หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป – ตอนที่ 382 สุสานหลวงสองราชวงศ์

บทที่ 382 สุสานหลวงสองราชวงศ์

ที่ควรพูดนางก็ได้พูดไปแล้ว หลานเยาเยาก็ลุกขึ้นจากไป แล้วเดินไปที่ประตูห้อง แต่กลับได้ยินเสียงของฮัวหยู่อันดังมาจากด้านหลัง

“ทำไมเจ้าถึงช่วยพวกข้า” หนำซ้ำยังไม่หวังสิ่งตอบแทน

แม้แต่ค่าหมอก็ไม่ต้องการ

“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า ข้าเพียงแต่ช่วยตนเองเท่านั้น” พูดจบนางก็จากไป

ช่วยหรือ?

ตกลงว่าใครช่วยใครกันแน่

ไม่อาจบอกได้ชัดเจน

เหลือเพียงฮัวหยู่อันที่ยืนนิ่งเงียบ นางมองไปยังประตูห้องที่เปิดเพียงครึ่งเดียว ความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา

เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน

เห็นชัดๆ อยู่ว่าคำพูดของเทพธิดาเต็มไปด้วยความเฉยเมยและเหินห่าง แต่นางกลับสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยที่มาจากตัวนาง……

วันรุ่งขึ้น พวกฮัวหยู่อันก็ได้ออกไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว

จู่ๆ ภายในเมืองหลวงก็ได้มีเหตุเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ซ่อนของยาฉางตานเกิดขึ้น

ท่ามกลางทะเลทรายของแดนจี๋เป่ย!

มีทะเลทรายหลายแห่งในแผ่นดินนี้ หนึ่งในทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดก็อยู่ที่แดนจี๋เป่ย

ที่นั่นมีความลึกลับและอันตรายอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะศูนย์กลางของทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก

ยังไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามา

ได้ยินมาว่า หลังจากมีผู้ที่กล้าหาญส่วนหนึ่งได้เข้าไปแล้ว ก็ต่างหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด

แต่เดิมเป็นเพราะเรื่องของยาฉางตานที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลขึ้น ตอนนี้เมื่อมีเรื่องของสถานที่ซ่อนยาฉางตานเกิดขึ้น ก็เดือดพล่านกันทั้งเมืองหลวง

เพียงแค่คืนเดียว

คนแปลกหน้าในเมืองหลวง ก็ได้หายไปเกือบครึ่ง

เดาว่า เมื่อมีข่าวออกมา แม้จะจริงหรือเท็จก็ไม่อาจจะแยกแยะ จึงมุ่งตรงไปยังแดนจี๋เป่ย

เมื่อได้ยินสิ่งที่จื่อเฟิงรายงานกับนาง หลานเยาเยาพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็มองตนเองในกระจกและพูดว่า

“การจัดงานศพของช่าจื่อเป็นอย่างไรบ้าง”

“พ่อบ้านได้จัดการตามความเหมาะสมแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง” จื่อเฟิงตอบด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง

“อืม!”

หลานเยาเยาเริ่มเขียนคิ้วให้ตนเอง เขียนไปด้วยพลางพูดไปด้วย

“เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวก็ต้องเข้าวังแล้ว”

คาดว่าคนที่ฮ่องเต้ส่งมาขณะนี้กำลังเดินทางไปแล้ว

“เพคะ!”

เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า หลานเยาเยาเพิ่งจะทานอาหารเช้าเสร็จ ก็มีคนมารายงาน ว่าองค์ชายรัชทายาทมาแล้ว

เย่หลีเฉินหรือ

ไม่นึกเลยว่าฮ่องเต้จะให้เย่หลีเฉินมา

ดูเหมือนว่าเป็นเพราะคดีการตายของฉินหลิงเจียว นางจึงต้องติดต่อกับเย่หลีเฉินอยู่ค่อนข้างมาก และยังต้องช่วยเย่หลีเฉินไขคดี

ดังนั้นฮ่องเต้จึงคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้ดีขึ้นมากแล้วอย่างนั้นหรือ

จะอย่างไร ก็แล้วแต่

อย่างไรก็ตามนางก็ต้องเข้าวังเช่นกัน ใครจะมาก็เหมือนกัน

เมื่อมาถึงห้องรับแขก เย่หลีเฉินที่แต่งตัวในชุดองค์ชายรัชทายาทกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่นั่น ท่าทางดูสบายมาก

หลานเยาเยาพูดหยอกล้อ “หรือน้ำชาในตำหนักเทพธิดาของข้าจะมีรสชาติดีมาก องค์ชายรัชทายาทมาทุกครั้งก็ชื่นชอบน้ำชานี้มากจนวางมือไม่ลง”

เย่หลีเฉินได้ยินก็ยิ้มขึ้น มีความรู้สึกทำอะไรไม่ถูกในรอยยิ้มนั้น

ไม่ใช่ว่าน้ำชามีรสชาติดีมากหรอก แต่ที่นี่นอกจากน้ำชาแล้วดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรที่กินได้เลย แม้แต่ของว่างสักจานก็ยังไม่มี

เขาไม่ได้ทานอาหารเช้ามาเลย!

หลายวันมานี้ ตั้งแต่มีเรื่องของยาฉางตานออกมา เสด็จพ่อก็ให้ความสนใจไปกับเรื่องของการตามหายาฉางตาน เรื่องใหญ่เรื่องเล็กมากมายภายในศาลก็ล้วนแต่มอบให้เขาจัดการ

เขาจึงยุ่งอยู่ตลอด

เมื่อคืนก็ไม่ได้นอนทั้งคืน มัวแต่คิดหาวิธีจัดการกับเรื่องในเมืองหลวง จู่ๆ ก็มีเรื่องมากมายของคนในยุทธภพเพิ่มเข้ามา

แต่ สิ่งที่แปลกคือ……

เมื่อรุ่งสางของวันนี้ ได้มีองครักษ์มารายงาน ว่ามีคนในยุทธภพพวกนั้นได้เดินทางไปแล้วมากกว่าครึ่ง และยังมีอีกหลายคนที่กำลังทยอยออกจากเมืองหลวงไป

เขาพอจะคาดเดาได้ว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร

ตอนนี้!

เย่หลีเฉินลุกขึ้นยืน ค่อยๆ ประสานมือไปทางหลานเยาเยา

สำหรับเทพธิดา เย่หลีเฉินมีความเคารพมาโดยตลอด

“เทพธิดา เสด็จพ่อบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะปรึกษากับเจ้า จึงส่งข้ามารับเจ้า”

“พอดีเลย ข้าก็มีเรื่องที่จะไปหาเขา ไปเถอะ!”

ทั้งสองออกจากตำหนักเทพธิดาอย่างรวดเร็ว

ได้ยินรถม้าสองคันอยู่หน้าประตูใหญ่ นอกจากรถม้าที่เย่หลีเฉินนั่งมาแล้ว ยังมีรถม้าสีแดงที่ใช้เฉพาะเทพธิดาอีกด้วย

เย่หลีเฉินรู้ดี ว่าเทพธิดาไม่สามารถนั่งรถม้าคันเดียวกันกับเขาได้ ดังนั้นจึงรออยู่ด้านข้างก่อน หลังจากรอเทพธิดาได้เข้าไปในรถม้าสีแดงแล้ว เขาจึงเดินไปยังรถม้าของตนเอง

“ไป……”

เมื่อรถม้าเคลื่อน หลานเยาเยาที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้บิดขี้เกียจ หาวไปหนึ่งฟอด และพิงกายกับรถม้าเพื่องีบหลับ

แม้ว่าจื่อเฟิงและจื่อซีจะไม่ได้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้าในวันนี้ แต่กลับเป็นคนขับรถม้าตัวจริง และคนขับรถม้าคนนี้เป็นคนที่ฉลาดมาก มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศของทั้งเมืองหลวงเป็นอย่างมาก หนำซ้ำยังเป็นคนของสำนักหงอีอีกด้วย

ดังนั้น!

หลานเยาเยาจึงงีบหลับด้วยความวางใจ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆ หลานเยาเยารู้สึกว่าถูกกระแทกเข้า จึงตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง

“เทพธิดา จู่ๆ รถมาขององค์ชายรัชทายาทได้เปลี่ยนทิศทาง และมุ่งหน้าไปยังสุสานหลวงแล้ว”

ได้ยินดังนั้น หลานเยาเยาก็หรี่ตาลง ใบหน้าก็เผยให้เห็นความสงสัย

สุสานหลวงหรือ

ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังสุสานหลวง

“เป็นสุสานหลวงในปัจจุบันหรือสุสานหลวงของราชวงศ์เก่า”

“ไม่อาจทราบได้ สุสานหลวงของปัจจุบันและสุสานหลวงของราชวงศ์เก่าต่างก็อยู่ในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งอยู่ห่างกันไม่ไกล เทพธิดา จะเป็นไปได้ไหมว่ามีแผนการร้ายอะไรอยู่” คนขับรถม้ากล่าว

“ไม่เป็นไร ตามไป”

“ขอรับ!”

