Ch.1 – กลับไปเกิดใหม่เมื่อสิบปีก่อน
Translator : Muntra / Author
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.1 – กลับไปเกิดใหม่เมื่อสิบปีก่อน
ภายในตัวอาคารที่ถูกเสริมแกร่งด้วยเหล็กกล้า พื้นโถงทางเดินราวกับกระจกใส ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างเดินกันให้วุ่นไปตลอดเส้นทาง
ที่นี่คือสถาบันวิจัยเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉิงหยาง
ณ หนึ่งในพื้นที่บริเวณของสถาบัน กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ทั้งตื่นเต้นระคนวิตกกังวล กำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!”
“ถึงตาของฉันแล้- โครม!”
วัยรุ่นชายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จนเจ้าตัวเสียหลัก สะดุดขาตัวเองล้มคะมำลงกับพื้น
เพียงได้ยินเสียงกระแทก ทุกคนก็พอจะรับรู้ได้ว่าการล้มหน้าฟาดของอีกฝ่ายรุนแรงขนาดไหน
“อ๊า! ฉินเฟิง!” เห็นถึงฉากนี้ โจวฮ่าวก็กลายเป็นตื่นตระหนก เขาเร่งก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือสหายของตนอย่างร้อนรน
แล้วก็พบกับผลลัพธ์คาดไม่ถึง -ฉินเฟิงที่ล้มลงดันสลบไปซะอย่างงั้น!
“ชิบหายแล้ว ฉินเฟิง! นายคงไม่ได้หมดสติจริงๆหรอกใช่ไหม เล่นตลกอะไรในเวลาสำคัญแบบนี้เนี่ย? รีบตื่นขึ้นมาเร็วเข้า! ถึงเวลาฉีดยา ‘กระตุ้นพลัง’ ของนายแล้วนะ!”
-ในคริสต์ศักราช 2200 โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดมายาวนานกว่า 2000 ปี ชะตาของพวกเขากลับพลิกผัน ตลบกลับกลายมาอยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร
ยังไงก็ตาม เนื่องจากมีการดำรงอยู่อย่างผู้ใช้อบิลิตี้ และผู้ใช้วรยุทธโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์เลยยังพอที่พื้นที่ว่างให้พักหายใจ
ซึ่งการถือกำเนิดของอบิลิตี้และวรยุทธโบราณ จะมาจากการฉีดยากระตุ้นเข้าสู่ร่างกายในช่วงอายุ 16 ปีนั่นเอง
กล่าวได้ว่านี่คือหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญที่จะสามารถทะยานตนขึ้นไปสู่ฟากฟ้า แต่ฉินเฟิงกลับเป็นลมไปซะดื้อๆ โจวฮ่าวอดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง กรุณาไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ด้วย!!”
ในช่วงระหว่างที่เสียงเรียกจากลำโพงดังขึ้นอีกครั้ง ฉินเฟิงก็พลันได้สติ ในศีรษะอึงอลไปด้วยความสับสน วิงเวียนราวกับหัวจะระเบิด
‘นี่ฉัน … ยังไม่ตาย?’
ความคิดนี้วาบผ่านขึ้นในจิตใจของฉินเฟิง ก่อนที่เขาจะเริ่มขบคิดว่าเพราะเหตุใดตนถึงยังไม่ตาย เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้ เขาเพิ่งโค่นราชันย์สัตว์ร้ายที่ครอบครองพลังไม่ทราบชนิดลง ทว่าในช่วงเวลาที่คิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว มันกลับระเบิดพลังเฮือกสุดท้ายออกมา จนทั้งคู่ตกตายลงไปพร้อมกัน
ในช่วงเวลานี้เอง เสียงที่ดังแทรกเข้ามาในรูหูก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
“ไม่ได้การแล้ว เฉินหมิง รีบมาช่วยกันพยุงตัวฉินเฟิงไปเร็วเข้า ต่อให้เจ้าบ้านี่ไม่มีสติ ก็ต้องลากตัวมันไปฉีดยากระตุ้นให้จงได้!” โจวฮ่าวทนไม่ไหว ต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ข้างๆ
ได้ยินถึงชื่อดังกล่าวที่แสนจะคุ้นเคย ฉินเฟิงพลันสะดุ้งเฮือก
เฉิน … หมิง?
มันเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมจู่ๆเฉินหมิงถึงได้มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่? ไม่ใช่ว่าช่วงเวลาวิกฤตินี้ที่เขากำลังเผชิญ มันเป็นเพราะแผนลวงของฝ่ายตรงข้ามหรอกหรือ?
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ตอนนี้ เสียงที่ฟังดูกังวลใจที่อยู่ข้างๆนี่ ทำไมถึงได้ดูคุ้นหูจัง มันราวกับเป็นเสียงที่ประทับลึกอยู่ในห้วงความทรงจำ แต่ก็คล้ายกับว่าอยู่ไกลแสนไกล?
เฉินหมิงที่อยู่ข้างๆกับฉินเฟิงและโจวฮ่าว และคอยเฝ้าดูสถานการณ์นี้ตั้งแต่แรกเริ่มตลอดมา บังเกิดประกายแสงกระพริบผ่านในสายตา
สามหนุ่มอันได้แก่ฉินเฟิง , เฉินหมิง และโจวฮ่าว พวกเขาได้รับการจัดระดับว่าเป็น 3 อันดับแรกในโรงเรียนระดับกลาง
อย่างไรก็ตาม เฉินหมิงรู้ตัวดี ว่าความแข็งแกร่งของตนนั้นด้อยกว่าโจวฮ่าว ส่วนในอีกหลายๆด้านก็ด้อยกว่าฉินเฟิง แต่ในตอนนี้ ฉินเฟิงจู่ๆก็หมดสติลงอย่างกระทันหัน ในหัวใจของเฉินหมิงจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดร่องรอยของความสุข
“โจวฮ่าว ทำแบบนั้นไม่ถูกนะ คุณหมอจะตำหนิเอาได้ ตอนนี้ฉินเฟิงยังเป็นลมอยู่ ฝืนให้เขาฉีดยากระตุ้นคงไม่ดีหรอก คนอื่นๆเองก็น่าจะคิดเหมือนกัน ว่าเขาไม่ไหวจริงๆ!”
เฉินหมิงกล่าวด้วยความห่วงใย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาต้องการให้ฉินเฟิงพลาดโอกาสฉีดยากระตุ้นต่างหาก
“แต่การฉีดยากระตุ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเลยนะ … ” โจวฮ่าวเป็นกังวลเล็กน้อย แต่เขาเองก็เริ่มจะคล้อยตามคำโน้วน้าวของเฉินหมิงบ้างแล้วเหมือนกัน
“มาเถอะ พาเขาไปพักรักษาตัวก่อน” เฉินหมิงกล่าว พลางเข้าไปช่วยพยุงฉินเฟิงออกไป
“ไม่จำเป็น!”
เสียงที่ต่ำและแหบห้าวของวัยรุ่นดังขึ้น ขณะเดียวกันเสียงนี้ก็ยังแฝงความรู้สึกหดหู่อันบาดลึก -ไม่มีใครทราบว่าฉินเฟิงประสบกับอะไรในช่วงที่เขาสลบ จึงเปล่งน้ำเสียงเช่นนี้ออกมา
‘นี่มันเป็นความฝัน หรือโลกแห่งความจริงกันแน่?’
คงมีแต่ฉินเฟิงเท่านั้นที่รู้ ในห้วงความทรงจำของเขา ช่วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา ความรู้สึกต่างๆ ที่ทั้งรัก และเกลียดชัง มันชัดเจนเกินไป
เขาลุกขึ้นยืน สีหน้าว้าวุ่นสลายหายไปสิ้น ทั้งคนทั้งร่างกลับกลายเป็นสงบลง
โดยเฉพาะสายตาคมกล้า ที่สาดมองมาทางเฉินหมิง
ร่างของเฉินหมิงพลันแข็งทื่อ กระดูกสันหลังเย็นวาบ คล้ายกับว่าตอนนี้เขากำลังล่อนจ้อนอยู่ต่อหน้าฉินเฟิง – มิอาจเก็บซ่อนความคิดร้ายใดๆ ถูกเปิดโปงโดยอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง
ยังไงก็ตาม นี่มันก็แค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ฉินเฟิงได้ถอนสายตาจากเฉินหมิง และหันกลับมามองโจวฮ่าว
คราวนี้ ในดวงตาของเขาเริ่มชื้น มันแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย
เพราะสำหรับฉินเฟิง โจวฮ่าวน่ะเป็นเสมือนพี่น้องแท้ๆ ในความทรงจำของเขา ช่วงที่อายุได้ 16 ปี โจวฮ่าวได้จบชีวิตลงเพราะตัวเอง แต่ตอนนี้ เขาได้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่น้องอีกครั้ง และตนเองก็ได้กลายสภาพมาเป็นเด็กอายุ 16 อีกครา
ในพริบตา ฉินเฟิงก็เข้าใจได้ในที่สุด ว่าแท้จริงแล้ว
เขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
-กลับมาเกิดใหม่ในช่วงอายุ 16 ปี ในวันที่กำลังจะได้รับการฉีดยากระตุ้น!
“กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง! หมายเลข 2318 ฉินเฟิง เมื่อไหร่จะไปเข้ารับการฉีดยากระตุ้นในแอเรียที่ 3 ซักที!”
“อาาาา โดนเร่งแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ!” ฉินเฟิงพยักหน้าให้โจวฮ่าว คราวนี้ทุกย่างก้าวของเขาช่างแลดูสงบ มั่นคง ไร้ซึ่งความร้อนรน กระทั่งความตื่นเต้นก็ไม่แสดงออกมาให้เห็น
เนื่องจากพระเจ้าได้ให้โอกาสเขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ดังนั้น เขาก็จะไม่ปล่อยให้สิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้า กลับมาซ้ำรอยอีกต่อไป
ฉินเฟิงเกร็งกำปั้นแน่น และเดินไปยังแอเรีย 3 เพื่อทำการฉีดยา
ปลายเข็มที่เชื่อมต่อกับหลอดแก้วที่บรรจุไว้ด้วยตัวยาสีน้ำเงิน ถูกฉีดเข้าไปในเส้นเลือดของฉินเฟิง
“ยากระตุ้นนี่ จะปลุก ‘พลังพิเศษ’ ของเธอให้ตื่นขึ้นมา ยิ่งเธอมีความสามารถมากเท่าไหร่ พลังของเธอก็จะยิ่งตื่นขึ้นเร็วเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะอย่างมากที่สุดก็ภายในเดือนเดียว หลังจากนั้น ต่อให้เธอมีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายที่ต่ำ แต่เมื่อได้ออกกำลังและฝึกฝน เธอก็จะรู้สึกได้ว่าตัวเองสามารถแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!”
“อ่า ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
ฉินเฟิงสูดหายใจลึก แต่ในตอนนั้นเอง เขาพลันตระหนักได้ถึงกลิ่นอายผิดปกติที่ผุดออกมาจากภายในร่างกายของตน
แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะพูดอะไร เขากลับพยายามเก็บซ่อนกลิ่นอายที่ว่าเอาไว้ ยับยั้งมิให้มันเล็ดลอดออกมา
มีแค่เพียงรอยยิ้มเย็นที่ผุดขึ้นมาตรงมุมปากของเขา
ก็อย่างที่คุณหมอบอกมานั่นแหละ ว่า ‘ยิ่งมีความสามารถมากเท่าไหร่ พลังก็จะยิ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นเร็วเท่านั้น!’
นับจากช่วงเวลาที่ฉีดตัวยาลงไป มันก็ผ่านมาแค่เพียงหนึ่งนาที แต่พลังของเขากลับเริ่มที่จะปรากฏออกมาซะแล้ว … ว่าแต่พลังพิเศษที่เขาได้รับมา สภาพสมบูรณ์ของมันจะเป็นยังไงกันแน่นะ?
มันน่าเสียดาย ที่ในชีวิตก่อนหน้า เขาไม่มีกระทั่งเวลาที่จะได้เชยชมพลังพิเศษของตัวเองอย่างเต็มที่ ก็ดันมาถูกลักพาตัวไปซะก่อน โดนจับทรมาน ทำการทดลองที่ผิดมนุษย์มนา โดยคนที่ต้องการศึกษาพลังพิเศษของเขา หลังจากที่ย่ำยีตัวฉินเฟิงจนไม่เหลือชิ้นดี กลุ่มคนที่ทำการทดลองก็โยนร่างไร้ประโยชน์ของเขาลงไปในบ่อทิ้งขยะ ปล่อยไปตามท่อระบายน้ำ -แม้สุดท้ายเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่พลังพิเศษก็ไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อยอีกต่อไป
เรียกได้เลยว่า ท้ายที่สุดแล้ว เขาเกือบที่จะกลายเป็นขยะเปียก ลอยเน่าอยู่ในท่อระบายน้ำซะแล้ว!
แต่ตอนนี้ …
ประกายแสงคมกล้ากระพริบไหวในดวงตาของฉินเฟิง
บางที แม้เจ้าตัวจะยังไม่สามารถเอาชนะองค์กรที่ลักพาตัวเขาไปในชีวิตก่อนหน้าได้ในขณะนี้ แต่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เดรัจฉานเช่นพวกมัน คาบเขาไปทรมานทดลองอีกอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เฉินหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของฉินเฟิง
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย
เฉินหมิงที่เห็นถึงกับเย็นวาบ สั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? ทำไมวันนี้ฉินเฟิงมันถึงได้ดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูกจัง?’ เฉินหมิงอดไม่ได้ที่จะสบถในใจ
“เป็นไงบ้างฉินเฟิง ตัวยากระตุ้นมีปฏิกิริยาอะไรรึยัง?” โจวฮ่าวเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ไม่เลย” ฉินเฟิงส่ายหัวของเขา
โจวฮ่าวเห็นถึงความผิดหวังในสายตาอีกฝ่าย ก็ถอนหายใจและกล่าว “ช่างมันเถอะน่า พวกเราที่เหลือก็ยังไม่มีใครรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาของมันเหมือนกัน เอาเป็นว่าตอนนี้ พวกเรากลับไปเริ่มออกกำลังกันก่อนต่อดีกว่า”
“อืม นั่นสินะ กลับกันเถอะ!” ว่าแล้วทั้งสามก็เดินออกจากสถาบันวิจัย มุ่งสู่ภายนอก
ในชีวิตก่อนหน้า ฉินเฟิงไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งหลายปีแล้ว
ที่นี่คือหนึ่งในชุมชนขนาดใหญ่ในเขตชานเมืองใหม่ของเมืองเฉินหยาง คอนกรีตของสิ่งปลูกสร้างต่างๆล้วนถูกเสริมเอาไว้ด้วยเหล็กหนา จุดประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อไม่ให้ถูกทำลาย หรือเจาะเข้าไปโดยง่าย ขณะเดียวกัน เหนือขึ้นไปหลายร้อยเมตรบนท้องฟ้า ก็ยังมีเครื่องจักรกลที่แลดูคล้ายกับดาวเทียมขนาดใหญ่กำลังลอยลำอยู่
นั่นคืออุปกรณ์สำหรับรักษาเสถียรภาพของรอยแยกมิติ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ใช้รับประกันความปลอดภัยของชุมชน
“ฉันจำได้แม่น ว่ามันกำลังจะเกิดขึ้นในตอนนี้”
ฉินเฟิงเกิดความคิดขึ้นในจิตใจของเขา
เปรี้ยง!
ไม่ทันขาดคำ อุปกรณ์มิติบนท้องฟ้าก็พลันลุกไหม้ ระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน
“นั่นไง พึ่งจะได้กลับมาเกิดใหม่แท้ๆ ก็ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดซะแล้ว”