“นี่เธอกำลังทำอะไร?” หญิงหม้ายหลิวเอนตัวเข้ามาเพื่อจะจูบเขา ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้มือเพื่อหยุดริมฝีปากของเธอเอาไว้
“เจ้าไม่ต้องการสมบัติของตระกูลหลิวอย่างนั้นหรอ? ถ้าเจ้ารักข้าอย่างที่ข้าต้องการ ข้าก็จะมอบทุกอย่างให้กับเจ้า” หญิงหม้ายหลิวจ้องมองเขาราวกับหมาป่าที่หิวกระหาย
ไม่สิเธอเป็นเหมือนกับจิ้งจอกตัวเมียที่เต็มไปด้วยราคะ
หานเซิ่นใช้มือจับที่เอวของเธอและยกเธอขึ้น เขาเดินไปทางสวนหลังบ้านและโยนเธอลงบนโต๊ะหิน
แขนและขาของเธอกางออกบนโต๊ะ ขณะที่หญิงหม้ายหลิวหลับตาของเธอลง ใบหน้าของเธอแดงและเธอก็หายใจอย่างรวดเร็วขณะที่พูดขึ้นมา
“ไม่ต้องอ่อนโยนกับข้าเพียงเพราะข้าเป็นผู้หญิงที่บอบบาง”
แต่หลังจากที่รอคอยให้อะไรเกิดขึ้น มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง หานเซิ่นก็ได้หายตัวไปแล้ว
หลังจากที่หานเซิ่นออกจากบ้านของหญิงหม้ายหลิว เขาก็เดินต่อไปบนถนนของเมืองราชาดำ แต่เขารู้สึกว่าบางสิ่งผิดปกติ ผู้หญิงทุกคนในเมืองราชาดำมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ดวงตาของพวกเธอดูเหมือนกับหมาป่าที่หิวกระหาย
แม้แต่ดวงตาของหญิงสาวที่ขี้อายก็ลุกเป็นไฟเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเธอมองมาที่หานเซิ่น
“นี่มันไม่ปกติ นี่คือพลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นตัดสินใจออกไปจากเมืองราชาดำ หลังจากที่ออกไป เขาก็เห็นยวิ๋นซู่ซางกำลังขี่นกกระเรียนของเธอ
เมื่อยวิ๋นซู่ซางสังเกตเห็นหานเซิ่น สีหน้าของเธอก็บิดเบี้ยวอย่างแปลกๆ มันดูเหมือนกับว่าเธอต้องการจะหลบหน้าเขา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็อยากจะอยู่ต่อและมองดูเขา
“ซู่ซาง ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นเดินเข้าไปหาเธอ
“ถามอะไร?” ยวิ๋นซู่ซางมองไปรอบๆขณะที่พูด
“นี่พลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาส่งผลต่อร่างกายของข้าอย่างนั้นหรอ? นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าข้าเปลี่ยนไปมากแค่ไหน?” หานเซิ่นพูดอย่างจริงจัง
ยวิ๋นซู่ซางหน้าแดง หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก เธอกัดริมฝีปากของตัวเองขณะที่พูดขึ้นว่า “เจ้าควรจะไปถามคนอื่น”
หลังจากนั้นยวิ๋นซู่ซางก็จากไปอย่างรีบร้อน หานเซิ่นพยายามตะโกนเรียก แต่เธอเมินเฉยต่อการเรียกของเขา
หานเซิ่นรู้ว่านี่เป็นอะไรที่แย่มากๆ หลังจากที่เขากลับไปที่เกาะหยกน้อย เขาก็ให้บับเบิลลอกเลียนแบบร่างกายของเขาและคอยอยู่ที่นั่น ในขณะที่เขาตัดสินใจเทเลพอร์ตกลับเข้าไปในสหพันธ์
“เหยียนหรัน มันมีบางสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับฉันไหม?” หานเซิ่นถาม เขากำลังนอนบนเตียงโดยมีจีเหยียนหรันขดตัวในแขนของเขาเหมือนกับแมว
จีเหยียนหรันพูดด้วยสีหน้าที่พึ่งพอใจ “ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร นายดูดีมากๆ นายดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเมื่อก่อน”
“เธอหมายความว่ายังไงที่ว่ามีเสน่ห์?” หานเซิ่นรีบถามอย่างเป็นกังวล
จีเหยียนหรันมองเขาใกล้ๆ เธอจับคางของเขาขณะที่จ้องไปใบหน้าของหานเซิ่น หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา “มันทำให้ฉันอยากหลับนอนกับนายมากขึ้น”
“โอ้ไม่นะ…มันเป็นแบบนี้เองอย่างนั้นหรอ…”
ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมยวิ๋นซู่ซางถึงหลีกเลี่ยงเขา และทำไมเอ็กซ์ควิสิทถึงไม่มาหาเขาอีก มันไม่ใช่เพราะพวกเธอคิดว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่มันเป็นเพราะพวกเธอไม่สามารถทนต่อการความคิดที่จะทำบางสิ่งที่เป็นสิ่งต้องห้ามไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้คนหลีกเลี่ยงเขา
“นี่มันเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์แบบไหนกัน?” หานเซิ่นอยากจะร้องไห้ มันถือเป็นเรื่องดีที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ แต่หานเซิ่นไม่อยากเป็นเครื่องมือทำให้ผู้หญิงเพลิดเพลิน
“ที่รักในเมื่อพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ทำไมพวกเราไม่…” จีเหยียนหรันพูดด้วยดวงตาที่ลุ่มหลง เธอกำลังวาดวงกลมบนอกของหานเซิ่น
‘เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด’ หานเซิ่นกลับมาที่เกาะ
หานเซิ่นไม่สามารถหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไปที่ปราสาทนภาเพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้นำปราสาทนภา
ผู้นำปราสาทนภาดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับปัญหาของหานเซิ่น หลังจากที่หานเซิ่นอธิบายจบ ผู้นำปราสาทนภาก็ยิ้มให้กับเขาและพูด
“นี่ถือเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ? มันเป็นพลังที่ดีสำหรับการผลิตลูกหลาน ยีนของเจ้านั้นสุดยอด ดังนั้นเจ้าควรจะมีลูกเยอะๆ”
หานเซิ่นดูขมขื่น “ข้าไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องนั้น แถมถ้าผู้ชายเกิดเริ่มจะ…” เสียงของหานเซิ่นขาดหายไป
ผู้นำปราสาทนภาหัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่ต้องกังวลไป พลังของแส้เหล็กเทพเสน่หามีผลต่อเพศตรงข้ามเท่านั้น ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง การมีแส้เหล็กเทพเสน่หาก็จะทำให้เจ้ามีเสน่ห์ต่อผู้ชาย”
“ท่านผู้นำ นี่มันไม่มีหนทางกำจัดผลข้างเคียงนี้เลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่มีอารมณ์จะมาฟังมุขตลก
ผู้นำปราสาทนภายังคงยิ้มขณะที่พูดออกมา “ถ้าเจ้าเป็นยอดฝีมือที่ควบคุมพลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาได้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ปัญหาก็คือพลังของเจ้าไม่เพียงพอจะควบคุมแส้เหล็กเทพเสน่หา เจ้าจึงต่อต้านผลข้างเคียงของมันไม่ได้”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ผู้นำปราสาทนภาก็พูดต่อ “ส่วนหนทางแก้ไขปัญหานี้น่ะหรอ? มันก็มีอยู่วิธีหนึ่ง เจ้าจำเป็นต้องหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตมาปิดผนึกพลังของแส้เหล็กเทพเสน่หา แต่ถ้าทำแบบนั้น เจ้าก็จะใช้พลังของแส้เหล็กเทพเสน่หาไม่ได้อีก”
“ท่านคิดว่าข้าจะหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรีบถาม เขาไม่ได้จำเป็นต้องใช้พลังของแส้เหล็กเทพเสน่หา
“มันเป็นเรื่องยาก ข้าพอจะช่วยเจ้าได้ แต่การจะจ้างยอดฝีมือที่น่ากลัวขนาดนั้นเป็นอะไรที่แพงมากๆ” ผู้นำปราสาทนภาดูลำบากใจ
“ข้ายินดีจะจ่ายไม่ว่ามันจะแพงเท่าไหร่ ตราบใดที่มันแก้ไขปัญหานี้ได้” หานเซิ่นกัดฟัน เขาไม่ต้องการจะกลายเป็นของเล่นของผู้หญิง
“เอาแบบนี้เป็นยังไง? ในทุกๆเดือนเจ้าต้องทำการสอนเป็นเวลา 3 วัน และข้าจะช่วยหายอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาช่วยเจ้า” ผู้นำปราสาทนภาทำให้มันฟังดูเหมือนเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนเมื่อดูจากวิธีการพูดของเขา
“ไม่มีปัญหา” หานเซิ่นตอบตกลงในทันที ในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาต่อรอง เขาไม่รู้จักยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตสักคน เขาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้นำปราสาทนภา
“เจ้าควรจะคำนึงในเรื่องนี้ ถ้าแส้เหล็กเทพเสน่หาถูกปิดผนึก นอกซะจากเจ้าจะแข็งแก่งพอที่จะทำลายผนึก เจ้าก็จะไม่มีวันใช้พลังของมันได้อีก” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“ข้าไม่จำเป็นต้องใช้มัน” หานเซิ่นพูด
“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น ถ้าเจ้ามีแส้เหล็กเทพเสน่หาอยู่ พวกผู้หญิงก็มีแนวโน้มจะเชื่อฟังเจ้า ไม่ว่าเจ้าอยากจะได้เงินหรือชีวิตของพวกนาง พวกนางก็จะมอบให้กับเจ้าโดยไม่ลังเล เจ้าจะได้รับอะไรมากมายจากมัน”
“ท่านผู้นำ ได้โปรดหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตมาช่วยข้าปิดผนึกมัน” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
หานเซิ่นอยากจะได้สมบัติเหล่านั้น แต่เขาไม่คิดจะขายร่างกายตัวเองเพื่อพวกมัน
“ส่งแส้เหล็กเทพเสน่หามาให้กับข้า” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“เจ้าสิ่งนี้จะกลับมาหาผมด้วยจิตใจของมันเอง” หานเซิ่นพูดด้วยสีหน้าที่หดหู่
“ท่านควรรอจนกระทั่งหายอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตได้ซะก่อน และข้าจะมอบมันให้กับท่าน”
“ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าเรียบร้อยแล้ว เจ้ายังมัวรออะไรอยู่?” ผู้นำปราสาทนภาพูด
“ท่านเป็นขั้นทรูก็อต?” หานเซิ่นมองผู้นำปราสาทนภาด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนตอนการประลองในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน ผู้นำปราสาทนภายังเป็นแค่ระดับราชัน แต่ตอนเขากลายเป็นระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตแล้ว
“เจ้าก็รู้ว่าคนที่เป็นอัจฉริยะจะปิดบังพรสวรรค์ของพวกเขาเอาไว้ เผ่านภาอย่างข้าก็เชี่ยวชาญในการทำแบบนั้น” ผู้นำปราสาทนภายิ้ม