บทที่ 287 หนึ่งศัตรูและอีกสามคน
บทที่ 287 หนึ่งศัตรูและอีกสามคน
วันที่ 15
ลั่วอู๋กลับมาที่สนามการทดสอบการต่อสู้จริงอีกครั้ง
หลายคนในสำนักเฉียนหลงเริ่มมองมาที่เขาอย่างเป็นมิตร ก่อนหน้านี้หลาย ๆ คนในสำนักเฉียนหลงได้พ่ายแพ้ต่อคนของสำนักหม่าเฉินและถูกชิงเอาคะแนนไป
ทุกคนมีความเกลียดชังร่วมกันต่อศัตรูพวกเดียวกัน พวกเขาทุกคนนั้นไม่พอใจกับการกระทำของผู้คนจากสำนักหม่าเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ
และด้วยความที่ลั่วอู๋เป็นคนที่สามารถสยบความหยิ่งผยองของผู้คนจากสำนักหม่าเฉินได้ เขาจึงทำให้หลายคนมีความสุขมาก
ตอนนี้ลั่วอู๋นั้นเอาชนะ ผู้คนจากอาณาจักรภูเขาแห้งแล้งไปแล้วเกือบครึ่ง
โดยเฉพาะสาว ๆ กลุ่มแม่มด ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกนางทั้งหมดจะกลายเป็นแฟนตัวน้อย
“ท่านอาจารย์มาแล้ว!”
“เราเชื่อว่าท่านทำได้”
“ท่านอาจารย์โปรดระวังด้วย ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นจากสำนักหม่าเฉิน กำลังพูดคุยเกี่ยวกับการหาทางกำจัดท่าน”
จนถึงตอนนี้มีหลายคนที่สามารถโค่นผู้คนจากสำนักหม่าเฉินได้ แม้แต่คนป่าเถื่อนในสิบอันดับแรกของรายชื่อ เฉียนหลงก็ยังเคยพ่ายแพ้กันมาบ้างแล้ว แต่มีเพียงลั่วอู๋เท่านั้นที่พวกเขาให้ความสนใจ
นั่นก็เป็นเพราะว่าพฤติกรรมของลั่วอู๋นั้นน่ารังเกียจเกินไป
ผู้คนจากสำนักหม่าเฉินหลายคนพร้อมแล้วที่จะสั่งสอนบทเรียนที่ดีให้แก่ลั่วอู๋
“ไม่ต้องห่วงข้าจะระวังตัวไว้” ลั่วอู๋หัวเราะ
ฉูจงฉวนเดินมากระซิบเตือน “เป้าหมายคนต่อไปของเจ้าอย่างน้อยก็เป็นหนึ่งใน 35 อันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลงนะ ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่สามารถประมาทได้ เจ้าจะต้องควบคุมอารมณ์ของเขาให้ดีเพื่อที่จะรับมือกับเขา”
“ดีเลย” ลั่วอู๋คิดเรื่องนี้และพูดว่า “เจ้าช่วยข้าหน่อยได้ไหม?”
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
“ช่วยรวบรวมข้อมูลของเหล่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักหม่าเฉินมาให้ข้าหน่อย อย่างน้อยข้าก็ต้องรู้ว่าพวกเขามีสัตว์วิญญาณแบบไหนและรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ลั่วอู๋ถาม
ฉูจงฉวนพยักหน้า “นี่เป็นเรื่องง่ายมาก หลายคนที่นี่ในสำนักเฉียนหลง ได้ประมือกับพวกเขาเหล่านั้นมาแล้ว มันจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้”
“ขอบใจมาก อ่ะนี่ ข้าได้สิ่งดี ๆ มาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้ายกมันให้กับเจ้า” ลั่วอู๋หยิบหญ้าพระธาตุออกมา
ฉูจงฉวนรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก จากนั้นเขาก็ยิ้ม “หญ้าพระธาตุงั้นเหรอ ? นี่มันของดีมากเลยนี่นา งั้นข้าขอรับไปอย่างไม่เกรงใจล่ะ ไว้ข้าได้อะไรดี ๆ ข้าก็จะเอามาแบ่งเจ้าเหมือนกัน”
ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ต้องขอบคุณความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง สิ่งดี ๆ ที่พวกเขาเจอจะถูกแบ่งให้กันและกัน
ลั่วอู๋เข้าสู่พื้นที่ของภูเขาแห้งแล้งอีกครั้ง
เป้าหมายในครั้งนี้คือชายที่ชื่อว่าเหมาหลันเหน่อ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 35 ของรายชื่อเฉียนหลง
แมลงกินวิญญาณได้รับการปลดปล่อยออกมา จากนั้นลั่วอู๋ก็พยายามเลือกหาที่ซ่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกพบตัว
เขาระมัดระวังตัวมากตั้งแต่ถูกไห่เซอสะกดรอยตามมาในครั้งก่อน
ทันใดนั้นก็มีสัญญาณมาจากแมลงกินวิญญาณว่าพวกมันพบเหมาหลันเหน่อ
“แล้วมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้วเนื่องจากแมลงกินวิญญาณได้ส่งสัญญาณตามมาอีก ว่ามีคนสามคนคอยเฝ้ายามอยู่รอบ ๆ เหมาหลันเหน่อ
พวกเขามีความการรับรู้ที่ไวต่อพลังวิญญาณอันแตกต่างจากพวกพ้องมาก
หากไม่รวมควบคุมความผันผวนของพลังวิญญาณให้สมบูรณ์ก็อาจจะถูกตรวจพบได้
……
……
ที่ไหนสักแห่งในภูเขาแห้งแล้ง
เหมาหลันเหน่อกำลังพักผ่อนอยู่บนหินที่ดูอันตราย
ไม่ไกลจากเขา มีคนสามคนซ่อนตัวเฝ้ายามอยู่อย่างระมัดระวัง
“ไม่มีนกวิญญาณอยู่แถว ๆ นี้ เจ้าคิดว่าลั่วอู๋จะหา เหมาหลันเหน่อเจอไหม ?”
“ข้าไม่แน่ใจ แต่เจ้าลั่วอู๋ก็คงจะหาทางทำอะไรสักอย่างจนได้แหละ”
“พวกเราต้องสอนบทเรียนให้เจ้านั่น”
“แทนที่พวกเราจะถูกเขาทุบตีทีละคน พวกเราอาจจะหาทางฆ่าเขาด้วยกันสำเร็จก็ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ชายทั้งสามคนนี้อยู่ในอันดับที่ 33, 30 และ 25 ตามลำดับ ในอันดับรายชื่อเฉียนหลง
หากเหมาหลันเหน่อพ่ายแพ้ต่อไปก็จะเป็นตาของพวกเขา
พวกเขาไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นเหยื่อ ดังนั้นพวกเขาจึงริเริ่มมาดักโจมตีก่อน
ถ้าพวกเขาทั้งสี่คนร่วมกันลอบโจมตีอีกฝ่าย ต่อให้เป็นคนในสิบอันดับแรกเองก็คนไม่คณามือพวกเขา ความแข็งแกร่งร่วมกันของพวกเขานั้นยากที่จะต้านทาน ยิ่งถ้าเป็นแค่คนธรรมดา ๆ อย่างลั่วอู๋ ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยด้วยซ้ำ
“เจ้านั่นคิดจะท้าทายหัวกะทิอย่างพวกเราที่มาจากสำนักหม่าเฉินทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว มันบ้ามาก มันคิดจริง ๆ เหรอว่าการเริ่มจากเอาชนะจากกลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุดก่อนจะเป็นเรื่องที่ดีน่ะ ?” ใครบางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและโกรธ
เห็นได้ชัดว่าลั่วอู๋กลายเป็นบุคคลที่น่ารำคาญที่สุดในความคิดของผู้คนจากสำนักหม่าเฉิน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนกระซิบว่า “เดี๋ยวก่อนนะ เจ้ารู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อยไหม ? ข้ารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของข้าไหลเวียนไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”
“เจ้าเองก็เป็นด้วยใช่ไหม?” ชายอีกคนพยายามเรียกใช้พลังวิญญาณของเขาแล้วพูดด้วยความสยดสยอง “นี่มันแปลกมากที่ข้ามีความรู้สึกไม่สบายแบบนี้”
“นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?” คนที่สามตื่นตระหนก
ทันใดนั้นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งลงมา
ลั่วอู๋เงื้อดาบระบำแห่งความตายที่อาบแสงแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้ามา ทั้งร่างของถูกปกคลุมไปด้วยพลังของภูตสงคราม
และที่ด้านข้างของเขาเองก็มีภูตสงครามตามมาด้วย
ปีกทั้งหกและดาบแห่งการพิพากษาในมือของภูตสงครามอยู่ในสภาพลวงตาราวกับว่ามันพร้อมจะหายไปได้ทุกเมื่อ แต่พลังของมันกลับไม่ได้อ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อยและมันก็แข็งแกร่งมาก
“ทำไมไม่มีใครบอกข้าถึงเรื่องนี้ ?”
