“ลูกเลี้ยงไม่ใช่คนหรือยังไง เธอมีหน้ามาทวงเงินสามสิบล้านอีกเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ตระกูลเฉวียนโยนความผิดให้หลินเฉี่ยนทุกครั้งที่เกิดเรื่อง แต่ตอนนี้เธอมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งและไม่ต้องถูกใส่ความอีกต่อไปแล้ว”
คุณหนูเยี่ยจ้องมองหลินเฉี่ยนก่อนเลื่อนสายตาไปที่หลี่จิ่น แน่นอนว่าสุดท้ายเธอเชื่อหลี่จิ่นและคิดว่าคุณนายเฉวียนเป็นฝ่ายที่โกหกทั้งเพ
“ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าหลินเฉี่ยนยั่วยวนลูกชายของคุณและเขาก็เป็นเหยื่อ แต่ตอนนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าพวกเราและพูดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะคะคุณนายเฉวียน” คุณหนูเยี่ยถาม
“เรื่องนั้น…”
“คุณเป็นแม่เลี้ยงที่น่าขยะแขยงจริงๆ ” เธอขึ้นเสียงใส่ไม่ยั้งแทนหลินเฉี่ยน จากนั้นจึงหันไปกล่าวขอโทษอีกฝ่าย “ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณหลิน ฉันเข้าใจคุณผิดไปและก็ดีใจที่ทุกอย่างชัดเจนสักที ไม่อย่างนั้นตระกูลเฉวียนคงจะใส่ความคุณต่อไปทุกครั้งที่เกิดเรื่องแน่”
หลินเฉี่ยนเหลือบมองคุณนายเฉวียนและเห็นว่าเธอมองกลับมาอย่างหวังว่าตัวเองจะช่วยพูดเพื่อปกป้องให้ ทว่าหลินเฉี่ยนกลับทำเมินเฉยใส่
“คุณนายเฉวียน คุณจะโทษหลินเฉี่ยนต่อไปไม่ได้แล้วนะคะ ถึงเวลาบอกฉันมาสักทีว่าเฉวียนจื่อเยี่ย
อยู่ที่ไหน”
ตอนนี้เองที่คุณนายเฉวียนรู้สึกไปต่อไม่เป็นด้วยความสิ้นไร้ไม้ตอกของตัวเอง ก่อนที่หลินเฉี่ยนจะมาถึงเธอยังมีหนทางที่จะโยนความผิดให้อีกฝ่าย แต่ตอนนี้ที่หลินเฉี่ยนมายืนตรงหน้าทุกคนพร้อมหลี่จิ่น ดูราวกับว่าหลินเฉี่ยนได้ตบหน้าเธอฉาดใหญ่
“คือว่าเรื่องนี้…”
“ตระกูลเฉวียนคิดว่าจะมาทำเล่นๆ กับตระกูลเยี่ยได้เหรอคะ แต่ก่อนคุณกดขี่รังแกหลินเฉี่ยน ต่อจากนี้คุณก็กำลังวางแผนจะรังแกฉันเหมือนกันใช่ไหมคะ บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าไม่มีทาง”
ในจังหวะที่คุณหนูเยี่ยเริ่มนำครอบครัวของเธอออกจากบ้านไป พ่อบ้านพลันรีบวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์ในมือก่อนเอ่ยกับคุณนายเฉวียน “นายหญิงครับ ติดต่อนายน้อยได้แล้วครับ เร็วเข้าครับ…”
“เสี่ยวเยี่ย อย่าเพิ่งโกรธเลยนะ ดูสิ เราติดต่อจื่อเยี่ยได้แล้ว” พูดจบเธอก็รับโทรศัพท์และเปิดลำโพง “ลูกอยู่ที่ไหนกันน่ะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก ทุกคนเข้าใจผิดลูกกันหมดแล้วนะแล้วยังทำให้เสี่ยวเยี่ยโกรธด้วย”
“ผมออกมาเที่ยวเล่นกับสาวๆ น่ะครับ คงไม่กลับไปเร็วๆ นี้หรอก ถ้าแม่ต้องการก็หมั้นแทนผมไปได้เลยครับ…
…แม่ไม่ได้ชอบบงการชีวิตผมหรอกเหรอ อย่างนั้นผมจะอยู่หรือไม่อยู่ก็คงไม่ต่างกันหรอกครับ ทำไมผมต้องไปที่นั่นด้วยล่ะ แม่ก็ตัดสินใจเอาเองอยู่แล้วนี่…
…แม่คงจัดการเรื่องงานหมั้นของผม รวมถึงเรื่องงานแต่งด้วยได้นะครับ ทุกคนคงจะพอใจแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงชวนหลงใหลของเฉวียนจื่อเยี่ยดังลอดมาจากปลายสาย
“ส่วนคุณหนูเยี่ย ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ถ้าผมปฏิเสธคุณ แม่ของผมคงข่มขู่ผมถึงตายและลงโทษผมแน่ ผมทำได้แค่ยอมตกลงหมั้นหมายไปผ่านๆ น่ะครับ…” เขาว่าขึ้นต่อหลังเงียบไปครู่หนึ่ง “…แต่ว่าเอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย ผมขอโทษครับ คุณเข้าร่วมพิธีจนจบด้วยตัวเองได้เลยนะครับ ถือว่าเป็นของขวัญให้คุณแล้วกัน”
หลังจากเฉวียนจื่อเยี่ยพูดจบ เสียงตบดังขึ้นก้องไปทั้งห้องซึ่งมีที่มาจากฝ่ามือของคุณหนูเยี่ยที่ฟาดเข้าที่ใบหน้าของคุณนายเฉวียน
ทุกคนตกตะลึงไปตามๆ กัน
“ฉันเกลียดพ่อแม่ที่เจ้ากี้เจ้าการกับลูกของตัวเอง แล้วคุณเองก็ยังทำไม่เลิกรา ทีแรกเป็นคราวของหลินเฉี่ยน ตอนนี้ถึงทีของเฉวียนจื่อเยี่ย คุณล้อเล่นกับความรู้สึกของลูกเพียงเพื่อพิสูจน์อำนาจของตัวเอง เป็นโรคจิตหรือยังไงคะ! …
…ฉันต้องขอบคุณเฉวียนจื่อเยี่ยกับสิ่งที่เขาทำวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันคงเกือบกระโดดลงไปในขุมนรกแล้ว…
ในเมื่อตระกูลเฉวียนชอบเสแสร้งมากนัก พวกเขาก็ทำได้เหมือนกันค่ะ” สิ้นประโยค คุณหนูเยี่ยเดินออกจากงานเลี้ยงฉลองงานหมั้นที่น่าขบขันพร้อมกับครอบครัวของเธอ
บรรดาแขกเหรื่อต่างเฝ้าดูต่อไป หากไม่ใช่รอดูงานเลี้ยงแต่กลับเป็นการแสดงที่น่าระทึกใจต่างหาก
ด้วยหน้ากากของคุณนายเฉวียนที่ถูกฉีกกระชากออกมาต่อหน้าทุกคน
ทว่าในขณะที่เธอดูน่าสงสารแต่ก็ยากที่จะไม่เกลียดเธอได้เช่นกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการกระทำของเธอเองและทุกอย่างมันเลยเถิดมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เธอคอยบงการชีวิตลูกๆ ของเธอมาตลอด ทั้งลูกชายของเธอยังมาหักหลังในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
ตอนนี้ทั้งปักกิ่งรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ ต่อไปนี้เธอจะมีหน้าไปพบใครได้อีก
คุณพ่อเฉวียนบอกให้พ่อบ้านรีบส่งแขกออกไปทันทีเพราะเรื่องมันชักน่าอับอายเกินไปเสียแล้ว
จากนั้นคุณพ่อและคุณนายเฉวียนจึงเอ่ยขอร้องหลินเฉี่ยน “เสี่ยวเฉี่ยน ตระกูลเฉวียนขอโทษกับสิ่งที่เราทำลงไป แต่เธอก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้แล้ว แม่ของเธอทุกข์ทรมานจากเรื่องนี้มาก เธอช่วยพูดแก้ต่างกับสาธารณชนให้เราได้ไหม…
“ถึงยังไงเราก็เลี้ยงดูเธอมานะ”
