“เฉินซิงเยียนกลับมาทำงานแล้วนะ เพื่อนฉันบอกว่าเธอกำลังจะถ่ายโฆษณาแต่ไปรู้เอาหน้างานว่าถูกเปลี่ยนตัว”
“ดูจากความร้ายแรงของสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เฉินซิงเยียนนับว่ากล้ามากเลยนะ”
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงกลัวเกินกว่าจะโผล่หน้าไปให้ใครเห็น มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ”
“เท่าที่ฉันเห็น ฉันไม่คิดว่าเรื่องนี้จะจบลงได้ง่ายๆ คอยดูเถอะ เมื่อไหร่ที่เฉินซิงเยียนรับมือแรงกดดันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เธอจะต้องออกมาขอโทษอย่างแน่นอน”
นี่คือการถกเถียงที่เฉินซิงเยียนได้ยินในห้องน้ำก่อนที่จะเข้าไปออดิชั่น เป็นบทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนที่อยู่ในวงการ
ตอนนั้นเฉินซิงเยียนอยู่ในห้องเล็กๆ หญิงสาวไม่ได้ซ่อนตัวแต่กลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นผู้หญิงสองคนนั้นขณะที่เดินผ่านพวกเธอไปเติมเครื่องสำอางที่อ่างล้างมือ
ผู้หญิงทั้งสองคนรู้สึกอับอายที่ถูกจับได้ หลังจากเห็นความสบนิ่งบนใบหน้าของเฉินซิงเยียน พวกเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามเลี่ยงเธอด้วยการออกจากห้องน้ำไป
ถังหนิงเป็นคนแนะนำภาพยนตร์เรื่องที่เฉินซิงเยียนกำลังจะออดิชั่น
แม้ว่าในตอนนี้จะมีคนจำนวนมากที่นินทาเธอ เฉินซิงเยียนก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว หากพวกเขาอยากจะพูด พวกเขาก็สามารถพูดได้เท่าที่ต้องการ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถึงอย่างไร หญิงสาวก็ไม่ได้สูญเสียตัวตนของเธอ
“ดูสิ นั่นเฉินซิงเยียนนี่ เธอมีกึ๋นพอจะมาออดิชั่นด้วยแฮะ”
“พวกเธอสักคนควรจะโทรหาครอบครัวของเหยื่อรายนั้นแล้วบอกพวกเขาว่าเฉินซิงเยียนอยู่ที่นี่นะ นั่นจะถือว่าเป็นการความดีเลยล่ะ”
“ใช่ ยัยนั่นควรได้รับบทเรียน”
ในตอนท้าย ใครบางคนก็แอบติดต่อสื่อมวลชนอย่างลับๆ และสื่อรายนั้นก็ติดต่อสมาชิกครอบครัวของเหยื่ออย่างรวดเร็ว…
เฉินซิงเยียนเตรียมตัวเอาไว้แล้วว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ในตอนที่เหล่าสมาชิกครอบครัวเดินปึงปังเข้ามาในห้องออดิชั่น หญิงสาวก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่งอยู่ดี
หญิงสาวรู้สึกสับสนไปหมด มันเป็นความรู้สึกผิดผสมกับความไม่อยากยอมรับว่าตนผิด เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้
“สามีของฉันยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล ไม่รู้เลยว่าจะรอดหรือเปล่า แต่คุณกลับไร้ยางอายมากพอที่จะเข้าร่วมการออดิชั่นและคาดหวังว่าจะได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์งั้นเหรอ คิดเหรอว่าคนสารเลวอย่างคุณคู่ควรกับมันน่ะ”
คนจำนวนมากยืนเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่รอบๆ โดยไม่มีเจตนาที่จะหยุดไม่ให้ผู้หญิงคนนี้โจมตีเฉินซิงเยียน
ใครบางคนกำลังก่อปัญหา ดังนั้นการแสดงดีๆ จึงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทุกคนคาดหวังว่าเฉินซิงเยียนจะตกที่นั่งลำบาก หญิงสาวกลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก
“คุณผู้หญิงคะ ถ้าอาการของสามีคุณยังไม่เสถียร คุณควรจะคุยกับหมอหรือผู้กระทำผิดนะคะ มาคุยกับฉันทำไม”
“หยุดเล่นแง่ได้แล้ว! เฉินเทียนเหาคือพ่อแก นี่แกพยายามจะหลีกหนีความรับผิดชอบตอนที่เขาทำผิดหรือยังไง”
“ขอโทษด้วยค่ะ แต่พ่อฉันหายตัวไปตอนที่ฉันอายุหกขวบ…ฉันรับผิดชอบแทนพ่อที่ไม่เคยทำอะไรให้ฉันเลยไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าคุณเป็นฉัน คุณจะทำได้ไหมคะ”
“แต่แกก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกแกมีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดไม่ได้หรอกนะ” ผู้หญิงคนนั้นตื๊อเฉินซิงเยียนต่อ เธอดูเหมือนจะรอให้เฉินซิงเยียนตอบสิ่งที่เธออยากจะได้ยิน ‘เรื่องเงิน’ นั่นเอง
“มีคนอีกตั้งมากมายที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพ่อของฉัน ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว คุณตามตื๊อฉันเพราะฉันเป็นเซเลบและเพราะคุณคิดว่าฉันหาเงินได้เยอะก็เท่านั้นเอง” เฉินซิงเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “ก่อนหน้านี้ฉันติดต่อคุณไปพร้อมกับเสนอทางออก แต่ตอนนั้นคุณมีปฏิกิริยายังไงน่ะเหรอ คุณตบหน้าฉันและบอกให้ฉันไปซะ…
“ขอโทษด้วยค่ะ แต่ฉันยังมีอย่างอื่นต้องไปจัดการ ถ้าคุณไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” พูดจบ เฉินซิงเยียนก็หมุนตัวพร้อมจะจากไป ทว่าผู้หญิงคนนั้นหยุดเธอเอาไว้
“อย่าคิดหนีเชียวนะ มาสะสางเรื่องทุกอย่างกับฉันให้จบในวันนี้จะดีกว่า”
ในตอนท้าย คำถามก็คือเฉินซิงเยียนควรจะแบกรับความรับผิดชอบนี้หรือไม่
มีคนจำนวนมากในที่แห่งนั้นที่อยากจะล้อเลียนเฉินซิงเยียน ซึ่งรวมถึงเหล่านักข่าวจอมสูบเลือดสูบเนื้อพวกนั้นด้วย
เฉินซิงเยียนถูกผู้คนห้อมล้อมไว้ แม้ว่าเสี่ยวซีจะใช้พลังทั้งหมดที่มี หญิงสาวก็ไม่สามารถพาตัวเฉินซิงเยียนออกมาจากคนกลุ่มนั้นได้
ทว่าตอนนั้นเองที่อันจื่อเฮ่ากับลู่เช่อปรากฏตัวพร้อมกับทนายความและบอดีการ์ดอีกจำนวนหนึ่ง สิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือบ่นเรื่องการรักษาความปลอดภัย “ขยะจริงๆ! พวกคุณปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาแล้วทิ้งปัญหาให้ไห่รุ่ยจัดการได้ยังไง”
ทุกคนมองไปยังลู่เช่อ อันจื่อเฮ่า และเหล่านักข่าวที่เปิดทางให้อันจื่อเฮ่าเข้าไปถึงตัวเฉินซิงเยียนอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ลู่เช่อและอันจื่อเฮ่านั้นไม่ได้รีบร้อน พวกเขาพาทรายเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า “จากนี้ไป ถ้าคุณมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเฉินซิงเยียน รบกวนจ้างทนายมาคุยนะครับ
“เดิมทีไห่รุ่ยตั้งใจที่จะมอบเงินชดเชยให้คุณเนื่องด้วยศีลธรรมอันดีและด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่หลังจากที่คุณก่อเรื่อง ทางเราก็ตัดสินใจแล้วว่าจะยกเลิกการตัดสินใจดังกล่าว
“ดังนั้นผมจึงมีเพียงแค่ข่าวร้ายมามอบให้คุณครับ คุณจะไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่แดงเดียว”
…
“ไห่รุ่ยมาถึงแล้ว!”
“โอ้พระเจ้า! คนของไห่รุ่ยอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย พวกเราไม่มีที่ให้ซ่อน หยุดดูแล้วแยกย้ายกันเถอะ”
ใครบางคนพยายามหลบหนีในระหว่างที่สถานการณ์กำลังยุ่งเหยิง ทว่าลู่เช่อไม่ให้โอกาสพวกเขาได้จากไป
“ใครเป็นคนปล่อยข้อมูลเรื่องที่อยู่ของคุณหนูสองครับ ไห่รุ่ยจะหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด คุณหนูสองของเราไม่เคยปฏิบัติตนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของไห่รุ่ยก็จริง แต่อย่ากล้าคิดที่จะลืมว่าท่านประธานโม่ไม่ชอบเวลาที่มีคนมารังแกสมาชิกครอบครัวของท่านนะครับ!
“ไห่รุ่ยจะปล่อยแถลงการณ์เรื่องปัญหาของเฉินเทียนเหาในเร็วๆ นี้ ส่วนคุณหนูสองของเรานั้นไม่ใช่กงการอะไรของพวกคุณครับ…
“หากใครต้องการก่อปัญหาให้กับคุณหนูสองของพวกเรา ท่านประธานโม่จะตอบโต้ด้วยการให้ทนายความของท่านส่งจดหมายไปหา ทนายของพวกเราไม่เคยแพ้ศึกในศาลและพร้อมสำหรับความท้าทายเสมอ”
เมื่อพูดจบ สมาชิกครอบครัวคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาตอนที่ลู่เช่อและอันจื่อเฮ่ากำลังจะนำทางเฉินซิงเยียนออกไป “พวกคุณกำลังปกป้องอาชญากรนะ”
“คุณผู้หญิงครับ ขอผมพูดให้ชัดเจนหน่อยนะ อาชญากรคนนั้นกำลังถูกจับกุมตัว และเพราะเห็นแก่ความยุติธรรม ไห่รุ่ยยังบอกให้สหายในวงการกฎหมายไม่ต้องแก้ต่างให้เฉินเทียนเหาเพราะทางเราเชื่อว่าเขาสมควรถูกลงโทษ นั่นมันยังไม่เพียงพออีกหรือครับ
“ขอผมอธิบายแบบนี้นะครับ คุณหนูสองของพวกเราไม่มีพ่อมาตั้งแต่อายุยังน้อย ถ้าคุณเป็นเธอและตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ คุณจะแบกรับความรับผิดชอบแทนพ่อของคุณไหมครับ ถ้าคุณทำไม่ได้ งั้นก็อย่าตัดสินคนอื่นด้วยมาตรฐานที่แตกต่างออกไป มันมีแต่จะทำให้คุณดูเสแสร้งเท่านั้น
“ดังนั้น คุณผู้หญิงครับ คุณคิดว่าพวกเรากำลังปกป้องอาชญากรนั่นในแง่มุมไหนหรือครับ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรจะพูด ทว่าเธอก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
เธอเพียงแต่จ้องทั้งสามอย่างทำอะไรไม่ถูกในขณะที่พวกเขาเดินจากไป
สำหรับเฉินซิงเยียนแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการยอมรับในฐานะคุณหนูสองแห่งตระกูลโม่และในฐานะน้องสาวของโม่ถิงต่อหน้าสาธารณชน วิธีการของโม่ถิงนั้นทรงพลังและมีประสิทธิภาพเสมอ ดังนั้นเฉินซิงเยียนจึงได้ตระหนักว่ามันมีเหตุผลที่ทุกคนเชื่อถือโม่ถิงอย่างแน่นอน
“คุณหนูสองครับ จากนี้ไปนี่คือคำที่พวกเราจะใช้เรียกคุณ อย่าได้ดูถูกตัวเองอีกเลยนะครับ หากคุณหนูสองพบเจอใครแบบผู้หญิงคนเมื่อกี้อีก ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างโหดเ**้ยมได้เลยครับ เฉพาะในกรณีที่พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้เมื่อได้ยืนหยัดได้จนถึงที่สุดเท่านั้น เพราะนั่นจะหมายความว่าเราไม่สามารถใช้เหตุผลกับพวกเขาได้ครับ”