อันจื่อเฮ่าเหยียดแขนของเขาออกไปโอบรอบเฉินซิงเยียน หลังกวาดตามองดูรอบอะพาร์ตเมนต์ เขาก็วางกุญแจชุดหนึ่งไว้บนโต๊ะกาแฟและกล่าว “บ้านหลังนี้เป็นสินทรัพย์ที่แพงที่สุดของผมในตอนนี้ ผมจะยกให้คุณสองคน พวกคุณจะมาอยู่ที่นี่ก็ได้ถ้าต้องการ ไม่งั้นจะขายมันทิ้งก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน”
ลุงอวิ๋นกับป้าอวิ๋นอึ้ง ชำเลืองตามองกันก่อนเอ่ยถามอันจื่อเฮ่า “เธอจะยกอะพาร์ตเมนต์ของตัวเองให้เรางั้นเหรอ เธอกำลังพูดว่าเราต้องการแค่เงินของเธอหรือไง”
“จื่อเฮ่า แค่เพราะเธอได้ลูกคนรวยอยู่ในมือ เลยลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับอวิ๋นซินของเราหรือไงกัน…” ป้าอวิ๋นเริ่มร้องไห้
“อวิ๋นซินตายไปแล้ว คุณป้าคิดจะให้ผมใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดกับเถ้ากระดูกของเธอเหรอครับ” น้ำเสียงอันจื่อเฮ่าพลันเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น “นอกจากพวกคุณจะไม่ใช่พ่อแม่บังเกิดเกล้าของผมและไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของผมแล้ว เรากำลังพูดถึงชีวิตของผมอยู่นะครับ พวกคุณได้รับสิ่งที่พวกคุณต้องการแล้ว แค่นั้นยังไม่พออีกหรือไง”
“จื่อเฮ่า พูดแบบนี้ไม่ดีเลยนะ…”
“ผมทำตัวสุภาพแล้วครับ พวกคุณรู้ดีว่าตัวเองได้อะไรจากผมไปบ้างตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเอาไปใช้เอง เรื่องนี้ผมรับได้ แต่พวกคุณกลับยกทุกอย่างให้ลูกชายที่เพิ่งแต่งงานใหม่ของพวกคุณ เขาควรเป็นคนที่มาดูแลพวกคุณต่างหาก
“ผมจะย้ายออกจากอะพาร์ตเมนต์นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนี้ไปผมหวังว่าพวกคุณสองคนจะเลิกยึดติดกับผมสักที”
ในความเป็นจริงนั้น อันจื่อเฮ่ารู้ดีว่าสองตายายคู่นี้ไม่ต่างอะไรกับผีดูดเดือดที่กำลังสูบเลือดสูบเนื้อของเขา ที่จริงเขาก็ตระหนักถึงเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว
แต่เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความลำบากใจอะไรให้เขามากนักเพราะเขาคิดว่าทั้งสองจะมีขีดจำกัด ทว่าตอนนี้เฉินซิงเยียนถูกทำให้เจ็บปวด ดังนั้นเขาจึงไม่อาจทนกับคนทั้งสองนี้ได้อีกต่อไป
“เธอจะไม่ดูแลพวกเราไปจนเราตายงั้นเหรอ”
“พวกคุณไม่ได้คลอดผมออกมานะ!” อันจื่อเฮ่าคำราม “คุณป้า คนที่มีศีลธรรมต้องรู้สึกการยับยั้งชั่งใจบ้างนะครับ”
ได้ยินอันจื่อเฮ่าพูดเช่นนั้น ในที่สุดเฉินซิงเยียนก็เข้าใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง แม้แต่ลูกชายของครอบครัวอวิ๋นก็ยังพึ่งพาอันจื่อเฮ่า พวกเขามีลูกชายเป็นของตัวเอง แต่ไม่ได้พึ่งลูกชายคนนั้น แล้วกลับมาเกาะติดอยู่กับอันจื่อเฮ่าเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นแฟนของลูกสาวพวกเขา
เฉินซิงเยียนรู้ดีว่าอันจื่อเฮ่าเป็นคนซื่อสัตย์ แต่เธอก็เข้าใจดีกว่าสองตายายคู่นี้ได้ล้ำเส้นของอันจื่อเฮ่าเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม เฉินซิงเยียนไม่ต้องการให้เขาสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว
ดังนั้นเธอจึงพูดกับสองตายาย “ในเมื่อพวกคุณไม่ยอมรับของที่ผิวเผินอย่างอะพาร์ตเมนต์หลังนี้ งั้นฉันขอรับไว้แล้วกัน”
ได้ยินเช่นนั้นทำให้คนอีกสามคนในห้องตัวแข็งทื่อ
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ป้าอวิ๋นตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “เขายกมันให้พวกเราแล้ว…”
“ทำไมเขาต้องยกให้พวกคุณด้วยล่ะ พวกคุณเป็นอะไรกับเขางั้นเหรอ” เฉินซิงเยียนถาม “เงินของเขาไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศนะ เขาต้องทำงานหนักหามา ทำไมเขาถึงต้องให้พวกคุณทั้งอย่างนั้นล่ะ ฉันไม่สนหรอก ฉันจะเอา…”
“แก…
“จื่อเฮ่า เธอบอกพวกเราว่าเธอจะยกอะพาร์ตเมนต์นี้ให้เรา! เธอคิดจะกลับคำหรือไง” แน่นอนว่าป้าอวิ๋นไม่อาจเอาชนะความหน้าด้านของเฉินซิงเยียนได้ ดังนั้นเธอจึงหันมาหาอันจื่อเฮ่าแทน
“ใช่ เขากำลังจะกลับคำ ในเมื่อไม่มีการเซ็นเอกสารอะไร แล้วพวกคุณจะทำอะไรได้” เฉินซิงเยียนยืนเป็นโล่ให้อันจื่อเฮ่าที่อยู่ด้านหลัง “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณสองคนเป็นพ่อแม่ของอวิ๋นซินแล้วละก็ ป่านนี้ฉันคงถีบพวกคุณไปถึงดาวอังคารแล้ว พวกคุณคิดว่าตัวเองยังมีโอกาสมาที่นี่แล้วเรียกร้องอะไรอีกหรือไง”
“ซิงเยียน…”
“อันจื่อเฮ่า ให้ฉันบอกอะไรนายนะ ไม่ว่านายจะเคยสร้างความไม่พอใจหรือติดค้างอะไรอวิ๋นซินแค่ไหน นายก็ชดใช้ไปหมด แล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา นายอาจจะต้องการดูแลบางคนด้วยความเต็มใจ แต่คนพวกนั้นต้องรู้จักสำนึกบุญคุณด้วย ดังนั้นฉันอยากจะขอให้คนสันหลังยาวสองคนนี้ออกไปได้แล้ว ไม่มีอะไรในบ้านนี้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณ” เฉินซิงเยียนกล่าวพลางชี้ไปที่ประตูบ้าน
ป้าอวิ๋นตัวสั่นด้วยความโกระ แต่เธอไม่อาจทำอะไรได้
แรกเริ่มเธออยากจะแกล้งทำเป็นหมดสติอีกครั้ง ทว่าเฉินซิงเยียนนำเธอไปก้าวหนึ่งด้วยการพูดกับอันจื่อเฮ่า “จื่อเฮ่า โทรหาพี่ชายฉันที ฉันปวดหัว ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บครั้งก่อนยังไม่หายดีหรือเปล่า บอกพี่ชายฉันว่ามีคนบางคนทำให้ฉันไม่พอใจแล้วบอกเขาให้มาจัดการเรื่องนี้ด้วย”
แม้ลุงอวิ๋นและป้าอวิ๋นจะไม่คุ้นเคยกับโม่ถิง แต่ทั้งสองก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเขามาก่อน
ด้วยการแสดงละครที่เฉินซิงเยียนงัดออกมาใช้ สองตายายรีบระงับความโกรธและนั่งอยู่กับที่อย่างหมดหนทางและหน้าซีดเผือด
“จื่อเฮ่า ฉันปวดหัวมากเลย พาฉันไปโรงพยาบาลที…”
เมื่อเห็นหน้าของเฉินซิงเยียนเริ่มซีด อันจื่อเฮ่าก็คิดว่าเธอรู้สึกไม่สบายจริงๆ ชายหนุ่มจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีเพื่อโทรไปยังโรงพยาบาล การกระทำนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับสองตายายอย่างมากจนพวกเขาไม่กล้าพูดถึงอะพาร์ตเมนต์อีกแล้วรีบจากไปทันที
แม้แต่หลานซีซึ่งเป็นคนทำร้ายอวิ๋นซินยังถูกทำร้ายอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของไห่รุ่ย อย่าว่าแต่สองตายายคู่นี้เลย
