ผู้รักษาสุดแกร่ง – ตอนที่ 85 เจ้าตอไม้

ซูเหวินฉีสูดลมหายใจอยู่สองสามครั้งถึงสงบอารมณ์ลงได้

ก็ไม่รู้ว่าใครต้องการจะหาเรื่องเธอ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ยินคำถามของฉินจุน ไม่รู้แน่นอนว่าเป็นหวังจื่อ

แต่ว่าแค้นนี้ ฉินจุนกลับจำมันได้

แต่ไหนแต่ไรแล้วบทบาทเล็กๆแค่นี้ฉินจุนไม่อยากจะสนใจ แต่ในเมื่อเขาใช้วิธีหน้าเนื้อใจเสือทำเลวทรามแบบนี้ ก็อย่าหาว่าฉินจุนไม่เกรงใจก็แล้วกัน

ทั้งสองมาถึงยอดเขาที่มองลงไปก็เห็นทั่วทั้งตงไห่ ซูเหวินฉีอารมณ์ดีมาก ลืมเรื่องไม่ดีก่อนหน้านี้ไปหมด

สายลมพัดมา กลิ่นดอกชิงเหมยตลบอบอวลไปทั่ว

” ฉันชอบที่นี่ที่สุดเลย น่าเสียดายที่มันยังไม่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต่อไปถ้ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้วได้นอนที่นี่สักคืนหนึ่งคงจะดีมากๆเลย ”

ฉินจุนยิ้ม ทิวทัศน์ของที่นี่ถือว่าไม่เลวเลย แต่ถ้าเทียบกับทิวทัศน์ที่เขาซวนหยวนของท่านอาจารย์แล้วยังห่างไกลกันมาก

ฉินจุนและซูเหวินฉีนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง มองไปยังทิวทัศน์ยามราตรีของตงไห่ รับลมและสูดดมกลิ่นหอมของดอกชิงเหมย ทำให้รู้สึกเงียบสงบและผ่อนคลายมากๆ

ซูเหวินฉีค่อยๆเอนตัวลงและค่อยๆเอาหัวซบที่บนไหล่ของฉินจุน

” ยืมใช้ไหล่ของคุณหน่อย ”

สายลมพัดผ่าน ซูเหวินฉีค่อยๆหลับตาลง

ในเมืองที่พลุกพล่านและวุ่นวาย เธอไม่ค่อยได้รู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มากเท่าไหร่

หลังจากผ่านไปสองสามนาที ทันใดนั้นซูเหวินฉีก็ลืมตาขึ้น

” จู่ๆฉันก็คิดเพลงใหม่ออก ”

ขณะที่พูดซูเหวินฉีก็ลุกขึ้นยืนบนยอดเขา มองไปยังทิวทัศน์แล้วอ้าปากร้องเพลง

“สายลมแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิอันอบอุ่น เสียงหัวเราะยามค่ำคืน ”

” เธอกับฉันพบกันใต้แสงดาว ลมหนาว อบอุ่นใจ ”

“……”

ไม่มีเสียงดนตรี และไม่มีเสียงคอรัส มีเพียงซูเหวินฉีผู้เดียวยืนร้องสดอยู่บนยอดเขา

เสียงนุ่มนวลไพเราะดังก้องกังวาน บนภูเขาสูงแห่งนี้ ประกอบกับดวงดาวระยิบระยับมากมายราวกับมีปาฏิหาริย์

หลังจากร้องไปได้ไม่กี่ท่อน ซูเหวินฉีผายแขนออกมาหมุนตัวอย่างช้าๆแล้วเต้นรำ

ฉากนี้มันช่างสบายตา

ไม่นานซูเหวินฉีก็ร้องจบเพลง มองฉินจุนด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดว่า

” เป็นไงร้องเพราะไหม ? ”

ฉินจุนพยักหน้า ” ไม่เลว ”

ซูเหวินฉีดีใจมากที่ได้รับคำชมจากฉินจุน

ครั้งที่แล้วที่บ้านของฉินจุน ซูเหวินฉีฮัมเพลงที่ฮอทฮิตของเธอ ฉินจุนยังพูดแค่ก็พอได้ ดูสิว่านายนี่จู้จี้จุกจิกแค่ไหน