“ถ้าคุณไม่ยกเรื่องนั้นมาพูด เราอาจพอจะคุยกันได้อยู่นะคะ แต่คุณเฉวียนคะ มันน่าขยะแขยงที่ได้ยินคุณบอกว่าคุณเลี้ยงฉันมา” หลินเฉี่ยนตอบอย่างไม่อ้อมค้อม “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันจะไม่ซ้ำเติมความซวยของพวกคุณหรอก แต่…ฉันจะไม่มีวันโกหกเพื่อคุณนายเฉวียนเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงจะไม่ต่างจากเธอหรอกค่ะ”
“ให้ตายเถอะ เราทำตัวเองแท้ๆ เลย”
หากพวกเขารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาคงจะไม่ทำอย่างที่เคยทำในอดีต
ในตอนนี้ คุณพ่อเฉวียนติดต่อคนรู้จักและขอให้เขาช่วยควบคุมสถานการณ์ไม่ให้มีข่าวเสียๆ หายๆ เกี่ยวกับตระกูลเฉวียนเล็ดลอดออกไป อย่างไรก็ตามหลี่จิ่นได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ตระกูลเฉวียนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากออกหน้าแก้ต่างให้ตัวเอง พวกเขาไม่อาจรังแกหลินเฉี่ยนโดยที่ไม่ได้รับผลกรรมใดๆ เลยได้
“เป็นการแสดงที่สนุกจริงๆ เลยนะ” ถังหนิงยักคิ้วให้หลินเฉี่ยนขณะที่เดินจากไป
ครั้งนี้ทั้งเฉวียนจื่อเยี่ยและหลี่จิ่นได้ช่วยหลินเฉี่ยนแก้แค้นได้อย่างเจ็บแสบ
“สนุกไหมครับ” โม่ถิงถามข้างหูภรรยาของตัวเอง
“แน่นอนสิคะ จากนี้ไปจะได้ไม่มีคนพูดว่าหลินเฉี่ยนอ่อยพี่ชายของเธอสักที” ถังหนิงตอบ
ในขณะเดียวกันเพราะความน่าเกรงขามของโม่ถิง จึงไม่มีแขกคนไหนกล้าเข้าใกล้ทั้งคู่ แม้ว่าหลายคนจะอยากเข้ามาขอลายเซ็นถังหนิงก็ตาม
โม่ถิงโอบป้องกันถังหนิงไว้ขณะพวกเขาเดินออกมา อย่างไรก็ตามจนถึงบัดนี้ หลายคนยังไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งคู่ถึงได้มาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงนี้
หากแต่เหตุผลนั้นช่างเรียบง่าย เพราะเพื่อนของพวกเขาอย่างไรล่ะ!
หลังเหตุการณ์วุ่นวายจลง สุดท้ายค่ำคืนนี้จบลงพร้อมคุณนายเฉวียนที่เป็นลมล้มพับไป จากเดิมทีที่เป็นงานเลี้ยงฉลองงานหมั้นที่เตรียมการมาอย่างดี ทว่ากลับจบลงด้วยความย่อยยับไม่มีชิ้นดี
หรือนี่จะเป็นผลจากความโกรธแค้นของเฉวียนจื่อเยี่ยที่สั่งสมมาตลอดหลายปีกัน
เขาระเบิดออกมาในคราวเดียวเลยหรือ
แน่นอนว่าหลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น หลินเฉี่ยนไม่ได้รับผลกระทบจากข่าวอื้อฉาวของคุณนายเฉวียนแต่อย่างใด
“กลับบ้านกันเถอะครับ ผมจะไปส่งคุณที่บ้านเอง” หลี่จิ่นเอ่ยขณะที่มองความพังพินาศของบ้านตระกูลเฉวียน “ไม่มีประโยชน์อะไรจะอยู่ที่นี่แล้วล่ะครับ”
“ค่ะ” หลินเฉี่ยนพยักหน้ารับ
แม้ว่าคุณหนูเยี่ยจะเป็นคนที่น่าสนใจและดูน่ารัก หลินเฉี่ยนก็ยินดีกับเฉวียนจื่อเยี่ย อย่างน้อยเมื่อเป็นเรื่องของการแต่งงานเขาก็ไม่ยอมง่ายๆ
จบเรื่องนี้คุณนายเฉวียนคงจะไม่ไปเจ้ากี้เจ้าการกับความรักของเขาอีกใช่ไหมนะ
แน่นอนว่าเว้นเสียแต่เธออยากจะฉีกหน้าตัวเองให้ต้องอับอายขายหน้าอีกครั้ง…