ขณะที่หานเซิ่นกำลังเป็นห่วงโกลเด้นโกรวเลอร์ โกลเด้นโกรวเลอร์ก็อ้าปากของมันขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้พยายามจะเขมือบผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเข้าไป
ปากของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นปลดปล่อยแสงสีทองออกมา และมีบางสิ่งปรากฏภายในแสงสีทองนั้น
หานเซิ่นเห็นสสารสีทองที่มีการแกะสลักที่ประหลาดและสวยงามอยู่ทั้งสองด้าน เมื่อมันออกมาจนเห็นชัดๆ หานเซิ่นก็ได้รู้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นคือบานประตู
ประตูนั้นดูเหมือนกับสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาจากทองคำ มันมีความสูงถึงหนึ่งร้อยฟุต บนประตูนั้นสลักไปด้วยลวดลายที่แปลกประหลาดและลึกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดและปรารถนาจะยอมเชื่อฟังอย่างไม่สามารถอธิบายได้ หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าลวดลายพวกนั้นหมายความว่าอะไร แต่หัวของอสูรที่อยู่บนประตูนั้นเป็นสิ่งที่หานเซิ่นจำได้ มันคือใบหน้าของโกลเด้นโกรวเลอร์
ประตูทองนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยวงแหวนสีทอง ผู้คนมองไม่เห็นกรอบประตู ซึ่งสิ่งที่แปลกที่สุดก็คือไม่ว่าจะมองจากทิศทางไหน ทุกคนก็เห็นแค่ด้านหน้าของประตูเท่านั้น มันเหมือนกับว่าประตูนั้นไม่มีด้านหลังอยู่ หรือไม่ด้านหลังของมันก็กลมกลืนไปกับความว่างเปล่าของอวกาศ
“ทำไมโกลเด้นโกรวเลอร์ถึงมีประตูทองนี้อยู่ภายในท้อง?” หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าประตูทองนี้ทำอะไรได้
ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่ประตูทอง ดูเหมือนว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
“ประตูนั่นคืออะไรกัน?”
“แปลกจริงๆ โกรวเลอร์ใช้กำลังมาโดยตลอด ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับโกรวเลอร์ที่ใช้สมบัติมาก่อน แต่โกลเด้นโกรวเลอร์กำลังใช้สมบัติชิ้นหนึ่ง ประตูทองนี้ทำอะไรได้กันแน่?”
ทุกสิ่งมีชีวิตพูดคุยกันถึงการปรากฏขึ้นของประตู ไม่มีใครเคยเห็นประตูทองนี่มาก่อน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถหาข้อสรุปอะไรได้ แม้แต่เผ่าพันธุ์ที่สูงส่งอย่างเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าเวรี่ไฮก็ได้แต่มองไปที่ประตูทองด้วยความสงสัย พวกเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าประตูนี่คืออะไรกันแน่
ในตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์คำราม ประตูก็สั่นไหวและมีเสียงการปลดล็อคของลูกกุญแจดังขึ้นมา หลังจากนั้นบานประตูก็ค่อยๆเปิดออกมาและมีแสงสีทองเล็ดลอดออกมาจากประตู
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง พวกเขาจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก พวกเขาอยากจะเห็นว่าข้างในมีอะไรอยู่กันแน่
ประตูทองเปิดออกอย่างช้าๆ ในตอนนี้ช่องว่างของประตูมีขนาดเท่ากับกำปั้นเท่านั้น จนถึงตอนนี้ผู้คนเห็นเพียงแค่แสงสีทองที่ส่องออกมา แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นอะไรที่อยู่เบื้องหลังแสงนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากผู้นำเผ่าเวรี่ไฮ
“นี่มัน…” สีหน้าของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นประตูเปิดออก และในจังหวะต่อมาร่างกายของผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ปลดปล่อยพลังประหลาดออกมา มันแพร่กระจายออกไปราวกับคลื่น
ทุกคนคิดว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮคงจะตัดสินใจโจมตีก่อนที่ประตูจะเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แต่ทันใดนั้นผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ฉีกช่องว่างของมิติและออกจากสนามประลองไป
ทั้งจักรวาลตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าผู้นำเผ่าเวรี่ไฮจะยอมแพ้และหนีออกไปแบบนั้น
“โอ้มายก็อด!… ประตูทองนี้มันคืออะไรกันแน่? มันยังเปิดออกแค่นิดเดียว ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็รีบหนีไปแล้ว”
“ใช่ ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่อยู่ข้างในประตูทองนั่น”
“นี่เป็นอะไรที่น่าหดหู่ ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮยอมแพ้เร็วเกินไป ถึงแม้เขาตัดสินใจจะหนีไป อย่างน้อยเขาก็ควรรอจนกระทั่งประตูเปิดออกอย่างเต็มที่ซะก่อนเพื่อที่จะพวกเราจะได้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น”
ทุกคนทั้งแปลกใจและหดหู่ หลังจากที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหนีออกจากสนามประลองไปแล้ว โกลเด้นโกรวเลอร์ก็เก็บประตูทองกลับเข้าไป ไม่มีใครรู้ว่าข้างในประตูทองนั่นคืออะไรกันแน่
“ชายแก่คนนั้นฉลาดกว่าที่คิด” อสูรขนสีเขียวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผู้นำเมาท์เทนน้อยนั้นไร้เทียมทาน”
หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขามองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในประตูทอง
“อะไรกันที่ทำให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหวาดกลัวและหนีไปแบบนั้น?”
“น่าสนใจ” พระเจ้ามองไปที่โกลเด้นโกรวเลอร์ด้วยความสนใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม หานเซิ่นรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ยินคำอธิบายของพระเจ้า
การต่อสู้นี้ทำให้ชื่อของโกลเด้นโกรวเลอร์และประตูทองดังไปทั่วทั้งจักรวาล ประตูทองนั่นเปิดออกแค่นิดเดียวก็เพียงพอจะทำให้ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหวาดกลัวจนหนีไป นั่นถือเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
หลังจากการต่อสู้นี้โกลเด้นโกรวเลอร์ก็ได้ครอบครองอันดับที่หนึ่งในบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนโดยไม่มีใครกล้าจะท้าชิงอันดับของมันอีก เพราะแม้แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮก็ยังหวาดกลัวจนหนีไป คนบางคนได้ไปหาผู้นำเผ่าเวรี่ไฮเพื่อขอคำอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮตอบแค่ว่า
“ในตอนนี้ จักรวาลนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนที่จะต่อสู้กับโกลเด้นโกรวเลอร์ได้”
หลังจากที่ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮพูดแบบนั้น ชื่อเสียงของโกลเด้นโกรวเลอร์ก็เพิ่มสูงขึ้นยิ่งกว่าเดิม มันทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตหวาดกลัวและไม่มีใครกล้าท้าสู่กับโกลเด้นโกรวเลอร์
อันดับที่หนึ่งนั้นควรจะเป็นอันดับยอดนิยมและมีการแข่งขันที่สูง แต่ตอนนี้มันเป็นอันดับที่ไม่มีใครต้องการท้าชิง อันดับรองลงมานั้นได้กลายเป็นอันดับที่ได้รับความนิยมมากกว่า หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจกับความจริงที่ว่าโหลวเลี่ยที่อยู่อันดับสามนั้นท้าชิงเดม่อนอัลฟ่าที่อยู่อันดับสี่ การท้าชิงอันดับที่ต่ำกว่านั้นทำให้ผู้คนรู้สึกสับสน แต่พวกเขาก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นการต่อสู้นี้ โหลวเลี่ยนั้นถือเป็นบุคคลที่ลึกลับ นอกจากดอลลาร์แล้ว เขาก็ถือเป็นม้ามืดอีกคนในการประลองครั้งนี้ ส่วนการสังหารดราก้อนวันของเดม่อนอัลฟ่านั้นทำให้ทั้งจักรวาลตกตะลึง การต่อสู้ของทั้งสองคนจึงทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น
‘โหลวเลี่ยคนนี้จะต้องเป็นคนของพยุหะโลหิต ทำไมเขาถึงท้าสู้เดม่อนอัลฟ่า? นี่หรือว่าผู้คนของพยุหะโลหิตสงสัยว่าเดม่อนอัลฟ่าอาจจะเกี่ยวข้องกับชูร่าอย่างนั้นหรอ? นี่พวกเขาพยายามจะหาว่าเดม่อนอัลฟ่าเป็นใครอย่างนั้นใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นเพียงความเป็นไปได้เดียว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่ท้าชิงกับคนที่มีอันดับต่ำกว่าแบบนั้น
หานเซิ่นคิดว่าเขาอาจจะได้รู้อะไรบางอย่างในการต่อสู้นี้ แต่เดม่อนอัลฟ่านั้นไม่ตอบรับคำท้าของโหลวเลี่ย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงชนะไปโดยปริยาย สิ่งที่น่าตลกก็คือหลังจากที่โหลวเลี่ยเป็นฝ่ายชนะ อันดับของเขาก็ถูกลดลงไปอยู่อันดับที่สี่ ขณะที่อันดับของเดม่อนอัลฟ่าถูกเลื่อนขั้นไปอยู่อันดับที่สาม
“กฎของเจ้านี่มันไม่มีหลักการเลยสักนิด” หานเซิ่นบ่นกับพระเจ้าที่กำลังนั่งดื่มชาอย่างสบายใจ
พระเจ้ายิ้มและถาม “มันไม่น่าสนใจหรือยังไง?”
การท้าชิงอันดับดำเนินต่อไป แต่อันดับนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิบอันดับแรก หานเซิ่นมองดูเป็นเวลาหกวันและมันมีแค่คนเดียวในสิบอันดับแรกเท่านั้นที่ตกอันดับไป แต่อีกก้าวคนยังคงอยู่ หานเซิ่นรอคอยเป็นเวลาหลายวัน แต่ก็ยังไม่มีใครท้าสู่กับเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า นั่นทำให้เขารู้สึกหดหู่ แต่ทันใดนั้นก็มีแสงกระพริบขึ้นมาจากบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโน ชื่อของเบิร์นนิ่งแลมป์กับอีกชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา
หานเซิ่นดีใจ ในที่สุดก็มีคนท้าสู้กับเบิร์นนิ่งแลมป์ เขามองไปในสนามประลองและเห็นเบิร์นนิ่งแลมป์เดินเข้ามา แต่เขาไม่เห็นมีดในมือของเบิร์นนิ่งแลมป์
หลังจากนั้นผู้ท้าชิงก็เข้ามาในสนามประลองเช่นกัน มันเป็นซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่มีชื่อว่านกยูงพลูโต มันอยู่อันดับที่เก้าสิบเก้า ซึ่งสูงกว่าหานเซิ่นอยู่หนึ่งอันดับ