วันนี้เขาพูดว่าไม่เลวก็ถือว่าเป็นคำชอบสำหรับเธอแล้ว

” เยี่ยมเลย กลับไปจะได้มีเพลงใหม่ในคอนเสิร์ตแล้ว ”

ซูเหวินฉีมีความสุขมาก ราวกับสาวน้อยที่พึ่งซื้อตุ๊กตามาแล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

” นี่ เจ้าตอไม้ ไปเด็ดดอกชิงเหมยกับฉันสิ ! ”

ขณะที่พูด ซูเหวินฉีก็หมุนตัวเดินลงจากภูเขา

ฉินจุนลูบจมูกตัวเอง ทำอะไรไม่ถูก

เจ้าตอไม้ ?

……

วันนี้ซูเหวินฉีอารมณ์ดีมาก ทุกครั้งที่มาหาฉินจุนนั้นมีความสุขมาก แถมครั้งนี้ได้เขียนเพลงใหม่ที่พอใจมากๆ รอจะกลับไปทำเพลงแทบไม่ไหวแล้ว

หลังจากที่ดื่มด่ำอยู่ที่เขาชิงเหมยหนึ่งคืนเต็มๆ พลังต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งจริงๆ หลังจากที่ฉินจุนลงเขาและส่งเธอกลับไป เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากถังหมิ่น

” ป้ารอง ?”

“เสี่ยวจุน ตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า มาบ้านป้าคุยกันหน่อยสิ ”

” ได้ครับ อีกสักพักผมเข้าไป ”

หลินเยวี่ยเหยาไม่ได้ติดต่อกับฉินจุนเลยหลังจากเรื่องหางานครั้งก่อน แม้ว่าจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่ป้ารองก็ยังดีกับเขามาก

คนในตระกูลฉินไม่มีเหลือแล้ว ญาติก็เหลือเพียงไม่กี่คน เขาก็ต้องมาเยี่ยมป้ารองบ่อยๆ

หลังจากที่วางสาย หลินเยวี่ยเหยาก็เซ็งจนไม่อยากจะพูด

” แม่ ไม่ใช่ว่าเที่ยงนี้เราต้องไปทานข้าวกับคนอื่นเหรอ เรียกฉินจุนมาทำไม ”

เรื่องหางานให้ฉินจุนครั้งก่อน ทำให้หลินเยวี่ยเหยาหมดคำพูดอย่างมาก หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าเก๋อฟิงถูกไล่ออกจากซวนหยวนกรุ๊ปแล้ว

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็โชคดีที่ฉินจุนไม่ได้เข้าไป เช่นนั้นไม่แน่เธออาจจะต้องถูกลากไปด้วย

ถังหมิ่นกล่าว ” ตอนเที่ยงเราไปทานข้าวกับป้าซุนใช่มั้ย ได้ข่าวว่าลูกบ้านเขาทำงานในวงการบันเทิง เป็นผู้จัดการ บางทีอาจจะหางานให้เสี่ยวจุนได้ ”

หลินเยวี่ยเหยาหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ เธอนั่งกลอกตาอยู่ที่โซฟาอย่างหงุดหงิด

” แม่ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้วไม่ได้หรอ ทำไมถึงต้องไปพึ่งคนอื่นเขาไปหมด แม่กับป้าซุนก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากขนาดนั้น ใครเขาจะไปช่วยหางานให้ลูกหลานบ้านอื่นกัน ! ”

ถังหมิ่นกล่าว ” แม่กับเขาไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยก็จริง แต่ว่าหยางซินเฉิงที่บ้านป้าซุน เขาคิดอะไรกับลูกไม่ใช่หรอ ไม่อย่างนั้นคงไม่มากินข้าวกับบ้านเราหรอก ”

หลินเยวี่ยเหยาขมวดคิ้ว ” แม่อย่าพูดอะไรมั่วซั่วนะ อะไรคือคิดอะไร หนูไม่ชอบคนทำงานวงการบันเทิง แม่อย่ามาเอาชื่อหนูไปอ้างให้เขาช่วยฉินจุนหางานนะ หนูไม่รับปากอะไรทั้งนั้น ”