รถม้าของเย่หลีเฉินเคลื่อนที่เร็วมาก ล้อรถม้าหมุนด้วยความเร็วสูง บดขยี้พื้นอย่างไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนถ้าหากเร็วขึ้นอีกหน่อย ล้อรถก็สามารถเกิดเป็นประกายไฟได้

แม้ว่ารถม้าของหลานเยาเยาจะเร็วมาก แต่ก็ยังช้ากว่าความเร็วรถม้าของเย่หลีเฉินที่เร็วแบบไม่คิดชีวิต และยังช้าอยู่เล็กน้อย

ผ่านไปไม่นาน รถม้าของเย่หลีเฉินก็หายลับไปจากสำนึกของหลานเยาเยา

แต่เมื่อรู้ว่าขับรถม้าไปนานไหร่ ก็ตอนที่รถม้าของหลานเยาเยาตามทันรถม้าของเย่หลีเฉิน รถม้าของเย่หลีเฉินก็ได้หยุดลงแล้ว

อีกทั้ง!

ด้านในรถม้าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ

หลานเยาเยาก้าวลงจากรถม้า คนขับรถม้าก็เข้าไปตรวจสอบรถม้าของเย่หลีเฉินก่อนแล้ว

“เทพธิดา มีคราบเลือด”

ได้ยินเช่นนั้น!

ดวงตาของหลานเยาเยาก็ลึกขึ้น ยังไม่ทันเข้าไป ก็ได้ยินเสียงของคนขับรถม้าดังขึ้นมา

“คนขับรถม้าขององค์ชายรัชทายาทตายแล้ว และองค์ชายรัชทายาทได้หายตัวไป”

“ตรวจดูรถม้าให้ทั่ว ลองดูว่ามีเบาะแสอะไรหรือไม่”

หลานเยาเยารีบวิ่งไปที่หน้ารถม้าของเย่หลีเฉิน และคนที่นั่งอยู่บนตำแหน่งคนขับได้เสียชีวิตไปแล้ว

ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกโพลง ทั่วทั้งใบหน้าซีดไร้สีเลือด ดวงตาจมูกและปาก แม้แต่หูก็ล้วนแต่มีเลือดสีดำไหลออกมา

เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนตาย

ดูเหมือนว่าจะถูกวางยาพิษ

หลานเยาเยาได้จับชีพจรของคนขับรถม้าที่กำลังจะตายอยู่ด้านหลัง สีหน้าเคร่งเครียด และตะโกนเรียกคนขับรถม้าของตนเองทันที

“อ้าปาก!”

คนขับรถม้าที่กำลังหาเบาะแสอยู่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เมื่อเทพธิดาบอกให้อ้าปากเขาก็อ้าปากอย่างว่าง่าย

เม็ดยาสีขาวเม็ดหนึ่งพุ่งเข้าไปในปากทันที ขมเล็กน้อย แต่เขาก็กลืนลงไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

นี่เป็นการเชื่อฟังคำสั่งของเทพธิดาอย่างสมบูรณ์

เมื่อมองไปยังจุดระหว่างคิ้วที่ค่อยๆ เป็นสีดำของคนขับรถม้า ตอนนี้จุดที่เป็นสีดำก็ค่อยๆ หายไป หลานเยาเยาจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบๆ

ใครเป็นคนทำกันแน่

แม้แต่องค์ชายรัชทายาทก็ยังกล้าลงมือ

ในรถม้าไม่มีใครอยู่สักคนเดียว อีกทั้งสะอาดหมดจด ไม่ได้มีร่องรอยการต่อสู้

แต่เมื่อเข้าใกล้ตำแหน่งของผ้าม่าน หลานเยาเยากลับเห็นเลือดหนึ่งหยด และก็เป็นสีดำเช่นกัน……

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นคนโหดร้าย เขาไม่ชอบเข้าใกล้ผู้หญิง?ไม่ใช่เลย ตั้งแต่เขาแต่งงานกับคุณหนูหกของจวนแม่ทัพก็เปลี่ยนไปแล้ว “เยาเยาร่างกายอ่อนแอ ไม่ชอบพูดคุย ข้าไม่วางใจให้เขาไปคนเดียว”รู้สึกอับอายนัก!พระชายาใช้ไม้ตีรัชทายาท นังเสแสร้ง ปากนั้นสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ ยังไม่วางใจอีกหรือ?“เยาเยา นางไม่มีความรู้ที่เกี่ยวกับสงคราม ฝีมือทางการแพทย์ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเจ้าอย่ารังแกนาง”ทหารของฝ่ายศัตรูกระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ทหารสิบหมื่นที่ถูกพระชายาวางแผนมาเป็นเชลยศึกกำลังรอการถอนพิษอยู่ นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ของพระชายาเย่ หรอ?“ เยาเยานางไร้เดียงสา ไม่เคยยุ่งกับคนอื่น” ทหารทั้งหลายเหลือบมองเจ้านายที่กำลังหลีกเลี่ยงเพื่อความรัก เจ้านาย จริยธรรมของท่านที่อยู่ไหน?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset