Super God Gene – ตอนที่ 2633

เอ็กซ์ควิสิทนอนอยู่บนพื้น เธอจ้องไปที่หานเซิ่นและไม่ได้ลุกกลับขึ้นมา เธอคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นพูดด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

 

“อาจารย์หานแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทก็เป็นแค่เศษสวะต่อหน้าอาจารย์หาน นี่นางเป็นเผ่าเวรี่ไฮแบบไหนกัน?”
“น่ากลัวจริงๆ พี่น้องตระกูลหานเป็นสัตว์ประหลาดกันทั้งคู่”

 

เลือดของศิษย์ปราสาทนภาเดือดปุดๆด้วยความตื่นเต้น เผ่าเวรี่ไฮมักจะทำเหมือนกับว่าเผ่านภาด้อยกว่าพวกเขาอยู่เสมอๆ ตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นเอ็กซ์ควิสิทพ่ายแพ้ต่อหานเซิ่นอย่างราบคาบ พวกเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี พวกเขาปรารถนาว่าตัวเองจะต่อสู้กับเผ่าเวรี่ไฮได้เหมือนกับที่หานเซิ่นทำ

 

“ตอนนี้การต่อสู้นี้จบลงแล้วสินะ?” หานเซิ่นพูดกับเอ็กซ์ควิสิทที่นั่งอยู่บนพื้นนอกสนามประลอง

 

เอ็กซ์ควิสิทดูเหมือนจะสะดุ้งตื่นจากอาการตกใจ ขณะที่เธอจ้องไปที่หานเซิ่น ความแน่วแน่ก็กลับมาสู่ดวงตาของเธอ

 

“ไม่ มันยังไม่จบ จักรวาลยังคงอยู่ข้างข้า ข้าจะไม่แพ้”
เอ็กซ์ควิสิทค่อยๆลุกกลับขึ้นมา เส้นผมของเธอลอยขึ้นและปลิวไสวในอากาศ ดวงตาไท่เก๊กของเธอหมุนอย่างน่ากลัวและเรืองแสงขึ้นมา ลมปราณสีดำและขาวเริ่มพลุ่งพล่านออกมาจากร่างกายของเธอ พวกมันเริ่มจะหมุนรวมกันและก่อตัวเป็นโครงสร้างของโซ่สสาร

 

“นางบังคับให้ทั้งเก้าขั้นรวมเป็นหนึ่ง ตอนนี้นางกลายเป็นระดับครึ่งเทพแล้ว!” ผู้ชมทุกคนเริ่มจะรู้สึกตัวในเรื่องนั้น

 

ขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึง ลมปราณสีดำและขาวของเอ็กซ์ควิสิทก็ระเบิดออกมา ชุดเกราะจีโนสีดำปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอเองก็ถูกปกคลุมด้วยเช่นกัน มีเพียงแค่เนตรเวรี่ไฮเท่านั้นที่มองเห็นได้ ขณะเดียวกันเนตรเวรี่ไฮก็เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มันเหมือนกับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์น้อยๆ

 

ในตอนนี้เอ็กซ์ควิสิทเป็นเหมือนกับราชินีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว และเธอก็ใช้ดวงตาที่สามของเธอมองมาที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา

 

เอ็กซ์ควิสิทยกมือขึ้นในทิศทางของหานเซิ่นและทำท่าดึง ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไร แต่อวกาศรอบๆนั้นบิดเบือน มันเหมือนกับว่าอวกาศระหว่างพวกเขาทั้งสองถูกลดลงไป และร่างกายของหานเซิ่นก็ถูกดึงไปอยู่ตรงหน้ามือของเอ็กซ์ควิสิท เอ็กซ์ควิสิทจับคอของเขาเอาไว้

 

“ในจักรวาลของข้าไม่มีใครเอาชนะข้าได้!” เอ็กซ์ควิสิทใช้เปลวเพลิงสีขาวในดวงตาที่สามมองที่หานเซิ่นขณะที่พูด

 

หลังจากนั้นร่างกายของเอ็กซ์ควิสิทก็เริ่มจะปลดปล่อยลมปราณสีขาวและดำที่น่าสะพรึงกลัวออกมา มันเหมือนกับว่าพลังทั้งหมดในจักรวาลมารวมกันอยู่ในมือของเธอ ถ้าเธอบีบเพียงแค่นิดเดียว เธอก็คงจะบดขยี้คอของหานเซิ่นได้อย่างง่ายดาย

 

“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ยอมแพ้” เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่น เสียงของเธอเป็นโทนเดียวราวกับเครื่องจักร มันเหมือนกับว่าเธอยินดีจะเปลี่ยนร่างกายของหานเซิ่นให้เป็นผุยผงถ้าเขาไม่คิดจะยอมแพ้

 

“ข้าชอบตอนที่เจ้ายิ้มมากกว่า แบบนี้มันไม่เหมาะกับเจ้า” หานเซิ่นพูด

 

“ข้าบอกให้เจ้ายอมแพ้!” เอ็กซ์ควิสิทขึ้นเสียง ลมปราณสีดำและขาวพลุ่งพล่านจากมือของเธอราวกับปีศาจที่หิวกระกาย มันเหมือนกับว่าพวกมันกำลังจะเขมือบร่างกายของหานเซิ่นเข้าไป

 

“ไม่มีใครบังคับให้ข้าทำบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้” หานเซิ่นตอบ

 

เอ็กซ์ควิสิทมองหานเซิ่นและไม่พูดอะไร ใบหน้าของเธอยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก ลมปราณสีดำและขาวในอากาศเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนกับว่าพวกมันพร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ

 

ศิษย์ของปราสาทนภามองหานเซิ่นด้วยความกังวล ยวิ๋นซู่อีจิกชุดของตัวเองอย่างเป็นกังวล เล็บของเธอนั้นเกือบจะฉีกเสื้อผ้าจนขาด

 

“พวกเราควร…” ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่ผู้นำปราสาทนภา

 

ผู้นำปราสาทนภาส่ายหัว “รอต่ออีกหน่อย”

 

ขณะที่หานเซิ่นมองดูเอ็กซ์ควิสิท เขาไม่ได้โกรธเธอ เขารู้สึกสงสารเธอ

 

เธอยอมทิ้งอารมณ์ความรู้ขเพื่อจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล แต่ถ้าให้พูดตรงๆ มันเหมือนกับว่าเธอเป็นเบี้ยของจักรวาลมากกว่า เธอได้ทิ้งตัวตนของตัวเองเพื่อจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูง

 

หานเซิ่นเคยเห็นคนที่คล้ายคลึงกันมาก่อนภายในปราสาทนภา แต่นั่นแตกต่างไปจากที่เขาเห็นในตอนนี้ ในตอนที่เผ่านภากลายเป็นหนึ่งกับท้องฟ้า พวกเขาจะโฟกัสที่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมากกว่า มันไม่เหมือนกับคนเผ่าเวรี่ไฮที่สนใจแค่การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล

 

“ถ้าเผ่านภารวมกับจักรวาลหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเขาจะยังคงถูกนับว่าเป็นบุคคลคนหนึ่งอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นส่ายหัว มันมีหลายสิ่งที่เขาไม่แน่ใจ แต่เขารู้ว่าตัวเองไม่ต้องการอนาคตแบบนั้น เขาไม่สามารถเลือกเส้นทางนี้

 

เอ็กซ์ควิสิทยืนอยู่ตรงหน้าเขาและพลังของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นเอื่อมมือไปแกะมือของเอ็กซ์ควิสิทที่กำลังใช้บีบคอของเขา

 

แสงสีขาวในดวงตาของเอ็กซ์ควิสิทรั่วไหลออกมา ลมปราณสีดำและขาวของเธอปะทุราวกับภูเขาไฟ มือทั้งสองข้างของเธอบินออกไปในทิศทางของหานเซิ่นราวกับกระสุน

 

ลมปราณสีดำและขาวของเธอกำลังให้กำเนิดโซ่สสารบนกำปั้น กำปั้นนั้นทรงพลังขนาดที่สีหน้าของทุกคนในปราสาทนภาเปลี่ยนไป ยวิ๋นซู่อีรู้สึกกังวลจนรู้สึกราวกับว่าหัวใจจะกระโดดออกมาจากอกได้ทุกเมื่อ

 

พวกเขาทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากๆ และพลังที่เอ็กซ์ควิสิทใช้ก็เป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าหานเซิ่นถูกชกเข้า ร่างกายของเขาก็คงจะถูกทำลาย

 

แต่วินาทีต่อมา ผู้ชมสังเกตเห็นว่ามือของหานเซิ่นเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เขาเอื้อมมือไปจับกำปั้นของเอ็กซ์ควิสิทที่เข้ามา และหลังจากนั้นมือทั้งสองข้างของเธอก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของหานเซิ่น

 

ลมปราณสีดำและขาวเริ่มจะฉีกมือของหานเซิ่น มันฉีกลึกเข้าไปในชุดเกราะมนตราของหานเซิ่น เลือดเริ่มไหลออกมาจากรอยฉีกนั้น

 

พายุของลมปราณสีดำและขาวนั้นโหมกระหน่ำทั่งสนามประลอง และหานเซิ่นอยู่ในจุดศูนย์กลางของมัน ชุดเกราะของเขาถูกฉีกขาดและรอยแผลเริ่มจะปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา

 

“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอ? ต่อหน้าคนที่อยู่ระดับเดียวกัน ข้าเป็นราชา มันมีสิ่งเดียวที่จะล้มราชาได้คือรอยยิ้มของสาวงาม การใช้กำลังกับคนอย่างข้ามันไม่ได้ผล” หานเซิ่นพูด หลังจากนั้นเขาก็โยนร่างของเอ็กซ์ควิสิทที่ห่อหุ้มด้วยลมปราณสีดำและขาวออกไป

 

หานเซิ่นเคลื่อนที่เป็นเส้นโค้งและแกว่งหมัดเข้าใส่เธอราวกับเฮอร์ริเคน

 

ภายใต้หมัดของหานเซิ่น ลมปราณสีดำและขาวค่อยๆเบาบางลงไป หมัดของหานเซิ่นกระหน่ำชกใส่ชุดเกราะสีดำของเอ็กซ์ควิสิท

 

ปัง! ปัง!

การปะทะกันของหมัดและชุดเกราะสร้างเสียงแหลมของโลหะขึ้นมา พวกมันดังต่อกันอย่างรวดเร็วโดยที่ทิ้งช่วงระหว่างแต่ละเสียง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset