บทที่ 327 ของถวาย
บทที่ 327
ของถวาย
โฉวหยวนกัวนั้นอยู่ในการคุ้มครองโดยแผนกดูแลสมบัติของคฤหาสน์ชวนเทียน
เนื่องจากมีสมบัติล้ำค่ามากมายในบรรดาของขวัญทั้งหมด พวกเขาจึงได้ส่งคนไปคุ้มกันพวกมันในจำนวนที่น่าจะมากเพียงพอ อย่างไรก็ตามแม้จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองอันแน่นหนาดังกล่าวโฉวหยวนกัวก็ยังหายไป
มันเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายจริง ๆ
เพราะที่นี่นั้นเป็นถึงภายในพระราชวัง
กลับกันแล้วลั่วอู๋นั้นรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่โฉวหยวนกัวนั้นได้หายไป เขาคิดว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวเกิดขึ้น ที่แท้มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของ โฉวหยวนกัว
แต่เขาก็ยังต้องถามเกี่ยวกับมันอยู่ดี
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
เซาฉาง กล่าวด้วยความเจ็บปวด “โฉวหยวนกัวถูกบรรจุเอาไว้ในกล่องคริสทัลพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังวิญญาณของมันกระจายออกไป แต่ในตอนที่ข้าเข้าไปตรวจของขวัญ กล่อง คริสทัลนั้นกลับว่างเปล่า”
ก่อนเข้าสู่พิธีการส่งมอบของขวัญจะต้องมีการตรวจสอบรายชื่อและของขวัญก่อน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
โดยในปีที่ผ่าน ๆ มาไม่เคยมีปัญหาแบบนี้มาก่อน ทว่าในครั้งนี้กลับเกิดปัญหาขึ้นเสียอย่างนั้น
“แล้วของขวัญอื่น ๆ ล่ะยังอยู่ดีไหม ?” ลั่วอู๋ ถาม
ถ้าหากเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ แน่ ๆ
เซาฉางส่ายหัว “ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้คนจากคฤหาสน์ชวนเทียนคงตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายกันหมด ที่แปลกก็คือนอกจากโฉวหยวนกัวแล้วของขวัญอื่น ๆ นั้นยังอยู่ครบทุกชิ้น”
“ที่หายไปมีเพียงแค่โฉวหยวนกัวอย่างนั้นเหรอ?” ลั่วอู๋สงสัย
“ใช่ ข้าลองถามยามดูแล้ว แต่ไม่มีใครเข้าไปใกล้กับทีมองครักษ์เลย นอกจากนี้ยังไม่มีใครมีท่าทางน่าสงสัยเลยแม้แต่คนเดียว” เซาฉางดูจริงจัง “ตอนนี้ทีมองครักษ์ทั้งหมดถูกถอดถอนออกไปแล้ว ผู้บริหารสูงสุดทั้งสามคนจึงทำหน้าที่นั่งเฝ้าของขวัญแทนเหล่าองครักษ์เป็นการส่วนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นได้อีก”
ผู้บริหารสูงสุดทั้งสามคนของคฤหาสน์ชวนเทียน ยกเว้นผู้บริหารสูงสุดล้วนพัวพันเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะจะต้องไม่มีของขวัญใดสูญหายไปมากกว่านี้อีก
หากมีของสูญหายนั่นหมายความว่าองครักษ์ทั้งหมดจะไม่ได้รับความไว้วางใจอีกต่อไป และจะไม่มีวันถูกนำกลับมาเรียกใช้อีกจนกว่าจะพบโจรที่ปล้นของเหล่านั้นไป
ตอนนี้สิ่งที่ยากที่สุดคือการหาทางสงบความโกรธของลั่วอู๋
เพื่อป้องกันไม่ให้การส่งมอบของขวัญเกิดข้อผิดพลาด ลั่วอู๋ถูกขอให้เก็บโฉวหยวนกัวไว้กับทางคฤหาสน์ชวนเทียน เป็นผลให้ลั่วอู๋ยอมส่งมอบมันให้พวกเขา ทว่ากลับมีข้อผิดพลาดในการดูแลมหาสมบัตินั้น
ความรับผิดชอบทั้งหมดจึงตกไปอยู่กับทางคฤหาสน์ชวนเทียน
