เอ็กซ์ควิสิทนอนอยู่บนพื้น เธอจ้องไปที่หานเซิ่นและไม่ได้ลุกกลับขึ้นมา เธอคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นพูดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
“อาจารย์หานแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทก็เป็นแค่เศษสวะต่อหน้าอาจารย์หาน นี่นางเป็นเผ่าเวรี่ไฮแบบไหนกัน?”
“น่ากลัวจริงๆ พี่น้องตระกูลหานเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งคู่”
เลือดของศิษย์ปราสาทนภาเดือดปุดๆด้วยความตื่นเต้น เผ่าเวรี่ไฮมักจะทำเหมือนกับว่าเผ่านภาด้อยกว่าพวกเขาอยู่เสมอๆ ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นเอ็กซ์ควิสิทพ่ายแพ้ต่อหานเซิ่นอย่างราบคาบ พวกเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี พวกเขาปรารถนาว่าตัวเองจะต่อสู้กับเผ่าเวรี่ไฮได้เหมือนกับที่หานเซิ่นทำ
“ตอนนี้การต่อสู้นี้จบลงแล้วสินะ?” หานเซิ่นพูดกับเอ็กซ์ควิสิทที่นั่งอยู่บนพื้นนอกสนามประลอง
เอ็กซ์ควิสิทดูเหมือนจะสะดุ้งตื่นจากอาการตกใจ ขณะที่เธอจ้องไปที่หานเซิ่น ความแน่วแน่ก็กลับมาสู่ดวงตาของเธอ
“ไม่ มันยังไม่จบ จักรวาลยังคงอยู่ข้างข้า ข้าจะไม่แพ้”
เอ็กซ์ควิสิทค่อยๆลุกกลับขึ้นมา เส้นผมของเธอลอยขึ้นและปลิวไสวในอากาศ ดวงตาไท่เก๊กของเธอหมุนอย่างน่ากลัวและเรืองแสงขึ้นมา ลมปราณสีดำและขาวเริ่มพลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเธอ พวกมันเริ่มจะหมุนรวมกันและก่อตัวเป็นโครงสร้างของโซ่สสาร
“นางบังคับให้ทั้งเก้าขั้นรวมเป็นหนึ่ง ตอนนี้นางกลายเป็นระดับครึ่งเทพแล้ว!” ผู้ชมทุกคนเริ่มจะรู้สึกตัวในเรื่องนั้น
ขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึง ลมปราณสีดำและขาวของเอ็กซ์ควิสิทก็ระเบิดออกมา ชุดเกราะจีโนสีดำปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอเองก็ถูกปกคลุมด้วยเช่นกัน มีเพียงแค่เนตรเวรี่ไฮเท่านั้นที่มองเห็นได้ ขณะเดียวกันเนตรเวรี่ไฮก็เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มันเหมือนกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์น้อยๆ
ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทเป็นเหมือนกับราชินีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และเธอก็ใช้ดวงตาที่สามของเธอมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา
เอ็กซ์ควิสิทยกมือขึ้นในทิศทางของหานเซิ่นและทำท่าดึง ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไร แต่อวกาศรอบๆนั้นบิดเบือน มันเหมือนกับว่าอวกาศระหว่างพวกเขาทั้งสองถูกลดลงไป และร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกดึงไปอยู่ตรงหน้ามือของเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทจับคอของเขาเอาไว้
“ในจักรวาลของข้าไม่มีใครเอาชนะข้าได้!” เอ็กซ์ควิสิทใช้เปลวเพลิงสีขาวในดวงตาที่สามมองที่หานเซิ่นขณะที่พูด
หลังจากนั้นร่างกายของเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มจะปลดปล่อยลมปราณสีขาวและดำที่น่าสะพรึงกลัวออกมา มันเหมือนกับว่าพลังทั้งหมดในจักรวาลมารวมกันอยู่ในมือของเธอ ถ้าเธอบีบเพียงแค่นิดเดียว เธอก็คงจะบดขยี้คอของหานเซิ่นได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ยอมแพ้” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่น เสียงของเธอเป็นโทนเดียวราวกับเครื่องจักร มันเหมือนกับว่าเธอยินดีจะเปลี่ยนร่างกายของหานเซิ่นให้เป็นผุยผงถ้าเขาไม่คิดจะยอมแพ้
“ข้าชอบตอนที่เจ้ายิ้มมากกว่า แบบนี้มันไม่เหมาะกับเจ้า” หานเซิ่นพูด
“ข้าบอกให้เจ้ายอมแพ้!” เอ็กซ์ควิสิทขึ้นเสียง ลมปราณสีดำและขาวพลุ่งพล่านจากมือของเธอราวกับปีศาจที่หิวกระกาย มันเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะเขมือบร่างกายของหานเซิ่นเข้าไป
“ไม่มีใครบังคับให้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้” หานเซิ่นตอบ
เอ็กซ์ควิสิทมองหานเซิ่นและไม่พูดอะไร ใบหน้าของเธอยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก ลมปราณสีดำและขาวในอากาศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนกับว่าพวกมันพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ
ศิษย์ของปราสาทนภามองหานเซิ่นด้วยความกังวล ยวิ๋นซู่อีจิกชุดของตัวเองอย่างเป็นกังวล เล็บของเธอนั้นเกือบจะฉีกเสื้อผ้าจนขาด
“พวกเราควร…” ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่ผู้นำปราสาทนภา
ผู้นำปราสาทนภาส่ายหัว “รอต่ออีกหน่อย”
ขณะที่หานเซิ่นมองดูเอ็กซ์ควิสิท เขาไม่ได้โกรธเธอ เขารู้สึกสงสารเธอ
เธอยอมทิ้งอารมณ์ความรู้ขเพื่อจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันเหมือนกับว่าเธอเป็นเบี้ยของจักรวาลมากกว่า เธอได้ทิ้งตัวตนของตัวเองเพื่อจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูง
หานเซิ่นเคยเห็นคนที่คล้ายคลึงกันมาก่อนภายในปราสาทนภา แต่นั่นแตกต่างไปจากที่เขาเห็นในตอนนี้ ในตอนที่เผ่านภากลายเป็นหนึ่งกับท้องฟ้า พวกเขาจะโฟกัสที่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมากกว่า มันไม่เหมือนกับคนเผ่าเวรี่ไฮที่สนใจแค่การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
“ถ้าเผ่านภารวมกับจักรวาลหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขาจะยังคงถูกนับว่าเป็นบุคคลคนหนึ่งอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นส่ายหัว มันมีหลายสิ่งที่เขาไม่แน่ใจ แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่ต้องการอนาคตแบบนั้น เขาไม่สามารถเลือกเส้นทางนี้
เอ็กซ์ควิสิทยืนอยู่ตรงหน้าเขาและพลังของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นเอื่อมมือไปแกะมือของเอ็กซ์ควิสิทที่กำลังใช้บีบคอของเขา
แสงสีขาวในดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทรั่วไหลออกมา ลมปราณสีดำและขาวของเธอปะทุราวกับภูเขาไฟ มือทั้งสองข้างของเธอบินออกไปในทิศทางของหานเซิ่นราวกับกระสุน
ลมปราณสีดำและขาวของเธอกำลังให้กำเนิดโซ่สสารบนกำปั้น กำปั้นนั้นทรงพลังขนาดที่สีหน้าของทุกคนในปราสาทนภาเปลี่ยนไป ยวิ๋นซู่อีรู้สึกกังวลจนรู้สึกราวกับว่าหัวใจจะกระโดดออกมาจากอกได้ทุกเมื่อ
พวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากๆ และพลังที่เอ็กซ์ควิสิทใช้ก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าหานเซิ่นถูกชกเข้า ร่างกายของเขาก็คงจะถูกทำลาย
แต่วินาทีต่อมา ผู้ชมสังเกตเห็นว่ามือของหานเซิ่นเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปจับกำปั้นของเอ็กซ์ควิสิทที่เข้ามา และหลังจากนั้นมือทั้งสองข้างของเธอก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหานเซิ่น
ลมปราณสีดำและขาวเริ่มจะฉีกมือของหานเซิ่น มันฉีกลึกเข้าไปในชุดเกราะมนตราของหานเซิ่น เลือดเริ่มไหลออกมาจากรอยฉีกนั้น
พายุของลมปราณสีดำและขาวนั้นโหมกระหน่ำทั่งสนามประลอง และหานเซิ่นอยู่ในจุดศูนย์กลางของมัน ชุดเกราะของเขาถูกฉีกขาดและรอยแผลเริ่มจะปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอ? ต่อหน้าคนที่อยู่ระดับเดียวกัน ข้าเป็นราชา มันมีสิ่งเดียวที่จะล้มราชาได้คือรอยยิ้มของสาวงาม การใช้กำลังกับคนอย่างข้ามันไม่ได้ผล” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็โยนร่างของเอ็กซ์ควิสิทที่ห่อหุ้มด้วยลมปราณสีดำและขาวออกไป
หานเซิ่นเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งและแกว่งหมัดเข้าใส่เธอราวกับเฮอร์ริเคน
ภายใต้หมัดของหานเซิ่น ลมปราณสีดำและขาวค่อยๆเบาบางลงไป หมัดของหานเซิ่นกระหน่ำชกใส่ชุดเกราะสีดำของเอ็กซ์ควิสิท
ปัง! ปัง!
การปะทะกันของหมัดและชุดเกราะสร้างเสียงแหลมของโลหะขึ้นมา พวกมันดังต่อกันอย่างรวดเร็วโดยที่ทิ้งช่วงระหว่างแต่ละเสียง