สิ้นเสียงกู่ฟู่กุ้ยด่าหลู่เว่ยต้ง เสียงด่าจิ้นเทียนหยู่ดังขึ้นต่อ “เจ้าก็เหมือนกัน! โตขนาดนี้แล้วยังใจร้อนเป็นเด็กไปได้ ไม่หัดดูสภาพตัวเองบ้าง” แล้วกู่ฟู่กุ้ยก็เรียกคนข้างนอก “ไป ไปเชิญหมอเจียงมาที่นี่!”
หลู่เว่ยต้งเดินคอตกไปอย่างทุกข์ใจ เขาไปที่พักของหลี่อันหรูหวังจะระบายความคับแค้นใจให้นางฟัง หลังจากที่นางได้ฟังคำพร่ำบ่นของหลู่เว่ยต้งอย่างเข้าใจแล้ว นางปิดปากด้วยท่าทางตื้นตันใจอย่างมาก “พี่ต้ง เป็นเพราะข้าเองที่ทำให้พี่ต้องมาทุกข์ยากเช่นนี้ เป็นข้าเอง…”
หลู่เว่ยต้งเห็นหลี่อันหรูรับรู้ความรู้สึกของเขาก็รู้สึกสบายใจมาก สีหน้าเขาค่อย ๆ เปลี่ยนจากตึงเครียดเป็นอ่อนโยนขึ้น “ไม่เป็นไร เพื่อหรูเอ๋อร์นี่ถือว่าสมควรแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดมากเลย”
หลี่อันหรูกลับขมวดคิ้วและพูดขึ้นอย่างกังวลใจ “แต่พี่ต้ง ทำไมข้าฟังเรื่องที่พี่บอกแล้วถึงได้รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่เล็กน้อยล่ะจ๊ะ ?”
หลู่เว่ยต้งรู้สึกงงุนงง “ตรงไหนที่ผิดปกติรึ ?”
หลี่อันหรูพูดขึ้น “พี่ต้ง พี่ลองคิดดูสิ ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดแล้วว่าที่พวกเขาไม่เรียกให้พี่ไปทำงานใหญ่เช่นนี้ก็คงเพราะตั้งใจตัดช่องทางทำเงินของพี่และเขี่ยพี่ทิ้ง ไหนจะเรื่องแบ่งข้าวของ ข้าคิดว่าพวกเขาไม่เห็นว่าพี่เป็นพี่น้อง ก็แค่ปิ่นปักผมอันเดียวยังแย่งไปไม่ให้พี่ได้มา… หัวหน้ากู่ก็อีกคน เข้าข้างแต่…” หลี่อันหรูหยุดพูดทันที
เดิมทีหลู่เว่ยต้งไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาเพียงแค่กลุ้มใจ ทว่าเมื่อหลี่อันหรูพูดมาเช่นนี้ เขาจึงลองครุ่นคิดดูและเหมือนว่ามันจะเป็นเช่นที่นางว่ามาจริง ๆ จึงเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม “ไม่เป็นไร เจ้าพูดต่อเถอะ”
หลี่อันหรูพูดขึ้นอย่างลัง “คือ… ข้ารู้สึกว่าหัวหน้ากู่ลำเอียง คอยแต่จะเข้าข้างจิ้นเทียนหยู่ พี่ลองดูสิ แค่จิ้นเทียนหยู่ให้ปิ่นปักผมกับพี่ก็แก้ไขปัญหาของเรื่องนี้ได้แล้ว แต่เขาดันไม่ให้ เป็นเพราะเขานั่นแหละพี่ถึงได้ลงไม้ลงมือเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนก่อเรื่องก่อน ทำไมหัวหน้ากู่ถึงได้ด่าว่าพี่อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้เล่า ?”
สีหน้าหลู่เว่ยต้งย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ
หลี่อันหรูเหลือบมองสีหน้าของเขาก็ลอบยิ้มร้าย แล้วนางก็เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟต่อไป “ข้านะรู้สึกว่ามันแปลกตั้งนานแล้ว พี่ต้งมีความสามารถโดดเด่นกว่าจิ้นเทียนหยู่ในทุก ๆ ด้าน อายุก็มากกว่าเขาเล็กน้อย แต่ทำไมจิ้นเทียนหยู่ถึงได้เป็นหัวหน้าสามของหมู่บ้าน ทำไมไม่ใช่พี่ ?”
น้ำเสียงของหลี่อันหรูทั้งนุ่มนวลชวนคล้อยตาม แต่คำถามที่ถามกลับเหมือนยาขมที่แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของหลู่เว่ยต้งอย่างดุเดือด
หลู่เว่ยต้งถ่มน้ำลายลงพื้น เขาโกรธแล้ว โกรธมาก!
“หึ!… ทุกอย่างมันจะต้องเป็นของข้าในไม่ช้าก็เร็ว”
เขาเอ่ยทิ้งท้าย
……
เจียงป่าวชิงเดินถือกล่องยามาตามที่มีคนไปตาม กู่ฟู่กุ้ยเห็นนางก็ทักทาย “เฮ้น้องเจียง มาสิ มาดูอาการให้น้องสามที่ทำตัวให้กังวลอยู่เสมอนี่หน่อย ไม่ดูสภาพตัวเอง เจ็บขนาดนี้ยังไปมีเรื่องอยากเอาชนะเป็นเด็กไปได้ เหล่าหวู่เป็นคนโง่เขลา หรือว่าเจ้าก็โง่เขลาตามเขาด้วย แค่ปิ่นปักผมอันเดียว เขาอยากได้เจ้าก็แค่ให้เขาไป แล้วข้าค่อยให้เจ้าเพิ่มยี่สิบอันก็ยังได้”
จิ้นเทียนหยู่พูดเสียงอู้อี้ “เขาไม่มีสิทธิ์ ทำไมข้าต้องให้ของที่ข้าถูกใจและข้าหยิบมาก่อนกับเขาด้วย ?”
เขาคิดว่าถ้าหากเจียงป่าวชิงสวมใส่ปิ่นปักผมอันนี้ นางคงงดงามน่าดู แล้วทำไมเขาต้องยกให้ไอ้บ้านั่นด้วย
กู่ฟู่กุ้ยได้ยินคำพูดของจิ้นเทียนหยู่ก็มีท่าทีเข้าใจได้ทันที “บ๊ะ! ไอ้เด็กบ้า นี่เจ้าสู้กับเหล่าหวู่เพราะแม่นางหลี่อันหรูคนนั้นใช่ไหม ?!”
จิ้นเทียนหยู่อยากอาเจียนออกมาเป็นเลือดให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ ทำไมถึงคิดแต่แบบเดิม อะไร ๆ ก็หลี่อันหรู
จิ้นเทียนหยู่ใจร้อนไม่เป็นสุขอยู่ตรงนั้น “ท่านโปรดอย่าพูดถึงหลี่อันหรูได้ไหม มันไม่เกี่ยวอะไรกับนางทั้งนั้น!”
กู่ฟู่กุ้ยจุ๊ปากสองที แต่ในใจกลับเชื่อว่าไอ้เด็กบ้าอย่างจิ้นเทียนหยู่รักในศักดิ์ศรีและปากแข็งมาก เขาพูดขึ้นเป็นเชิงปลอบ “เอาล่ะ แล้วข้าค่อยหาหญิงที่รูปลักษณ์เหมือนหลี่อันหรูให้กับเจ้าสักคน เจ้าลืมนางซะเถอะ”
จิ้นเทียนหยู่อยากจะบ้าตาย ทำไมทุกคนถึงคิดว่าเขายังอาลัยอาวรณ์หลี่อันหรูอยู่อีก บัดซบเอ๊ย!!!
ผู้หญิงอย่างหลี่อันหรูเนี่ยน่ะรึที่เขาชอบ ไม่มีทาง! นอกจากใบหน้าที่ใช้ได้นั่น ก็ไม่เห็นมีส่วนไหนที่น่าโหยหา อีกอย่าง เอาเข้าจริงแม้จะเทียบใบหน้า เจียงป่าวชิงของเขา (?) ยังดูดีกว่านางด้วยซ้ำ
จิ้นเทียนหยู่คิดได้ดังนั้นก็อดที่จะเหลือบมองเจียงป่าวชิงไม่ได้ ตอนนี้นางกำลังแกะผ้าพันแผลให้เขาด้วยสีหน้าราบเรียบ มือบางยกขึ้นแกะผ้าพันแผล จิ้นเทียนหยู่รู้สึกเจ็บโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขาถึงกับต้องกลั้นหายใจเลยทีเดียว
“เจ้าทำบ้าอะไร ?!” จิ้นเทียนหยู่ขมวดคิ้วถามเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว “โอ้! ท่านรู้จักเจ็บด้วยหรือนี่ ?”
“เหลวไหล ข้าไม่ใช่โคลนก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดาเซ่” จิ้นเทียนหยู่พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
เจียงป่าวชิงแกะผ้าพันแผลอีกครั้ง ครั้งนี้นางจงใจทำแรงขึ้นเล็กน้อยเพราะความหมั่นไส้ นั่นทำให้จิ้นเทียนหยู่เจ็บจนอยากด่าใส่หน้านาง แต่เมื่อมองใบหน้าขาวนวลของเจียงป่าวชิง คำด่าที่ผุดขึ้นมาถูกกลืนกลับลงไปตามเดิม
“เจ็บมากใช่ไหม ?” เจียงป่าวชิงถามเขาอย่างนุ่มนวล
จิ้นเทียนหยู่พยักหน้าอย่างอัปยศอดสู
ยอมรับมาตามตรงเช่นนี้นางถึงจะผ่อนคลายแรงลงและค่อย ๆ แกะผ้าพันแผลที่เหลือออกอย่างเบามือ แน่นอนว่าบาดแผลของจิ้นเทียนหยู่ที่เลือดหยุดไหลไปเมื่อสักครู่เปิดออกอีกครั้ง
“ในเมื่อรู้จักเจ็บ ท่านก็อย่าชกต่อยกับคนอื่นโดยไม่เสียดายชีวิตแบบนี้สิ” เจียงป่าวชิงช่วยจิ้นเทียนหยู่พันแผลและกึ่ง ๆ บ่นเขาไปด้วย “ถ้าท่านไม่คิดถึงตัวเองก็ควรคิดถึงหมออย่างข้าหน่อยก็ได้ นี่ท่านกำลังเพิ่มภาระงานให้ข้านะ”
“ก็ไอ้เวรเหล่าหลู่นั่นลงไม้ลงมือก่อน ไม่ใช่ข้าสักหน่อย ข้าคงไม่ยืนให้เขาฟันตายหรอก” จิ้นเทียนหยู่บ่น
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ ท่านก็รู้จักหลบหลีกสักหน่อยสิ เอาล่ะ ข้าจะยกตัวอย่างที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ให้ฟังแล้วกัน ถ้าหมากัดท่าน ท่านก็จะกัดหมากลับอย่างนั้นรึ ?”
จิ้นเทียนหยู่แค่นหัวเราะ “ข้ารู้สึกว่าการยกตัวอย่างของเจ้าเหมาะสมมาก… แต่ข้าไม่ใช่พวกยืนนิ่งให้ใครมาฆ่าได้ไม่ว่าหมาหรือคน แน่นอนว่าถ้าหมากัดข้า ข้าคงไม่ปล่อยให้มันกัดเปล่า ๆ หรอก ข้าก็ต้องฆ่ามันให้ตายก่อนที่มันจะฆ่าข้า!”
เจียงป่าวชิงมองจิ้นเทียนหยู่อย่างเอือม ๆ “ท่านไม่อยากให้บาดแผลนี้หายดีใช่ไหม ?”
จิ้นเทียนหยู่หงุดหงิด “ก็ได้ ๆ ข้ารู้แล้ว เจ้าหุบปากซะ”
เจียงป่าวชิงเองก็หงุดหงิด นางออกแรงรัดผ้าพันแผลให้แน่นขึ้น ทำให้จิ้นเทียนหยู่หน้าเหยเก เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะอย่างนุ่มนวล
กู่ฟู่กุ้ยลูบคาง มองทั้งสองคนอยู่ด้านข้าง “ไม่ใช่สิ นี่มันแปลก ๆ ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าเปลี่ยนเป็นดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
สีหน้าของจิ้นเทียนหยู่เปลี่ยนไปทันที ท่าทางลุกลี้ลุกลน ใบหน้าเริ่มเรื่อแดง “มะ… ไม่ พี่ใหญ่อย่าพูดเหลวไหล ใคร… ใครสนิทกับเขากัน”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นเช่นกัน “อย่าเถอะหัวหน้าใหญ่ ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านดีกว่าข้ากับเขาเยอะ ข้าขอพูดเรื่องยาสักหน่อย ยาเม็ดที่ข้าทำขึ้นมาช่วงนี้ขาดเครื่องปรุงยาสองสามชนิด ท่านเปิดโรงเก็บของส่วนตัวของท่านและให้ข้าเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่ ? ข้าอยากดูว่ามีหรือเปล่า”
กู่ฟู่กุ้ยโบกมืออย่างองอาจ “ได้ อีกประเดี๋ยวข้าค่อยให้กุญแจโรงเก็บของกับเจ้า”
เจียงป่าวชิงรีบพูด “ท่านอย่าเดี๋ยวเลย ตอนนี้นี่แหละ เมื่อสักครู่ข้าเหลือบมองอย่างลวก ๆ แล้ว ในกล่องเครื่องปรุงยาที่เพิ่งส่งไปที่ห้องยาของข้าไม่มีเครื่องปรุงยาที่ข้าต้องการ นี่ข้ากำลังรีบหาอยู่ ถ้าหาไม่เจอก็ต้องคิดหาวิธีไปซื้อมาให้ได้ นี่เรื่องด่วน”
กู่ฟู่กุ้ยพยักหน้าเข้าใจ เขาพาเจียงป่าวชิงไปเอากุญแจเพื่อไปเปิดโรงเก็บของทันที
จิ้นเทียนหยู่นั่งอยู่ในห้อง ในหัวเขามีแต่คำพูดของเจียงป่าวชิงที่ว่า “ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านดีกว่าข้ากับเขาเยอะ”
เขากัดฟันแน่น
เมื่อเจียงป่าวชิงออกมาจากโรงเก็บของของกู่ฟู่กุ้ย จิ้นเทียนหยู่ที่เอาแต่นั่งอุดอู้อยู่ในห้องก็เดินเข้าไปหานางทันที “เฮ้ เจ้าหาเครื่องปรุงยานั้นเจอไหม ?”
“ไม่เจอ” เจียงป่าวชิงส่ายหน้า แต่นางก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรเพราะได้เครื่องปรุงยาที่หายากกลับออกมาสองสามชนิด และให้คนเอามันไปส่งที่ห้องยาของนางแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปหาที่โรงเก็บของของข้าสิ” จิ้นเทียนหยู่อ้ำอึ้งอยู่สักครู่ถึงจะแค่นคำพูดนี้ออกมาในที่สุด