ถังหมิ่นกลอกตา ” ยัยลูกคนนี้นี่ แม่ไม่ได้บอกให้แกช่วยสักหน่อย ตื่นเต้นอะไร แค่ไปทานข้าวด้วยกันแค่นั้นเอง ”

……

ฉินจุนรับโทรศัพท์จากป้ารอง บอกว่าไม่ต้องไปหาที่บ้านแล้ว ให้ไปที่ภัตตาคารโกลเด้นดราก้อนได้เลย

ตอนนี้ครอบครัวของป้ารองใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย จะไปร้านอาหารระดับไฮเอนด์แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าภัตตาคารแห่งนี้เป็นของเพ่ยเหลียง คิดว่าไปครั้งนี้คงไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไร

เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวของภัตตาคาร หลังจากที่ฉินจุนเข้ามาแล้วก็พบว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย

ชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคน ดูแล้วเหมือนแม่ลูกกัน

” ป้ารอง ”

ถังหมิ่นรีบแนะนำตัว ” พี่ซุน นี่หลานชายฉันเองฉินจุน ”

หลังจากที่แนะนำตัวเสร็จฉินจุนจึงรู้ว่า วันนี้ถังหมิ่นเป็นคนนัดซุนต้าเหมยมา และเหตุผลที่เรียกฉินจุนมาก็เพื่อช่วยหางานให้เขา

” เสี่ยวหยาง ได้ข่าวว่าเธอทำงานที่บริษัทในวงการบันเทิงใช่มั้ย? คงได้เงินเยอะเลยใช่มั้ย ? ”

” หยางซินเฉิงทั้งตัวผอมตัวเล็ก ดูๆไปเหมือนกับคนขาดสารอาหาร ใบหน้าซีดและดวงตาสีดำ ฉินจุนมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนี้ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเกินไป และการใช้ชีวิตของเขามีปัญหา ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หยางซินเฉิงก็ยิ้มอย่างมีชัย

” ก็พอได้ครับ ผมก็เป็นแค่ผู้จัดการให้กับดาราภาพยนตร์แนวหน้า รายได้ก็ไม่เลว ปีหนึ่งประมาณ 8 แสนหยวน ”

เมื่อถังหมิ่นได้ยินก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ” ดูท่างานนี้ดีจริงๆเลยนะ เธอดูสิฉินจุนหลานชายของน้าก็หน้าตาดีนะ พอจะมีโอกาสได้ทำงานบ้างไหม ? ”

หลินเยวี่ยเหยาสีหน้ามืดลงและกล่าว่า

“แม่อย่าพูดอะไรไปทั่ว วงการบันเทิงเข้ากันได้ง่ายๆซะที่ไหน ”

เมื่อเห็นว่าหลินเยวี่ยเหยาพูด ดวงตาของหยางซินเฉิงก็เป็นประกาย ตอนเด็กๆก็คิดว่าหลินเยวี่ยเหยสวยมาก ตอนนี้โตแล้วยิ่งสดใสเข้าไปใหญ่

หยางซินเฉิงรีบตอบ ” วงการบันเทิงนั้นเข้ายากก็จริง แต่ในเมื่อเป็นลูกพี่ลูกน้องของเยวี่ยเหยาแล้ว ผมจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน ”

หลินเยวี่ยเหยาพยักหน้าอย่างอึดอัด บอกตามตรงว่าเธอไม่ได้สนใจหยางซินเฉิงมากนัก ไทม์ไลน์ของนายคนนี้มักจะโพสต์แต่รูปสาวสวยอยู่บ่อยๆ ดูแล้วไม่ค่อยซื่อสัตย์เท่าไหร่ เธอชอบแบบรักเดียวใจเดียวมากกว่า

เพื่อที่จะให้ตนเองได้รับความสนใจ หยางซินเฉิงมองไปที่ฉินจุนและถาม

” นายจบชั้นอะไรมา เคยเรียนการแสดงมาก่อนไหม ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset