ไหปีศาจ – ตอนที่ 326 ช่างบังเอิญเสียจริง

บทที่ 326 ช่างบังเอิญเสียจริง
บทที่ 326
ช่างบังเอิญเสียจริง

หลี่ชวนเฉิงกำลังตกอยู่ในความสับสน เพราะเขานั้นไม่ได้รู้อะไรเลย

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
ตระกูลหนิงนั้นเป็นตระกูลของแม่ทัพ ไม่ว่าจะเป็นแม่ทัพหนิงหลาวหรือแม่ทัพหนิงเฉียวต่างก็มีอิทธิพลในกองทัพ เขาจึงมั่นใจมากว่าคนจากตระกูลหนิงจะต้องยอมรับคำขอของเขา

แต่ดูเหมือนว่าหนิงฮัวจะเกรงกลัวลั่วอู๋มาก ทำไมกัน?
หลี่ชวนเฉิงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์นี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไหร่ แต่มันก็ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก หนิงฮัวนั้นเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
เขาเป็นลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นปัจจุบันของตระกูลหนิง ร่วมกับหนิงหลิงหลิงพี่สาวของเขา พวกเขาทั้งคู่นั้นผ่านการทดสอบและได้เข้าเรียนที่สำนักเฉียนหลง

การที่พวกเขามีความสามารถเพียงพอในการเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและที่อยู่ในอันดับ ต้น ๆ ของพวกเขา

ทว่าดูเหมือนว่าหนิงฮัวคนนั้นจะไม่กล้าที่จะมีความขัดแย้งกับลั่วอู๋ ลั่วอู๋นั้นเป็นใครกันแน่?

“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถแสดงให้ข้ารู้ได้ว่าเจ้ามีพรรคพวกพร้อมจัดการกับข้าอยู่ข้างนอกนั้น แล้วยังไงต่อล่ะ ? เจ้าจะลองเรียกคนอื่นมาแทนไหม ?” ลั่วอู๋ทำท่าทางที่ดูไร้เดียงสา

“ อย่านิ่งนอนใจไป” หลี่ชวนเฉิงกล่าวอย่างโกรธ ๆ “ข้ารู้จักอัจฉริยะตัวจริงของสำนักเฉียนหลง แต่เขายังไม่ต้องการที่จะปรากฏตัว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังรออยู่ในรถม้าของข้า”

หลี่ชวนเฉิง จากไปด้วยความโกรธ
ทุกคนต่างสงสัย ลั่วอู๋มีความสามารถมากจริง ๆ งั้นเหรอ? หรือว่าเขาจะเป็นผู้มีพรสวรรค์และเป็นหนึ่งในอันดับต้น ๆ ของสำนักเฉียนหลง ?

ผู้คนต่างทยอยให้ความสนใจกับเรื่องนี้ บุคคลดังกล่าวดูเหมือนจะมีค่าให้ผูกมิตรด้วยมาก

ครู่ต่อมาหลี่ชวนเฉิง ได้เดินกลับมาหาลั่วอู๋อีกครั้ง
คราวนี้ด้านหลังเขามีชายหนุ่มผู้มีลมปราณอันอบอุ่นและรอยยิ้มอันสดใสเดินตามมาด้วย เขามีภูตที่มีชีวิตชีวาและน่ารักส่องแสงศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างกาย

ผู้คนจำนวนมากมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาแปลก ๆ

สัตว์วิญญาณของเขาคนนี้คือภูตปีกแสง!
ครั้งสุดท้ายที่สัตว์วิญญาณหายากตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นคือเมื่อหลายร้อยปีก่อน มันถูกบันทึกไว้ในบันทึกสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากภูตปีกแสงมีแหล่งกำเนิดมาจากภายในแสงออโรร่าอย่างเดียวเท่านั้น
ทว่าไม่มีปรากฏการณ์อย่างแสงออโรร่าในอาณาจักรของราชวงศ์มังกรเร้นกาย

และการถูกยอมรับโดยสัตว์วิญญาณระดับนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้ ที่อยู่เหนือกว่าระดับธรรมดาไปไกล

เมื่อมองไปที่สีหน้าของลั่วอู๋ หลี่ชวนเฉิงก็กล่าวอย่างมีชัยอีกครั้ง “น้องชายคนเล็กคนนี้เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของรายชื่อเฉียนหลง เขาเป็นอัจฉริยะของสำนักเฉียนหลงโดยแท้จริง”

ลั่วอู๋ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ โลกมันช่างกลมเหลือเกิน
“ ลั่วอู๋ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มกล่าวด้วยถามความประหลาดใจ

ลั่วอู๋มองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ “ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า เหวินเสี่ยวว่าทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเหวินเสี่ยว
“หลังจากที่ข้าเดินทางออกจากสำนักเฉียนหลง ข้าก็ได้เจอเข้ากับองค์ชายรัชทายาท จากนั้นข้าก็ได้รับเชิญให้ไปเยี่ยมมณฑลพิงหนาน ซึ่งข้าเองก็ไม่มีที่ไป ดังนั้นข้าจึงตอบตกลงน่ะ” เหวินเสี่ยวกล่าว

เขาไม่รู้ว่าเหวินเสี่ยวมาจากที่ไหนกันแน่ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือเขาไม่ได้มาจากอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกายอย่างแน่นอน เขาคงจะไม่ได้ไปไหนเลยในช่วงวันหยุดหนึ่งเดือนของสำนักเฉียนหลง

อย่างไรก็ตามต่อมาหลี่ชวนเฉิงได้มีโอกาสไปที่พระราชวังในเมืองหลวงของจักรวรรดิ จึงได้ขอให้เขาไปด้วยกัน เพื่อที่จะผูกมิตรกับเหวินเสี่ยว

หลี่ชวนเฉิง ภูมิใจในเรื่องนี้มาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกับนักเรียนจากสำนักเฉียนหลงง่ายๆแบบนี้

แต่ในตอนนี้หลี่ชวนเฉิงกำลังสูญเสียความภูมิใจนั้น
ว่ายังไงนะ? ทำไมทุกคนถึงรู้จักลั่วอู๋กันหมด?
เหวินเสี่ยวก้มลงกล่าวขอโทษหลี่ชวนเฉิง“ฝ่าบาทขอบคุณสำหรับการดูแลที่ผ่านมาของท่านมาก แต่ข้าเกรงว่าข้าคงจะไม่สามารถจัดการกับลั่วอู๋แทนท่านได้”

“ทำไมกัน!” หลี่ชวนเฉิงโกรธมากจนไม่สามารถยอมรับได้ “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”

เหวินเสี่ยวกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ขออภัยด้วย แต่ถ้าท่านพูดอย่างนั้น ข้าคงทำได้แค่ตัดความเป็นเพื่อนกับท่าน ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ข้าจะช่วยท่านจัดการเขาได้อย่างไร”

หลี่ชวนเฉิงตกตะลึงในใจ “เจ้าหมายความว่ายังไงกัน ? เจ้าเป็นอัจฉริยะอันดับเก้าในอันดับรายชื่อของสำนักเฉียนหลงไม่ใช่เหรอ ? เจ้าโกหกข้าหรือยังไง?”

“ไม่แน่นอน” เหวินเสี่ยวดูแปลก ๆ ไป “แต่อันดับที่เก้าจะไปเอาชนะอันดับที่หนึ่งในรายชื่อของสำนักเฉียนหลงได้อย่างไรกันล่ะ ?”

หลี่ชวนเฉิง หยุดนิ่งไปราวกับถูกฟ้าผ่า
อันดับ 1 ในรายชื่อของสำนักเฉียนหลง !!
อันดับหนึ่งของรายชื่อในสำนักเฉียนหลงควรจะเป็น เอ๋าเฉียนจุนไม่ใช่เหรอ ควรจะเป็นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นสิ แม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดนัก แต่ก็คงไม่มีคิดว่าเอ๋าเฉียนจุนจะไม่สามารถชิงอันดับหนึ่งของรายชื่อมาได้

ความสำเร็จของเอ๋าเฉียนจุนนั้นโด่งดังมาก เนื่องจากเขาสามารถปราบปรามผู้คนในรุ่นเดียวกันทั้งหมดในเมืองหลวงของจักรวรรดิได้ และความสามารถของเขาก็เป็นอะไรที่ทำให้หลาย ๆ คนพูดไม่ออก

แล้วอันดับหนึ่งของรายชื่อสำนักเฉียนหลงจะเป็นลั่วอู๋ไปได้อย่างไรกัน

ทำไมถึงเป็นชายคนนี้
เขาเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงด้วยงั้นเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อสำนักเฉียนหลงอีกเหรอ?

หลี่ชวนเฉิงเริ่มเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ทุกกองกำลังไม่กล้าที่จะรุกรานชายผู้เย่อหยิ่งคนนี้ ผู้ที่ได้ปราบปรามเหล่าอัจฉริยะอันน่ากลัวในรุ่นเดียวกันทั้งหมดของเขา

แต่ทำไมในตอนที่เขาได้เจอกันเมื่อสองปีก่อน ลั่วอู๋กลับยังเป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดงทั่ว ๆ ไป เขาเติบโตจนแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร

เสียงโห่ร้องแห่งการอดกลั้นดังขึ้นในห้องโถงเฟิงเทียน
เขานั่นเอง!
อันดับหนึ่งในรายชื่อของสำนักเฉียนหลงสำหรับปีนี้คือลั่วอู๋?

โอ้พระเจ้า! สัตว์ประหลาดของตระกูลเอ๋าพ่ายแพ้ให้กับเขาอย่างนั้นเหรอ?

ในที่สุดเหล่ากองกำลังต่าง ๆ ที่ไม่รู้สถานการณ์ภายในของสำนักเฉียนหลงก็ได้รู้ว่าเหตุใดคฤหาสน์ชวนเทียน จึงได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับลั่วอู๋ และเหตุใดทำไมองค์ชายเล็กจึงได้ข่มลูกพี่ลูกน้องของตัวเองเพราะเห็นแก่ลั่วอู๋ และเพราะเหตุใดตระกูลลั่วถึงได้แสดงท่าทียินยอมและเยินยอลั่วอู๋
เพราะเขาคืออันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลง ผู้เป็นดาวรุ่งอันเจิดจรัสที่สุดในยุคนี้

แต่เดิมเหตุการณ์นี้รู้กันเพียงแค่ในวงเล็ก ๆ เท่านั้น แต่หลังจากความวุ่นวายดังกล่าว ข่าวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิ

ตอนนี้ชื่อของลั่วอู๋ได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรราชวงศ์มังกรเร้นกายแล้ว

ตัวแทนหลายคนจากกองกำลังต่าง ๆ ล้วนจ้องมองไปที่ลั่วอู๋ บางทีพวกเขาอาจกำลังคิดอยู่ก็ได้ว่าจะหาโอกาสสร้างไมตรีกับลั่วอู๋ได้อย่างไร

“เจ้ายังต้องการจะพูดอะไรต่อรึเปล่า ?” ลั่วอู๋มองไปที่ หลี่ชวนเฉิง

ลั่วอู๋ไม่ได้รู้สึกยินดีที่ได้หักหน้าเขา แต่กลับรู้สึกเห็นใจหลี่ชวนเฉิงเล็กน้อย

เขาโชคร้ายเกินไปแล้ว ทำไมผู้ที่เขาเรียกมาทุกคนถึงได้เป็นคนรู้จักของลั่วอู๋กันหมด

หลี่ชวนเฉิงก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก เมื่อมองไปที่ลั่วอู๋เขารู้สึกเหมือนกำลังมองไปที่สัตว์ประหลาด “ไม่ ไม่มีแล้ว”

เขาจะกล้าหาเรื่องลั่วอู๋ต่อไปได้อย่างไรกัน
ทายาทของตระกูลลั่วพร้อมด้วยสถานะอันดับหนึ่งของรายชื่อเฉียนหลง

ถ้าอีกฝ่ายคิดจะมีเรื่องกับเขาล่ะก็ คงจะไม่มีใครยอมออกมารับหน้าให้กับเขาเป็นแน่

ตอนนี้หลี่ชวนเฉิงอยากจะร้องไห้โดยที่ไม่มีน้ำตา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลงและจากไปด้วยความตกใจ

มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายเหลือเกินในวันนี้
หากไม่ใช่เพราะเขาต้องอยู่รอมอบของขวัญให้กับองค์จักรพรรดิแล้วล่ะก็ เขาคงหนีออกจากพระราชวังโดยเร็วที่สุดไปแล้ว

เหวินเสี่ยวกล่าว “ข้าคงจะไม่ได้กลับไปที่มณฑลพิงหนานแล้วล่ะ ตอนนี้ข้าขออยู่กับเจ้าไปก่อนได้ไหม อย่างน้อยเจ้าก็สามารถพาข้าไปเป็นยามได้นะ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงจะเป็นผู้มีอิทธิพลน่าดู ที่ได้อัจฉริยะอันดับเก้าในรายชื่อเฉียนหลงมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า” ลั่วอู๋หัวเราะ

เหวินเสี่ยวหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “พวกเราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วนี่นา เจ้าคงไม่มีทางให้ข้าทำหน้าที่องครักษ์จริง ๆ หรอกใช่ไหมล่ะ”

“ฮ่า ฮ่า ไม่แน่นอน”
มันคงเป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น เหวินเสี่ยวจะได้สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้

พวกเขาคุยกันและหัวเราะ
เหวินเสี่ยวดูมีความสุขมาก เขาวางแผนที่จะเสริมสร้างมิตรภาพกับลั่วอู๋ แต่เขาไม่คาดคิดว่าโอกาสมันจะมาในรูปแบบที่สับสนขนาดนี้

ขณะเดียวกัน เซาฉาง ก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดมากราวกับว่าเขากำลังมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น

“น้องชายลั่วมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับ…เจ้า” เซาฉาง ถอนหายใจ

หัวใจของลั่วอู๋จมลงในทันทีเขาต้องหมายถึงสิ่งที่มีค่ามากแน่ ๆ เซาฉาง ถึงได้แสดงสีหน้าเช่นนี้ “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ ?”

“ โฉวหยวนกัวทั้งสิบลูกของเจ้าหายไปหมดแล้ว”
“หา?!”

ไหปีศาจ

ไหปีศาจ

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ไหปีศาจลั่วอู๋ โดนไหหล่นใส่หัวจนข้ามมิติไปอยู่ในร่างของ นายน้อยลั่ว ผู้ถูกเนรเทศ เพราะไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าไหที่เป็นปัญหาได้เชื่อมต่อกับเขา ความสามารถของเจ้าไหปีศาจนี้ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เพียงแค่ ลั่วอู๋ใส่ ดอกหญ้าลงไปมั่วๆ มันสังเคราะห์สัตว์วิญญาณระดับเงินให้กับเขา ยิ่งเขาลองใส่ของลงไปมั่วซั่วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเคราะห์ สิ่งต่างๆออกมา ทั้ง ยาวิญญาณ อาวุธวิญญาณ สัตว์อสูร ภูต

Comment

Options

not work with dark mode
Reset