[แสงแห่งวันพิพากษา]
[ดาบแห่งการทำลายล้าง]
ทั้งสองทักษะถูกใช้ในเวลาเดียวกัน
แสงแห่งวันพิพากษาทะลุการป้องกันของทั้งสามคน ส่วนดาบแห่งการทำลายล้างฟาดฟันลงบนร่างของพวกเขา พลังวิญญาณนั้นระเบิดออกมาในทันที ทำให้พวกเขาไม่ทันได้ระวังตัว
แม้ว่าทั้งสามคนจะพยายามถอยหนี แต่จู่ ๆ พลังวิญญาณในร่างกายของพวกเขาก็ปั่นป่วน นอกจากนี้ ลั่วอู๋ยังมาปรากฏตัวขึ้นดักหน้าพวกเขา ทำให้พวกเขาทุกคนได้รับบาดเจ็บทั้งหมด
ชายคนหนึ่งแขนหักและอีกสองคนเกือบจะถูกฟันจนข้อมือขาด
แต่ตราบใดที่พวกเขายังไม่ตาย ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้
อย่างไรก็ตามไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด พวกมันถูกดูดออกไปด้วยดาบระบำแห่งความตาย
“พวกเราขอยอมแพ้!” ทั้งสามร้องยอมจำนนในทันที
พวกเขาไม่รู้ว่าลั่วอู๋พบตัวพวกเขาที่ซุ่มอยู่ได้อย่างไร จู่ ๆ เขาก็ปรากฏตัวตัวขึ้นมา ที่แน่ ๆ ตอนนี้พวกเขารู้ว่า พวกเขาก็ไม่น่าจะสามารถรับมือกับการโจมตีระลอกต่อไปจากลั่วอู๋ได้อีก เนื่องจากพวกเขานั้นถูกโจมตีและได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
ลั่วอู๋หยุดโจมตีในทันที
จากนั้นอาจารย์พิเศษที่รับผิดชอบการทดสอบก็ปรากฏตัวและพาทั้งสามคนออกไป
ก่อนออกไปอาจารย์พิเศษหันมามองที่ลั่วอู๋อย่างเห็นชอบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ทำได้ดีมากเจ้าเด็กน้อย”
เขานั้นเป็นอาจารย์พิเศษของสำนักเฉียนหลงและเขาก็โปรดปรานลั่วอู๋ด้วยเช่นกัน
“ทำได้ดีนี่มีรางวัลให้รึเปล่า?” ลั่วอู๋น่าสงสาร
อาจารย์พิเศษหัวเราะและโยนเม็ดยาลงมาให้ลั่วอู๋ เขากล่าวอย่างมีนัยว่า “นี่คือยาระดับเจ็ด ชื่อว่ายาหลินฉอง มันมีประสิทธิภาพมากสำหรับการเจริญเติบโตของแมลงวิญญาณกลุ่มนั้น”
หัวใจของลั่วอู๋รู้สึกหวั่นเกรง
แมลงกินวิญญาณของเขาถูกค้นพบโดยอาจารย์พิเศษ
สมแล้วที่เขาคนนั้นเป็นถึงอาจารย์พิเศษของสำนักเฉียนหลง
คำพูดของอาจารย์พิเศษคนนี้ยังได้เตือนลั่วอู๋ว่าเขานั้นไม่เคยใส่ใจเพาะเลี้ยงแมลงกินวิญญาณเลยตั้งแต่เขาได้มันมา
อย่างไรก็ตามแมลงกินวิญญาณนั้นไม่ใช่สัตว์วิญญาณคู่พันธะของเขา และลั่วอู๋ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกมันมากเท่าไหร่
แต่ตอนนี้มันเริ่มจะแย่แล้ว
เนื่องจากศัตรูมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ความแข็งแกร่งที่มากขึ้นก็ยิ่งหมายความว่าพวกเขาจะสามารถปราบปรามผลกระทบเชิงลบที่มาจากแมลงกินวิญญาณได้มากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นทั้งสามคนนี้ พวกเขาถูกแมลงกินวิญญาณโจมตี จนพลังวิญญาณของพวกเขาไหลเวียนไปอย่างปั่นป่วน
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงสามารถรักษาประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก แมลงกินวิญญาณธรรมดา ๆ คงไม่สามารถช่วยให้ลั่วอู๋เอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้อีกต่อไป
“ขอบคุณมากขอรับ ท่านอาจารย์” ลั่วอู๋กล่าวขอบคุณ
อาจารย์พิเศษจากไปและลั่วอู๋ก็มองกลับไปที่เป้าหมายของเขาในวันนี้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
เหมาหลันเหน่อสะดุ้ง จากนั้นก็หันกลับไปอีกทางแล้ววิ่งหนี
“เฮ้ อย่าเพิ่งหนีไปสิ ข้าเพิ่งใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าไป ตอนนี้ข้าสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก ตอนมันนี้ง่ายต่อการเอาชนะข้ามากเลยนะมาลองดูสิ” ลั่วอู๋ไล่ตามเหมาหลันเหน่อไปทุกที่
ที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
การระเบิดพลังวิญญาณอย่างฉับพลัน และการควบคุมแมลงกินวิญญาณจำนวนมากนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นพลังวิญญาณมหาศาล ตอนนี้พลังวิญญาณของลั่วอู๋จึงอยู่ที่ราว ๆ 10%
แต่อีกฝ่ายนั้นยังไม่เชื่อ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาใช้ก้าวพริบตาสอง-สามครั้ง จากนั้นก็หายไปในพริบตา
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นปรมาจารย์ด้านความเร็ว
ลั่วอู๋ที่ตามไม่ทันได้แต่หดหู่
วันนี้เขาจะไม่ได้ฝึกทักษะการต่อสู้อย่างนั้นเหรอ?
ยังไงซะ!
เขาก็ยังสามารถตามหาคนที่เขาเคยเอาชนะไปแล้ว ในวันก่อน ๆ ได้อยู่ดี
นอกจากนี้การที่เขาอยู่ในสภาพที่ขาดพลังวิญญาณ น่าจะทำให้เขาสามารถเข้าใจในวิกฤตของชีวิตและความตายได้ดียิ่งขึ้น