ในฐานะที่เขาเป็นเพียงร้านค้าทั่ว ๆ ไป การที่สมบัติชิ้นสำคัญดังกล่าวถูกขโมยภายใต้การคุ้มครองของคฤหาสน์ ชวนเทียน เขาเกรงว่าจะต้องเคียดแค้นคฤหาสน์ชวนเทียนไปเป็นเวลานานแสนนานแน่
เซาฉางกล่าวขอโทษ “น้องชายลั่ว อย่าเพิ่งกังวลไป ทางเราจะชดเชยการสูญเสียทั้งหมดของเจ้าให้อย่างแน่นอน”
“ ไม่ ๆ ข้าไม่ได้กังวลเลย” ลั่วอู๋หัวเราะ
เซาฉางไม่คาดคิดว่าลั่วอู๋จะตอบสนองกลับมาในลักษณะนี้ เขาคิดว่าลั่วอู๋จะโกรธมาก เนื่องจากมหาสมบัติดังกล่าวนั้นไม่สามารถประเมินเป็นมูลค่าทางธุรกิจได้ อีกทั้งยังเป็นของขวัญที่เขาจะอุทิศมันให้กับองค์จักรพรรดิ
มันมีคุณค่าที่ไม่อาจจับต้องได้เป็นจำนวนมากมหาศาลจนไม่อาจจะสามารถประมาณเป็นมูลค่าได้
“ไม่เป็นไร ในเมื่อมันหายไปแล้วก็ช่วยไม่ได้ ข้าไม่ได้คิดว่าตัวข้าจะได้อะไรจากโฉวหยวนกัวอยู่แล้ว” ลั่วอู๋กล่าว
โฉวหยวนกัวเป็นเพียงแค่ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเคาะประตูเพื่อเข้าสู่กลุ่มของคฤหาสน์ชวนเทียนเท่านั้น เพื่อช่วยให้สำนักโล่พิทักษ์สามารถตั้งหลักในเมืองหลวงของจักรวรรดิได้ในอนาคต
ตอนนี้เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว เพราะลั่วอู๋ไม่สนใจอะไรอย่างรางวัลขององค์จักรพรรดิอยู่แล้ว
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ถ้าคฤหาสน์ ชวนเทียนต้องการชดเชยให้ข้าจริง ๆ ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยสำนักโล่พิทักษ์ให้มากขึ้นในอนาคต เพราะมันคือผลจากความพยายามอย่างเต็มที่ของข้า”
เซาฉางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขากลัวจริงๆว่าลั่วอู๋จะเสนอค่าตอบแทนที่น่าอับอายออกมา เพื่อปกป้องใบหน้าของพวกเขา ทางคฤหาสน์ชวนเทียนจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ลั่วอู๋พอใจ
อย่างไรก็ตามเขาเกรงว่าในหมู่พวกเขาจะมีความขัดแย้งมากมายตามมาในอนาคต ซึ่งเซาฉางไม่ต้องการที่จะเห็นมัน
ใบหน้าของเซาฉางแสดงออกถึงความจริงจัง “น้องชายลั่ว ไม่ต้องกังวลไป ใครที่มันกล้าปองร้ายสำนักโล่พิทักษ์ ในอนาคตก็คือศัตรูของเซาฉาง”
“ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ” ลั่วอู๋พูดด้วยรอยยิ้ม
นี่เป็นจุดจบของเรื่องในคราวนี้
โชคยังดีที่แม้ว่าจะมีของขวัญบางส่วนจะสูญหายไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ส่งรายชื่อของขวัญไปให้กับทางพระราชวัง ดังนั้นพวกเขายังสามารถที่จะขีดฆ่าโฉวหยวนกัวออกจากในรายการของขวัญได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
“เปรี้ยง!” มีแสงไฟระยิบระยับเหนือท้องฟ้าของเมืองหลวง
ทันใดนั้นท้องฟ้ายามค่ำคืนก็เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟสว่างจ้า
นี่คือศิลปะพื้นบ้านโบราณที่เรียกว่าดอกไม้เหล็กหรือที่เรียกว่าต้นไม้เหล็กและดอกไม้เงิน
ดอกไม้เหล็กที่กระจัดกระจายสามารถสร้างความผิดเพี้ยนของแสงได้จากการสะท้อนไปมา
มันให้ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับดวงอาทิตย์กลมตกลงมาบนโลกแล้วกระจายออกไป
ผู้คนนับไม่ถ้วนรีบไปที่ท้องถนนเพื่อที่จะได้เพลิดเพลินไปกับฉากอันงดงาม
เทศกาลของพวกเรามาถึงแล้ว!
ขณะเดียวกันที่ด้านใน พระราชวังก็มีเสียงดนตรีโอ่อ่าดังขึ้นพร้อมกับบรรยากาศอลังการเช่นเสียงกลองสงครามของผู้คน
นี่คือเพลงที่องค์จักรพรรดิชื่นชอบมากที่สุดเมื่อเขาได้เข้าต่อสู้ในสนามรบ ต่อมาเขาก็ได้กำหนดให้เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลงสำหรับวันครบรอบวันเกิดของเขา
ตามเสียงเพลงที่บรรเลงออกมา ชายผู้สวมเสื้อคลุมลายมังกร ผู้มีลมปราณอันสงบนิ่งราวกับภูเขาและมีดวงตาที่เหมือนกับสายฟ้า ได้เดินออกมาอย่างช้าๆ
เขาคือจักรพรรดิแห่งราชวงศ์มังกรเร้นกาย
ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในทวีปนี้
ว่ากันว่านอกจากนี้องค์จักรพรรดิยังเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลังมาก ในตอนที่เขาอายุได้เพียง 30 ปี เขาก็ได้ไปถึงสุดขอบของมิติวิญญาณระดับทองขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียงจริง
พลังปราณมังกรกำลังค่อย ๆ เปล่งออกมา มันเป็นคุณสมบัติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หลังจากที่เขาได้ฝึกฝนทักษะสูงสุดอย่างจนสำเร็จ “ปฏิญาณแห่งจักรพรรดิมังกร”
“ ถวายบังคม ฝ่าบาท” ทุกคนต่างแสดงความเคารพ
องค์จักรพรรดินั่งลงบนเก้าอี้ลายมังกร แม้ว่าเขาจะมีอายุหกสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังดูมีพลังเหมือนเพิ่งอยู่ในวัยสามสิบ ผู้คนต่างรู้สึกว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกำแพงอันแข็งแกร่งที่ไม่สามารถจะผ่านไปได้
“ลุกขึ้น”
เสียงขององค์จักรพรรดินั้นทุ้มและนุ่มลึก
ฝูงชนต่างยืดตัวขึ้น
“เริ่มกันเลยเถอะ” องค์จักรพรรดิพูดเบา ๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไม ดูเหมือนว่าผู้คนจะสัมผัสได้ถึงความเร่งรีบจากคำพูดขององค์จักรพรรดิ
เริ่มต้นพิธีมอบของขวัญได้แล้วเหรอ?
ผู้คนยังคงดูสับสนเล็กน้อย นี่เป็นจุดเริ่มต้นของงานแล้วเหรอ ? ที่นี่ยังคงเป็นห้องโถงด้านนอกอยู่เลยนะ
โดยปกติแล้วพิธีควรถูกจัดที่ห้องโถงด้านในไม่ใช่เหรอ ?
บรรยากาศค่อนข้างแข็งทื่อ แต่ไม่นานนักองค์ชายเล็กก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า”
หลังจากนั้นองค์ชายเล็กก็หยิบแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา
แสงสีทองที่มีประกายสีของดอกกุหลาบพวยพุ่งออกมาจากวงแหวนและกลายเป็นหมาเพลิงและจิ้งจอกเก้าหาง แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีลักษณะที่แตกต่างออกไปจากเดิม”
“สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์อย่างนั้นเหรอ?” ความคิดนี้แวบผ่านเข้ามาในความคิดของแขกทุกคน
ของขวัญชิ้นแรกคือสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์สองตัว เรียกได้ว่าในครั้งนี้องค์ชายเล็กเล่นใหญ่มาก แต่องค์จักรพรรดิจะชอบพวกมันรึเปล่า?
มีแววตาแห่งความเห็นชอบปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “หลี่ซวนซงที่เจ้าทำออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่ในเมื่อมันเป็นจิ้งจอกเก้าหางกลายพันธุ์ก็ดี นี่มันทำให้ข้าพอใจมาก”
“ถ้าฝ่าบาทชอบมันข้าก็พอใจ” องค์ชายเล็กยิ้ม
เขาใช้เวลาค้นคว้านานมากจนได้พบว่าองค์จักรพรรดิเคยมีความฝันที่จะได้ครอบครองจิ้งจอกเก้าหางในตอนที่เขายังเด็ก จากนั้นเขาก็เริ่มคลั่งไคล้ในตัวของจิ้งจอกเก้าหาง
ต่อมาพระอัครมเหสีปลุกเขาจากความหลงใหลด้วยไม้แทน คงไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จมากมายเช่นเขาจะมีงานอดิเรกอย่างนี้
“จิ้งจอกเก้าหางตัวนี้คงทำให้ ท่านนึกถึงความทรงจำดี ๆ ในอดีต อย่างไรก็ตามจิ้งจอกเก้าหางธรรมดาคงไม่สามารถคู่บารมีขององค์จักรพรรดิได้ นี่ไม่ใช่แค่จิ้งจอกเก้าหางกลายพันธุ์ธรรมดา แต่มันเป็นอะไรที่หาได้ยากมาก มันมีรังสีแสงเป็นประกายที่หางของมันแสดงถึงความเป็นมงคล”
“แล้วหมาเพลิงตัวนี้ล่ะ ?” จักรพรรดิถาม
องค์ชายเล็กตอบว่า “มันเป็นของขวัญที่องค์ชายเฉินมอบให้กับองค์หญิงเจียโรว หมาเพลิงกลายพันธุ์ นั้นมีคุณสมบัติเพียงพอในการให้องค์หญิงใช้เป็นพาหนะขี่”
จักรพรรดิอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดออกมาว่า “พวกมันไม่เลวเลย”
เห็นได้ชัดว่าองค์จักรพรรดิทรงพอใจกับของขวัญที่ได้จากองค์ชายเล็กมาก
หลังจากนั้นองค์ชายเล็กก็ถอยออกไปด้วยรอยยิ้ม