เมื่อเห็นสองตายายหายตัวไปในกลุ่มควัน เฉินซิงเยียนก็หัวเราะออกมา ขณะที่เธอเอนตัวลงบนโซหา น้ำตาก็เริ่มไหลซึมออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างเนื่องจากหัวเราะมากเกินไป
เห็นดังนั้น อันจื่อเฮ่าจึงสูดหายใจลึกและดึงอีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมกอด “เธอทำฉันกลัวแทบตาย”
“พวกนั้นหน้าด้านมาเล่นเกมกับฉันเอง ฉันเก่งเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เจ็ดขวบแล้ว” หลังเฉินซิงเยียนหยุดหัวเราะ เธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันก่อนให้อันจื่อเฮ่าฟัง “บอกมาสิ ทำไมนายถึงได้ดูแลสองตายายงี่เง่านั่น”
“ก่อนหน้านี้ ฉันรู้สึกผิดเพราะฉันคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้อวิ๋นซินตาย หลังจากนั้นก็เป็นเพราะเหตุผลที่ทำให้รู้สึกใจอ่อน”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อ นายรู้สึกใจอ่อนให้กับสองคนนั้นจริงๆ เรอะ” เฉินซิงเยียนส่ายหน้าพลางลุกขึ้นยืนจากอ้อมกอดของอันจือเอ่า “จากนี้ไป ถ้านายเห็นสองคนนั้นอีก นายไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพอะไรทั้งนั้น ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าพวกนั้นสูบเลือดสูบเนื้อนายเพื่อไปเลี้ยงลูกชายของตัวเอง ฉันละอยากจะด่าแรงๆ ใส่คนพวกนั้นจริงๆ”
อันจื่อเฮ่าดึงเฉินซิงเยียนกลับมาก่อนอีกครั้ง คราวนี้ในที่สุดหัวใจของเขาก็รู้สึกมั่นคงอีกครั้งเพราะเฉินซิงเยียนไม่ยอมแพ้ในตัวเขาและไม่ขวัญเสียไปกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น
“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก…”
“อย่างงั้นก็ดี ถ้านายพยายามจะทำดีกับพวกนั้นอีกละก็ ฉันจะ…”
“ตราบใดที่เธอไม่ทิ้งฉันไป ฉันยินดีทำทุกอย่าง” อันจื่อเฮ่ารีบพูดเสริม
“ทำไมฉันต้องทิ้งนายด้วย มันไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย” เฉินซิงเยียนกอดตอบอันจื่อเฮ่า โชคดีที่เธอมีถังหนิงอยู่ข้างๆ และสอนให้เธอหนักแน่น ไม่เช่นนั้นเธอคงยอมแพ้ให้กับความสัมพันธ์อันน่าเหน็ดเหนื่อยนี้ไปนานแล้ว “จากนี้ไปฉันจะดูแลการเงินของนายเอง พวกบ้านั่นอย่าฝันจะได้เงินจากนายอีกแม้แต่แดงเดียว”
“เอาเลย…”
“เมื่อคืนฉันเจ็บปวดจริงๆ นะ…”
“ฉันรู้” อันจื่อเฮ่าผลักเฉินซิงเยียนออกจากตัวเขาอย่างอ่อนโยน แล้วบรรจุมพิตที่หน้าผากเธอตามด้วยบริเวณริมฝีปากของหญิงสาว “นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอเพราะคนอื่นอีก”
“นายควรทำให้ได้อย่างที่พูด ไม่งั้นฉันจะทิ้งนายจริงๆ ด้วย” หลังพูดจบ เฉินซิงเยียนบดริมฝีปากชองเธอแนบเข้ากับริมฝีปากของอันจื่อเฮ่า ทั้งสองพลันถูกครอบงำด้วยความปรารถนาขณะทั้งคู่แสดงออกถึงความรักทั้งหมดที่พวกเขามีต่อกันและกัน จนกระทั่งอันจื่อเฮ่าวางมือของเขาลงบนหน้าอกของเฉินซิงเยียนอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทำให้ทั้งสองคนหยุดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่… เรายังทำแบบนี้ไม่ได้”