การทดสอบสุดท้ายคือต้นไม้จีโน หานเซิ่นยืนอยู่ตรงหน้ามันและเฉือนนิ้วของตัวเอง เขาปล่อยให้หยดเลือดไหลลงไปบนต้นไม้จีโน
ขณะที่ทุกคนกำลังมองดูเลือดของหานเซิ่นหยดลงบนต้นไม้จีโน ราชาไนท์ริเวอร์ก็จับจ้องไปที่หานเซิ่นตาไม่กระพริบ เขาต้องการทำให้แน่ใจว่าหานเซิ่นจะไม่เล่นตุกติกอะไรในการทดสอบนี้
ต้นไม้จีโนสามารถวัดระดับพลังของคนๆหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ถ้าหานเซิ่นหยดเลือดของตัวเองลงไปบนต้นไม้จีโน ดอกไม้ก็จะบานออกมาจำนวนเท่ากับระดับความแข็งแกร่งของเขา
หานเซิ่นได้ใช้เวลาศึกษาเกี่ยวกับต้นไม้จีโนอยู่เป็นเวลาพอสมควร และเขาก็ค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ
การทำงานของต้นไม้จีโนเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียบง่าย ต้นไม้จีโนเป็นเหมือนกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากน้ำมันเบนซิน และยีนภายในเลือดของทุกคนก็เป็นเหมือนกับน้ำมันเบนซิน ยิ่งพลังยีนภายในเลือดของคนๆนั้นมีมากเท่าไหร่ ต้นไม้จีโนก็จะกำเนิดไฟฟ้าได้มากขึ้นเท่านั้น ในกรณีของต้นไม้นี้มันจะแสดงออกมาด้วยจำนวนของดอกไม้
พลังจีโนของหานเซิ่นสูงกว่ามาร์ควิสธรรมดาทั่วไปมาก ซึ่งมาร์ควิสทั่วๆไปนั้นจะทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้ประมานหนึ่งแสนดอก
หานเซิ่นเชื่อว่าพลังของตัวเขาเองสามารถทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้หลายแสนดอกอย่างง่ายดาย
ถ้าเขาไม่อยากผ่านการทดสอบ เขาก็ต้องลดจำนวนดอกไม้ที่จะบานขึ้นมา แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะผลลัพธ์ที่ออกมานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังที่พวกเขาใช้
แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงยีนของตัวเองได้ หรืออย่างน้อยๆถ้ามีคนแบบนั้นอยู่จริง มันก็มีอยู่ไม่มากนัก ในตอนที่บุดด้าระดับเทพเจ้าที่มีชื่อว่าเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าเปลี่ยนหานเซิ่นให้กลายเป็นมดตัวหนึ่งนั้น เขาได้แสดงถึงพลังในการเปลี่ยนแปลงยีนที่หาได้ยากออกมา
วิชาโลหิตชีพจรของหานเซิ่นสามารถเปลี่ยนแปลงยีนได้เช่นเดียวกัน แต่มันแตกต่างไปจากวิชาจีโนของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า วิชาโลหิตชีพจรจะควบคุมยีนของตัวเองเป็นหลัก มันไม่สามารถเปลี่ยนยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้อย่างวิชาจีโนของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่า
มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับหานเซิ่นที่จะใช้วิชาโลหิตชีพจรเพื่อควบคุมยีนภายในเลือดตัวเอง ซึ่งเขาเคยทำแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
ราชาไนท์ริเวอร์มองดูหานเซิ่นหยดเลือดลงบนต้นไม้จีโน และเมื่อมันเกิดขึ้น ดอกไม้ก็เริ่มบานขึ้นมา
ขณะที่ดอกไม้กำลังผลิบาน มันก็เหมือนกับการมองดูสายลมพัดผ่านทุกหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้นับพัน
แต่เมื่อดอกไม้หยุดผลิบาน ราชาไนท์ริเวอร์ก็เบิกกว้าง “เพียงแค่หนึ่งหมื่นดอก? นั่นเป็นไปไม่ได้!”
มันไม่มีทางที่เลือดของหานเซิ่นจะทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาได้เพียงแค่หนึ่งหมื่นดอก เพราะแม้แต่มาร์ควิสที่อ่อนแอที่สุดก็สามารถทำให้ดอกไม้บานขึ้นมาหนึ่งหมื่นดอกได้เลย แต่ทุกคนรู้ว่าแม้แต่มาร์ควิสที่แข็งแกร่งที่สุดของรีเบทก็ไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นในการต่อสู้ได้
ราชาอัศวินไอซ์บลูดูไม่ประหลาดใจกับเรื่องนั้น เพราะยังไงซะผลลัพธ์ที่ออกมาก็ตรงกับผลการทดสอบอื่นๆ
ราชาอัศวินไอซ์บลูคิดว่าอี๋ซาคงจะรับหานเซิ่นมาเป็นลูกศิษย์เพราะความทุ่มเทอย่างหนักของเขา แต่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน พรสวรรค์และพลังของเขาก็ดูแย่มากๆ
จุดประสงค์เดียวของหน่วยอัศวินไอซ์บลูคือต่อสู้ มันไม่ใช่โรงเรียนสำหรับการฝึกฝัน ดังนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูจึงล้มเลิกความคิดที่จะรับหานเซิ่น ถ้าหานเซิ่นขาดพลัง มันก็ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซาหรือไม่ ราชาอัศวินไอซ์บลูจะไม่อนุญาตให้คนที่ไร้พรสวรรค์เข้าร่วมกับหน่วนอัศวินไอซ์บลู
และมันยังเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมต่ออัศวินคนอื่นที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา นอกจากนั้นมันก็จะทำให้ตัวหานเซิ่นเองตกอยู่ในอันตรายด้วย
เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินออกไปบ ราชาไนท์ริเวอร์ก็ดูแย่ เขาเชื่ออย่างสนิทใจว่าหานเซิ่นต้องเล่นตุกติกบางอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นหานเซิ่นหยดเลือดลงบนต้นไม้จีโนกับตาตัวเอง เขารู้ว่ามันควรจะไม่มีหนทางที่หานเซิ่นจะเล่นตุกติกอะไรได้ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความไม่พอใจ ขณะที่เขาคิดหาหนทางที่จะหยุดหานเซิ่น
แต่เขาไม่กล้าพูดออกมาว่าหานเซิ่นเล่นไม่ซื่อ การพูดออกไปแบบนั้นจะเป็นอะไรที่ดึงความสนใจมากเกินไป ถ้าเขาขอให้หานเซิ่นเข้ารับการทดสอบอีกครั้งและผลที่ออกมายังเหมือนเดิมโดยที่ไม่มีใครมองลูกไม้ของหานเซิ่นออก นั่นจะถือว่าราชาไนท์ริเวอร์กำลังดูหมิ่นราชาอัศวินไอซ์บลู
ราชากงล้อจันทราเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นสามารถหลอกต้นไม้จีโนได้ยังไง
ขณะเดียวกันหานเซิ่นก็แกล้งทำเป็นหดหู่ เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจออกมา เขาเดินไหล่ตกออกจากลานกว้างเทพจันทราและกลับไปที่ดาวอุปราคา ในระหว่างทางเขาคิดกับตัวเองด้วยความพึงพอใจ ‘ตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องไปเข้าร่วมกับเอ็กซ์ตรีมคิงอีกแล้ว’
เมื่อการทดสอบสิ้นสุด และที่สุดแล้วก็มีเพียงแค่รีเบท 2 คนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ ราชาอัศวินไอซ์บลูไม่พอใจกับผลที่ออกมาเลยสักนิด หลังจากที่อ่านรายงานจบ เขาก็ถอนหายใจออกมา
“ทำไมเจ้าถึงได้ถอนหายใจ?” มิสเตอร์ไวท์ถามราชาอัศวินไอซ์บลูด้วยรอยยิ้ม
ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้มแห้งๆออกมา “ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้หญิงอย่างอี๋ซาจะรับลูกศิษย์แบบนั้น นี่จะเป็นจุดจบของวิชามีดเขี้ยวดาบ ข้าคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นวิชามีดที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นอีกแล้ว”
มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “ถ้าเจ้ารู้สึกเศร้าเกี่ยวกับเรื่องนั้นล่ะก็ มันไม่มีความจำเป็น”
“หมายความว่ายังไง?” ราชาอัศวินไอซ์บลูถามด้วยความสับสน
มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “นั่นก็เพราะอี๋ซามีลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยม สักวันหนึ่งเขาอาจจะก้าวข้ามนางก็ได้”
ราชาอัศวินไอซ์บลูจ้องมองไปที่มิสเตอร์ไวท์ด้วยความสับสนและถาม “จะบอกว่าอี๋ซายังมีลูกศิษย์อีกคนอย่างนั้นหรอ?”
“ลองดูอะไรนี่” มิสเตอร์ไวท์พูดพร้อมส่งจอมอนิเตอร์
ขณะที่ราชาอัศวินไอซ์บลูก้มมองที่หน้าจอ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็เงยหัวเข้ามาและหลี่ตามองไปที่มิสเตอร์ไวท์ “นี่ข้าถูกหลอก”
หานเซิ่นเข้าไปฝึกฝนในปราสาทนภาและต่อสู้กับมาร์ควิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของที่นั่นจนได้รับสมญานามปรมาจารย์มีดและดาบมา มันไม่มีทางที่เขาจะมีระดับความแข็งแกร่งแค่ดอกไม้หมื่นดอกไปได้
ปราสาทนภาไม่มีทางจะได้รับชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นมาได้ถ้าศิษย์ของพวกเขาอ่อนแอแบบนั้น
มิสเตอร์ไวท์คิดอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้นมา “บางทีเขาอาจจะมีปัญหาของตัวเองที่ทำให้เขามาเข้าร่วมกับพวกเราไม่ได้”
“ข้าไม่สนใจว่าเหตุผลของเขาจะเป็นอะไร เขาเป็นของข้า”
ราชาอัศวินไอซ์บลูโมโห แต่หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาและพูด “เจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่เขาหลอกข้าซะสนิทเลย บุคลิกภาพของเขาแตกต่างไปจากอี๋ซาอย่างเห็นได้ชัด ข้าประหลาดใจที่นางเลือกลูกศิษย์แบบนั้น”
“ก่อนอื่นพวกเราต้องไปสืบก่อนว่าทำไมเขาถึงไม่อยากจะเข้าร่วมกับหน่วยอัศวินไอซ์บลู” มิสเตอร์ไวท์พูด
“นั่นมันง่ายมาก พวกเราก็แค่ไปถามเขา” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูดพร้อมกับยักไหล่
หลังจากนั้นราชาอัศวินไอซ์บลูและมิสเตอร์ไวท์ก็แอบไปที่ดาวอุปราคา ที่นั่นพวกเขาพบหานเซิ่นกำลังนั่งทำบาร์บิคิวอยู่กับหญิงสาวหลายคน เขากำลังพูดคุยและหัวเราะออกมา เขาไม่ได้ดูเศร้าเลยแม้แต่นิดเดียว