บทที่ 144 โหลวเย่วแปลกไป
หลานเยาเยาไม่ได้ตั้งใจจะมาเยี่ยมไฮเฮาตั้งแต่แรก นางมาเพราะคำเชิญของฮองเฮา
มาเยี่ยมไทเฮาเป็นเพียงแค่ข้ออ้างบังหน้า ดังนั้นนางจึงอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาไม่นานนัก แล้วก็รีบปลีกตัวออกมา
แต่จากมุมมองของคนเฝ้าประตูด้านนอกนั้น นางอยู่กับไทเฮาในตำหนักตลอดเวลา
จากการนำทางบนแผ่นกระดาษ นางมาถึงตำหนักของฮองเฮา
ตำหนักของฮองเฮานั้นเนื่องจากกลัวว่าอาการไม่สบายของฮองเฮาจะกำเริบ ดังนั้นจึงปิดไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่ประตูใหญ่ของตำหนักก็มีองครักษ์มากมายคอยเฝ้าอยู่
แต่ทว่า!
หลานเยาเยานั้นไม่ได้เข้าไปทางประตูหลัก
แต่เข้าไปทางด้านหลังของตำหนัก มาถึงห้องของฮองเฮา หน้าต่างที่ปิดสนิทตั้งแต่ทีแรก ก็ถูกนางค่อยๆผลักออก
ก็บอกแล้วไง!
ฮองเฮาดึกดื่นค่ำคืนออกไปที่จวนแม่ทัพเพื่อฆ่านาง จะเข้าทางประตูหลักอย่างเปิดเผยได้ยังไง
“เจ้ามาแล้วหรือ?”
เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูน่ากลัวของฮองเฮาดังขึ้น……
“เป็นอย่างไรบ้าง? ข้ากระตือรือร้นขนาดนี้ ท่านคงจะดีใจใช่ไหม?” หลานเยาเยามองดูผิวพรรณที่เหมือนกับทุกครั้ง กลับมามีเลือดฝาดเหมือนคนปกติของฮองเฮาพร้อมกล่าว กล่าวซ้ำว่า : “โห กินยาแล้วหรือ? ท่านผิวพรรณดีเช่นนี้ รู้สึกเหมือนสาวขึ้นไปอีกหลายปี”
มองดูหลานเยาเยาที่มีท่าทียิ้มเยาะ ฮองเฮาก็อดกัดฟันด้วยความโกรธไม่ได้
คิดว่านางฟังไม่ออกหรือไง?
นี่หลานเยาเยากำลังเสียดสีนาง
“ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้วยังกล้าพูดกับข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ หลานเยาเยา ข้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะทำให้เจ้าตายอย่างทรมานยิ่งขึ้นไปอีก”
“จึ๊ๆ อย่าโมโห เวลาโมโหไม่น่าดูเลย หากสิ่งที่ทำไปล้มเหลว หน้าตาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมในพริบตา จะได้ไม้คุ้มเสียนะเพคะ” หลานเยาเยายังคงยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ
นางไม่ได้รีบร้อนถามถึงเบาะแสของโหลวเย่ว
เพราะนางจะเปลี่ยนจากการถูกกระทำให้กลายเป็นผู้กระทำ เช่นนั้นทางชนะจึงจะมีมากขึ้น
“เจ้า……”
เดิมทีเรื่องหน้าตานั้นเป็นจุดอ่อนของฮองเฮาอยู่แล้ว นางจำเป็นต้องกินยามานานหลายปี กว่าจะทำให้หน้าตาเปลี่ยนมาเป็นดังเช่นปัจจุบันนี้ได้
หากกลับมามีหน้าตาแบบเดิม นางจะเป็นเหมือนคนก็ไม่ใช้ผีก็ไม่เชิง!
ตอนนี้หลานเยาเยากลับไปขยี้ซ้ำที่บาดแผลของนาง
ดี
ดีมาก!
ตอนนี้นางแทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะฆ่านาง
เพียงชั่วครู่แววตาของนางก็ปรากฏถึงความชั่วร้ายออกมา ดวงตาเริ่มแดงก่ำ เล็บที่ขาวสะอาดนั้น ค่อยๆกลายเป็นทั้งยาวและดำ อีกทั้งยังแหลมคมสุดๆ!
บ้าเอ้ย!
หลายเยาเยาตะลึงงัน สิ่งที่นางพูดไปทำให้ฮองเฮาโกรธขนาดนี้เลยหรอ?
จะว่าไป นางก็ไม่ได้พูดอะไรนี่ ก็ชื่นชมนางตลอด จำเป็นต้องแปลงร่างขนาดนี้เลยหรือ!
แต่ทว่าก็ดี นี่คือสิ่งที่นางกำลังต้องการ
แต่กระนั้น!
ฮองเฮาก็กลับไปอยู่ในสภาพหน้าตาเดิมเพียงชั่วพริบตา และไม่ได้เป็นไปตามที่นางคาดคิดไว้ แต่นางกลับนั่งอย่างนิ่งเงียบบนเก้าอี้ จ้องมองนางด้วยแววตาที่ชั่วร้าย
“หลานเยาเยา เจ้าคิดว่าข้าจะลงมือฆ่าเจ้าด้วยตนเองหรือ?”
“แล้วไม่ใช่หรือไง? ท่านจงใจบอกข้าว่า
การตายของท่านแม่ข้าเกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพ จากนั้นก็หลอกล่อข้าให้ไปที่จวนแม่ทัพ
ก็เพื่อคืนนั้น ฆ่าข้าให้ตายอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่ให้ใครรับรู้ หากเป็นเช่นนั้นถึงตีให้ตายก็ไม่มีใครเชื่อ ว่าการตายของข้าเกี่ยวข้องกับท่านฮองเฮาผู้สูงส่ง
ตอนนี้ก็คิดล่อลวงให้ข้าเข้ามาในกับดักอีก จากนั้นก็ลงมือฆ่าข้าด้วยตัวเอง
โอกาสดีขนาดนี้ ทำไมท่านถึงไม่ลงมือล่ะ?”
หลานเยาเยาผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็หาเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้ตัวเองนั่ง
ได้ยินดังนั้น!
ฮองเฮาก็หัวเราะเสียงดังด้วยความชั่วร้ายขึ้นมา นางเอามือมาไว้ด้านหน้าตัวเอง ราวกับว่ากำลังชื่นชมเล็บที่ทั้งยาวทั้งดำของนาง
“เจ้าฉลาดจริงๆ ฉลาดกว่าผู้หญิงทุกคนที่ข้าพบเจอมา แต่กลับจงใจปิดบัง เอาความสามารถของตัวเองซ่อนเอาไว้”
แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้ แต่นั่นก็ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือ ให้เวลาเจ้าอีกหน่อย ให้เจ้าและพระราชธิดาจาวหยางได้รำลึกความหลังกัน”
ขณะที่พูด ฮองเฮาที่มีพลังแห่งความชั่วร้ายร้ายแผ่ซ่านออกมาทั่วตัว ขยับมือเล็กน้อย
จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลังฉากบังลม
ผู้หญิงคนนั้นก็คือโหลวเย่ว!
นางใส่ชุดขาวทั้งตัว ผมม้วนขึ้นเหมือนปกติอย่างเคย สง่างาม สีหน้าก็ดูเหมือนเดิมขาวอมแดง
เพียงแต่……
สีหน้าของนางดูไร้อารมณ์ ท่าทางการเดินก็ดูแข็งทื่อ
หลังจากที่นางประสานตากับนาง มีเพียงแววตาที่ดูสับสนมึนงงปรากฏออกมา แต่ก็ยังคงดูไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเดิม มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มที่ไม่เข้ากับการแสดงออก
“โหลวเย่ว? โหลวเย่ว? เจ้ายังรู้จักข้าหรือไม่?”
เห็นดังนั้น!
หลานเยาเยาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ดวงตาหรี่ลงทันที
ด้วยสภาพของโหลวเย่วในตอนนี้ ไม่ได้เหมือนอาการกำเริบของพิษกู่ที่อยู่ในร่างกายของนาง ดูเหมือนกับการถูกควบคุมไว้
เพียงแต่……
“เยาเยา ข้าอยู่ตรงนี้ ข้าคือโหลวเย่ว เจ้าอย่ากลัวข้า ข้าคือโหลวเย่วจริงๆ ข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า……” ในน้ำเสียงที่ฟังดูโศกเศร้าของโหลวเย่ว แซมด้วยเสียงร้องไห้เบาๆ
เมื่อพูดๆไป ในดวงตาที่ดูสับสนมึนงงของนางกลับมีน้ำตาไหลออกมาหนึ่งหยด
“เจ้ากลัวข้าหรือ? ข้าคือโหลวเย่วไง! ตอนนี้ข้ารู้สึกทรมานมาก พิษในตัวข้ามันกำเริบแล้วใช่หรือไม่? เจ้าเคยพูด ว่าสามารถรักษาข้าให้หายได้ ยังเป็นเช่นนั้นหรือไม่? ข้าทรมานเหลือเกิน……”
น้ำเสียงของโหลวเย่วกลายเป็นที่เย็นยะเยือกและเศร้าโศกขึ้นเรื่อย ๆ แต่การท่าทีของนางยังคงดูไร้อารมณ์ความรู้สึก ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แม้แต่รอยยิ้มที่มุมปากของนางก็ยังคงดูหวานเยิ้ม
หลานเยาเยาปิดตาลงอย่างเงียบๆ จากนั้นเปิดตาขึ้นทันที!
นางบังคับตัวเองให้ละสายตาออกจากโหลวเย่ว จากนั้นก็จ้องมองไปยังฮองเฮาที่มีรอยยิ้มอันสุดแสนจะบ้าคลั่ง
“ท่านทำอะไรกับนาง?”
ในคำถามที่น้ำเสียงแผ่วเบา สอดแทรกไปด้วยความอดทนและโทสะที่คุกรุ่น
นางสัมผัสได้ เวลานี้ในใจจริงของโหลวเย่วนั้นกำลังเผชิญกับความทรมานที่ไม่สิ้นสุด ก็เหมือนกับน้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดของนาง
ความทุกข์ทรมานและไร้หนทางช่วยเหลือเช่นนั้น!
“นางเป็นลูกสาวที่ข้าชอบที่สุด ข้าเอ็นดูนางจะตายไป! จะไปทำอะไรนางได้?
ดั่งที่เจ้าเห็น ตอนนี้นางสบายดีจนไม่รู้จะดีกว่านี้ได้เช่นไรแล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยสัญญาว่าจะรักษานางให้หายหรือ? ที่นางกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดก็เพราะเจ้า”
“เจ้าหลอกใช้นางมาตลอด ก่อนหน้านี้เป็นเช่นไร ตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น หากว่าเจ้ายังมีคราวหน้า เจ้าก็จะหลอกใช้นางไปเรื่อยๆ”
ในมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหลานเยาเยา เป็นมีดต่อสู้ ซึ่งแอบทายาน้ำอยู่ลับๆ
“เหอะเหอะเหอะ……มีค่าให้หลอกใช้ไม่หลอก เช่นนั้นไม่ใช่คนโง่หรือ? เจ้าก็เป็นเช่นกันไม่ใช่หรือ? พวกเราก็เหมือนๆกัน เจ้าจะต้องเสแสร้งทำตัวสูงส่งไปทำไม?”
“ข้าไม่เหมือนเจ้า!” แววตาของหลานเยาเยาแสดงออกถึงความครุ่นคิดอีกครั้ง
นางยอมรับ ตอนนั้นที่ช่วยโหลวเย่ว นางทำเพียงเพื่อเงิน
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางไม่จริงใจที่จะคบกับนาง!
แต่ฮองเฮาไม่เหมือนกัน
โหลวเย่วไม่ได้เป็นลูกสาวแท้ๆของนาง แต่กลับหลอกใช้นางทุกอย่าง
“หากว่าไม่เหมือนกัน งั้นก็ทำให้ข้าดูหน่อย ว่าตรงไหนกันที่พวกเราไม่เหมือนกัน?”
“อะไร?” หลานเยาเยาไม่รู้ว่าประโยคที่ฮองเฮาพูดหมายความว่าอะไร
ขณะนี้ มุมปากของฮองเฮายกขึ้นแสดงออกถึงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย หันไปทางโหลวเย่วแล้วพูดว่า
“จาวหยาง หากเจ้ารู้สึกทุกข์ทรมานขนาดนี้ ทำไมไม่ฆ่าตัวตายซะล่ะ?”
หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง
นี่ฮองเฮาบ้าไปแล้วหรือ! จะให้โหลวเย่วฆ่าตัวตาย
คิดถึงความน่าจะเป็นต่างๆ อยู่ดีๆในใจนางก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา โหลวเย่วที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่ยังคงมีรอยยิ้มเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่านางไปเอามีดสั้นมาจากไหน เล็งไปเพื่อแทงที่ท้องของตัวเอง……