บนแท่นหินขนาดใหญ่ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ชายคนนั้นสงบนิ่งราวกับรูปปั้น หานเซิ่นไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของเขา มันดูเหมือนกับว่าเขาถูกแช่แข็งในท่านั้น หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้
‘นี่มันเหมือนกับที่เราเห็นในหอคอยแห่งโชคชะตาของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ชายคนนี้ดูแตกต่างออกไป’
หลี่เคอเอ๋อได้ยินความคิดของหานเซิ่น “แปลกจริงๆ เขาเป็นสิ่งมีชีวิต แต่ทำไมเขาถึงไม่มีพลังชีวิตอยู่?”
ขณะที่ความสับสนปรากฏบนใบหน้าของหลี่เคอเอ๋อ ชายที่นั่งอยู่บนแท่นหินก็ลืมตาขึ้นมา เขามองมาที่ทั้งสองคนและพูด
“ข้าคือพระเจ้าแห่งความว่างเปล่า ความจริงที่พวกเจ้ามาพบกับข้าในวันนี้ถือเป็นโชคชะตา ข้าจะทำให้คำอธิษฐานของพวกเจ้าเป็นจริง เชิญพวกเจ้าอธิษฐานตามที่ใจปรารถนา”
“อีกแล้วหรอ!” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว
หลี่เคอเอ๋อมองไปที่ชายคนนั้นและพูด “เจ้ากล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าต่อหน้าเผ่าเวรี่ไฮ แม้แต่แอนเชี่ยนท์ก็อตก็ยังไม่เรียกตัวเองว่าเป็นพระเจ้าแบบนั้น”
หลังจากนั้นหลี่เคอเอ๋อก็แกว่งดาบแสงใส่ชายคนนั้น
เธอลงมือรวดเร็วเกินกว่าที่หานเซิ่นจะหยุดเธอได้ ดาบแสงพุ่งเข้าไปที่หัวของชายคนนั้น แต่เขาไม่แม้แต่จะหลบ ดาบแสงพุ่งไปถูกคิ้วข้างหนึ่งของเขา
ปัง!
แต่คิ้วของชายคนนั้นไม่แม้แต่จะปลิวไปกับสายลม ขณะที่หลี่เคอเอ๋อถูกส่งกระเด็นออกไปด้านหลัง พลังนั้นรุนแรงขนาดที่มันซัดผ่านการป้องกันทุกอย่างของหลี่เคอเอ๋อ เธอกระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงอย่างแรงและกระอักเลือกออกมา เธอหมดสติไปและพลังชีวิตของเธอก็อ่อนลงอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากล้าดียังไงมาตั้งคำถามกับพระเจ้า นี่เป็นบทลงโทษของเจ้า แต่เนื่องจากนี่ความผิดครั้งแรกของเจ้า บทลงโทษจึงไม่หนักนัก”
หานเซิ่นรีบวิ่งไปหาหลี่เคอเอ๋อและเช็คชีพจรของเธอ เธอแค่หมดสติไป และพลังชีวิตของเธอกำลังอ่อนลงเรื่อย แต่มันเป็นไปอย่างช้าๆ เธอไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง
“ตอนนี้ก็ทำการอธิษฐานซะ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดขณะที่มองไปที่หานเซิ่น
“ชีวิตของข้าสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ข้ามีภรรยาที่งดงาม ครอบครัวที่มีความสุข ลูกที่ดีและข้ายังร่ำรวยมากๆ ข้ามีทุกอย่างแล้ว ข้าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านั้น ข้าเลือกจะไม่ทำการอธิษฐานได้ไหม?” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าขณะที่พูด
หานเซิ่นไม่รู้ว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าคนนี้จะเหมือนกับพระเจ้าที่เขาเคยเจอหรือเปล่า ถ้ามันไม่ใช่ตัวตนจริงๆของพระเจ้า มันก็เป็นแค่รูปปั้นเท่านั้น ด้วยเหตุนั้นเขาจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก ชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นสามารถกำจัดมันได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้านี่เป็นร่างจริงของพระเจ้า การต่อสู้คงจะไม่เป็นความคิดที่ดีนัก หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำจะเอาชนะพระเจ้าเหล่านี้ในร่างที่แท้จริงได้หรือเปล่า
“ไม่ได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูด
หานเซิ่นรู้สึกแย่ เขาเมินเฉยต่อพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและอุ้มหลี่เคอเอ๋อขึ้นมา หลังจากนั้นเขาหันหลังกลับและเริ่มวิ่งหนีไป
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่ามองหานเซิ่นจากไปอย่างสงบนิ่ง เขาไม่ได้ทำอะไรเพื่อจะหยุดหานเซิ่น
หานเซิ่นพยายามจะหาความจริงว่าพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าจะโจมตีเขาหรือเปล่า และการทำแบบนั้นเขาก็จะได้ทดสอบชุดเกราะคริสตัลสีดำไปด้วยว่ามันจะแสดงปฏิกิริยาอะไรหรือเปล่า
พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าไม่ได้พยายามจะหยุดหานเซิ่น หานเซิ่นลงจากชั้นที่เจ็ดของหอคอย เขาลงบันไดทีละชั้นๆ ในที่สุดเขาก็ไปถึงชั้นแรกของหอคอยแห่งโชคชะตา
แต่ในตอนที่เขาไปถึงชั้นแรก หานเซิ่นก็หยุดชะงักไป มันควรจะมีประตูอยู่ที่ชั้นล่างสุดของหอคอยแห่งโชคชะตา แต่มันกลับไม่มีอะไรอยู่ มันมีเพียงแค่บันไดที่นำลงไปสู่ชั้นต่อไปเท่านั้น
‘เราลงมาถึงชั้นล่างสุดเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไมมันยังมีบันไดอีก? นี่เรานับผิดไป และจริงๆแล้วนี่เป็นชิ้นที่สองอย่างนั้นหรอ?’
