิงข้างกายแล้วก็ลืมพี่น้องเลยสิ หึ!… เจ้าหันไปดูเลือดบนตัวน้องจิ้นของเจ้าสิ รู้ไหมว่าได้มาจากไหน เขาพาพวกพี่น้องออกไปทำเงินและทุ่มเทปกป้องพวกพี่น้องถึงได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ทำไมเจ้าถึงก่อเรื่องเพราะผู้หญิงคนเดียวได้ เจ้ามันไม่เอาไหนจริง ๆ!”
กู่ฟู่กุ้ยด่าจนหลู่เว่ยต้งโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว