“ซีโน่เจเนอิคขุนพลหุ่นยนต์ทองระดับเทพเจ้าถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูร”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ‘ฉันได้รับวิญญาณอสูรของมัน นี่เรากำลังอยู่ในช่วงโชคดีหรือยังไงถึงได้รับวิญญาณอสูรติดต่อกันแบบนี้?’
เมื่อขุนพลเกราะทองสิ้นใจ ดาบใหญ่สีทองก็หลุดออกจากมือของมัน ดราก้อนวันและคนอื่นๆต่างรู้สึกดีใจ หลังจากที่เห็นแบบนั้นพวกเขาก็รีบเข้ามาหาหานเซิ่น
ไป๋ว่านเจียมองดูหานเซิ่นจากระยะไกล ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย สมาชิกของรอยัลไนท์ทุกคนตัวแข็งทื่อไป
ผลลัพธ์ของการต่อสู้เป็นอะไรที่น่าตกใจ ขุนพลเกราะทองนั้นถูกบอกว่าเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะฆ่าได้ แต่แล้วดอลลาร์กลับทำสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว การมองไปที่ดอลลาร์นั้นเหมือนกับการมองไปที่เทพและปีศาจ มันทิ้งความประทับใจที่ฝังลึกไว้ในสมองของพวกเขาทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ดอลลาร์คนนั้นจัดการขุนพลเกราะทองด้วยตัวคนเดียว นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?”
“มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ดอลลาร์คนนั้นแข็งแกร่งเกินไป เขาเพิ่งจะสังหารซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าด้วยตัวคนเดียวขณะที่เป็นแค่ระดับราชัน มันจะมีเอ็กซ์ตรีมคิงคนไหนที่ทำอะไรแบบนี้ได้ไหม?”
“ถึงแม้จะมีคนอื่นที่ทำอะไรแบบนี้ได้ มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำมันได้อย่างง่ายดายเหมือนที่ดอลลาร์ทำ เขาต้องเป็นระดับเทพเจ้าที่แกล้งทำตัวเป็นระดับราชัน”
…
หลังจากที่ผู้ชมได้เห็นการต่อสู้นั้น พวกเขาก็ถูกทิ้งให้ตกอยู่ในภวังค์เป็นเวลานาน
ผู้หญิงชุดเหลืองมองไปที่หานเซิ่น ดวงตาที่งดงามของเธอกลายเป็นอะไรที่ไม่สามารถอ่านออกได้
“ดอลลาร์คนนี้เป็นใครกันแน่? พลังของเขาคืออะไรกัน? น่าสนใจ นี่มันน่าสนใจจริงๆ นี่เขาแข็งแกร่งกว่าอวี้ซ่านซินอย่างนั้นหรอ?”
“ดอลลาร์ ขอบคุณเจ้ามาก พวกเราคงจะทำงานนี้ไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีเจ้า…”
ดราก้อนวันทั้งตกใจและดีใจ เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอะไรดี ถ้าไม่ใช่เพราะดอลลาร์ เผ่าดราก้อนก็คงจะสูญเสียทุกสิ่ง ดอลลาร์นำชัยชนะมาสู่พวกเขาด้วยตัวคนเดียว
ในจังหวะนั้นดราก้อนวันคิดว่ายีนซีโน่เจเนอิคหนึ่งพันที่มอบให้กับดอลลาร์นั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่าอย่างมาก
“เจ้าจะจ่ายยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีก 500 ยีนให้กับข้าได้เมื่อไร?”
หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ดราก้อนวัน หลังจากที่เขาทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว เขาก็ต้องการค่าจ้าง
“พรุ่งนี้… ไม่สิ ขอเวลาพวกเราครึ่งชั่วโมง พวกเราจะส่งพวกมันให้กับเจ้าเดี๋ยวนี้!”
ดราก้อนวันรีบสั่งให้ดราก้อนใต้บังคับบัญชารีบไปเอายีนซีโน่เจเนอิคมาให้กับดอลลาร์
“ดอลลาร์ เจ้าสนใจจะรับงานอื่นอีกไหม?” เดียร็อบเบอร์เข้ามาหาพร้อมกับพูดด้วยเสียงต่ำ
หานเซิ่นส่ายหัว “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ข้าไม่มีเวลา”
เดียร็อบเบอร์รู้สึกผิดหวัง เหตุผลที่เขาปล่อยให้ดราก้อนวันเป็นคนจ้างดอลลาร์ก่อนก็เพราะตัวเขาเองยังไม่มั่นใจในความสามารถของดอลลาร์ เขาอยากจะเห็นความสามารถของดอลลาร์ก่อนที่จะตัดสินใจจ้าง
แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าดอลลาร์แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ เขาฆ่าขุนพลเกราะทองตามลำพังเลยก็ว่าได้ ตอนนี้เดียร็อบเบอร์จึงรู้สึกเสียใจกับความลังเลของตัวเองก่อนหน้านี้
“ถ้าเจ้ามีเวลา พวกเรามาตกลงราคากันได้” เดียร็อบเบอร์พูดอย่างมีความหวัง
“เอาสิ ข้าจะติดต่อเจ้าไปเมื่อข้ามีเวลา” หานเซิ่นพูด
หานเซิ่นส่งมีดเขี้ยวรอยสักมังกรคืนให้กับดราก้อนวัน เผ่าดราก้อนรีบนำเอายีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันอีก 500 ยีนมาให้กับหานเซิ่น หานเซิ่นรับพวกมันและออกไปจากคอร์แอเรีย หลังจากนั้นเขาก็นำพวกมันไปเก็บเอาไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตา
“ด้วยยีนซีโน่เจเนอิคระดับราชันหนึ่งพันยีน เราจะพัฒนาอาณาเขตหนึ่งไปถึงขั้นสุดท้ายได้เป็นอย่างน้อย” หานเซิ่นสังเกตกองยีนซีโน่เจเนอิคที่เขานำไปเก็บเอาไว้ในหอคอยแห่งโชคชะตาอย่างพึงพอใจ
การได้เห็นยีนซีโน่เจเนอิคมากมาย ทำให้หานเซิ่นเริ่มมีน้ำลายไหลออกมา แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินหว่านเอ๋อส่งเสียงครวญครางบนชั้นล่างของหอคอย เมื่อเขาไปดูเธอ เขาก็เห็นว่าเปลือกตาของเธอกำลังขยับ ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังตื่นขึ้นมา
หานเซิ่นตกใจ เขารีบพาหว่านเอ๋อออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา
ก่อนหน้านี้หานเซิ่นใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อฆ่าขุนพลเกราะทอง เขารู้สึกว่าผลกระทบของหว่านเอ๋อที่มีต่อเขาอ่อนลงไปแล้ว พลังของเธอไม่ได้ยกเลิกโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาอีกแล้ว เขาคิดว่านั่นเป็นอะไรที่แปลก
ในตอนแรกหานเซิ่นแค่ต้องการจะใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อทำลายดวงตาของขุนพลเกราะทองและรีบถอยออกไป เขาไม่ได้คิดว่าการฆ่าขุนพลเกราะทองจะใช้เวลานานแบบนั้น
ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าการที่หว่านเอ๋อกำลังจะตื่นขึ้นมานั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
หว่านเอ๋อนอนอยู่บนเตียงขณะที่ดวงตาของเธอค่อยๆเปิดอย่างช้าๆ เมื่อเธอเห็นหานเซิ่นอยู่ที่นั่น จู่ๆเธอก็กระโดดเข้ามาหาเขา เธอโอบแขนรอบคอของเขาและคดตัวกับอกของเขาเหมือนกับแมว เธอหลับตาลงและพูดอย่างร่าเริง
“พี่ชาย”
หานเซิ่นไม่รู้จะทำยังไงดี เขาดันนอกออกไปเล็กน้อย เขายังคงไม่รู้ว่าทำไมหว่านเอ๋อถึงได้เรียกเขาว่า “พี่ชาย”
“หว่านเอ๋อ เจ้าจำพี่ชายของเจ้าได้ไหม?” ขณะที่เขาพูดไปแบบนั้น แม้แต่หานเซิ่นเองก็คิดว่าคำพูดของเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลก
“แน่นอนข้าจำพี่ชายตัวเองได้” หว่านเอ๋อเอนตัวเข้ามาหาหานเซิ่น เธอหลับตาลงราวกับว่าเธอกำลังฝันกลางวัน
“ข้าไม่อยากจะแยกจากพี่ชายไปไหนอีกแล้ว ข้าต้องการจะอยู่กับพี่ชายไปตลอดกาล”
“หว่านเอ๋อคนดี พี่ชายคนนี้ก็ต้องการจะอยู่กับเจ้าไปตลอดการเช่นกัน”
หานเซิ่นลูบหลังของหว่านเอ๋อเบาราวกับว่าเธอเป็นเด็กเล็กๆ และหลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า “เจ้าจำชื่อของพี่ได้ไหม?”
“แน่นอนว่าข้าจำได้ ข้าจะลืมชื่อพี่ชายตัวเองได้ยังไง? ข้าจะไม่มีวันลืมชื่อของพี่ชายตัวเอง” หว่านเอ๋อถูใบหน้ากับอกของหานเซิ่นเหมือนกับแมว
“ถ้าอย่างนั้นชื่อของพี่คืออะไร?” หานเซิ่นถามอย่างเร่งรีบ
หว่านเอ๋อเงยหัวขึ้นมา เธอมองไปที่หานเซิ่นด้วยความสับสนและพูด
“นี่พี่ชายลืมชื่อของตัวเองอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอนว่าพี่จำชื่อของตัวเองได้! พี่แค่ทดสอบเจ้าเท่านั้น” หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นคุณครูสอนเด็กอนุบาล
เมื่อได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนั้น ใบหน้าของหว่านเอ๋อก็เริ่มกลายเป็นสีแดง มันดูงดงามและเธอดูเหมือนกับชิ้นคริสตัลที่กำลังจะร้องไห้
“นี่พี่ชายไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอนว่าพี่เชื่อเจ้า หว่านเอ๋อ! พี่แค่ล้อเล่นเท่านั้น” หานเซิ่นรู้สึกว่าความแน่วแน่ของเขาอ่อนลงไป และเขาก็เปลี่ยนไปปลอบเธอแทน
หว่านเอ๋อหัวเราะ เธอวางแก้มลงบนอกของหานเซิ่นและหลับตาลง
“ข้าต้องการจะอยู่กับพี่เหมือนแต่ก่อน ข้าอยากจะพูดคุยและเดินทางกับพี่ไปทั่วจักรวาล แต่หว่านเอ๋อรู้สึกเหนื่อย ข้าอยากจะหลับเยอะๆ”
หานเซิ่นอยากจะรู้ชื่อพี่ชายของหว่านเอ๋อให้ได้ แต่เขาไม่รู้ว่าควรจะถามยังไงดี
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าการรับมือกับหว่านเอ๋ออาจจะยากยิ่งกว่าการรับมือกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า การรับมือกับซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีโอกาสอยู่ แต่การรับมือกับหว่านเอ๋อ เขาไม่สามารถใช้กำลังของตัวเองได้อย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ มันเหมือนกับการชกใส่ใยฝ้าย
“พี่ชาย… พวกเราจะไม่กลับไปที่เซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? แค่พวกเรา 2 คน ตลอดไป ร่วมกัน ตลอดไป” หว่านเอ๋อพึมพำกับตัวเองและเสียงของเธอก็เบาลงเรื่อยๆ
หานเซิ่นอึ้งไป “นี่เจ้ามาจากเซเคร็ด? ถ้าอย่างนั้น พี่ชายของเจ้าคือใครกัน? มันเป็นใครบางคนจากเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ?”