หานเซิ่นสลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว หอคอยแห่งโชคชะตามีเพียงแค่เจ็ดชั้นเท่านั้น และเขาก็ไม่มีทางนับผิดไปได้
หานเซิ่นเอื้อมมือออกไปในตำแหน่งที่ประตูควรจะอยู่ แต่มันมีเพียงแค่กำแพงเท่านั้น มันไม่ใช่แค่ภาพลวงตาเช่นกัน มันไม่มีประตูอยู่จริงๆ
ปัง!
หานเซิ่นชกหมัดใส่กำแพงหิน ซึ่งจากกำลังของเขาแม้แต่ภูเขาทั้งลูกก็จะถูกทำลาย แต่กำแพงหินกลับไม่สะดุ้งสะเทือนเลย
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้ว่าไม่สามารถใช้กำลังได้ เขาหันไปมองที่บันไดหินและตัดสินใจเดินลงไปอีกชั้นหนึ่ง
เมื่อเขาไปถึงชั้นล่าง เขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีแท่นหินตั้งอยู่ที่ใจกลางห้องและบนแท่นหินก็มีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่านั่งอยู่ มันเป็นเหมือนกับชั้นที่เจ็ดของหอคอย
“ทำการอธิษฐานซะ” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดขณะที่จ้องมาที่หานเซิ่น
หานเซิ่นกัดฟัน เขายังคงอุ้มหลี่เคอเอ๋อเอาไว้และพยายามเดินลงบันไดต่อไป แต่มันยังมีบันไดที่จะพาลงไปข้างล่างเพิ่มอีก และหลังจากที่เขาลงไปอีกเจ็ดชั้น เขาก็ยังไม่เจอชั้นที่มีประตูอยู่ เขาพบแค่บันไดที่จะนำลงไปสู่ชั้นต่อไป
หลังจากที่เดินลงบันไดไปอีก หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันจะวนกลับมาที่ชั้นเจ็ดของหอคอยอยู่เสมอ และที่นั่นเขาก็ได้เห็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอีกครั้ง
‘นี่เป็นพลังธาตุอวกาศอย่างนั้นหรอ? นี่มันเชื่อมต่อชั้นเจ็ดและชั้นแรกของหอคอยเพื่อสร้างเป็นแถบเมอบิอุสงั้นสินะ? ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ว่าเราจะเดินลงบันไดไปสักเท่าไหร่ เราก็จะไปไม่ถึงทางออก เราจะวนกลับมาที่เดิมซ้ำไปซ้ำมา’
หานเซิ่นพยายามจะใช้พลังในการเทเลพอร์ต แต่มันก็ไม่ได้ผลเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะพยายามเทเลพอร์ตไปที่ไหน เขาก็จะไปปรากฏตัวในจุดอื่นของหอคอยเท่านั้น
“ทำการอธิษฐานซะ” เมื่อไหร่ก็ตามหานเซิ่นได้เห็นพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าอีกครั้ง ชายคนนั้นก็จะพูดวลีเดิมซ้ำๆ
แต่สีหน้าของเขาดูเหมือนจะบอกว่าหานเซิ่นไม่มีทางเลือก และไม่ช้าก็เร็วหานเซิ่นก็ต้องทำการอธิษฐาน
หานเซิ่นรู้ว่าถ้าเขาทำการอธิษฐาน อายุขัยส่วนหนึ่งของเขาจะถูกเอาไปโดยชายที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้า และคำอธิษฐานของเขาก็จะถูกบิดเบือนโดยสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าพระเจ้านั่น ถึงแม้คำอธิษฐานของเขาจะเป็นจริงขึ้นมา เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนในราคาที่สูงอยู่ดี
แต่ถ้าเขาไม่ทำการอธิษฐาน มันก็มีโอกาสที่เขาและหลี่เคอเอ๋อจะไม่มีวันได้ออกไปจากหอคอยแห่งนี่ หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาทางออกของวิกฤตนี้ได้
เขาไม่สามารถโจมตีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าได้ หลี่เคอเอ๋อได้แสดงให้เห็นแล้วในเรื่องนั้น โอกาสเดียวที่เขาจะทำแบบนั้นได้ก็คือเขาต้องใช้ชุดเกราะคริสตัลสีดำ การจะโจมตีพระเจ้าแห่งความว่างเปล่าด้วยวิธีอื่นนั้นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
“พ่อของหลี่เคอเอ๋อต้องรู้ว่าพวกเราเดินเข้ามาในหอคอยแห่งโชคชะตา ถ้าพวกเราไม่กลับออกไป เขาต้องมาที่นี่เพื่อตามหาตัวหลี่เคอเอ๋ออย่างแน่นอน” หานเซิ่นฝากความหวังไว้กับพ่อของหลี่เคอเอ๋อ
เทพเจ้าแห่งความว่างเปล่าดูเหมือนจะรู้ถึงสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิด เขาพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับพลังที่บิดเบือนการเดินของเวลาไหม? เจ้าอาจจะอยู่ในหอคอยนี้เป็นพันปี แต่เวลาภายนอกผ่านไปเพียงแค่หนึ่งวินาที ถ้าเจ้าหวังจะรอให้คนมาช่วย เจ้าก็คงจะเหลือแต่กระดูกเมื่อถึงตอนนั้น”
“นี่เราต้องทำการอธิษฐานจริงๆอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าและถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าและข้าได้พบกัน มันก็เป็นบางสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” พระเจ้าแห่งความว่างเปล่าพูดอย่างช้าๆด้วยเสียงที่หนาวไปถึงกระดูกสันหลัง