ตอนที่ 119 ชั่วโมงต้องมนต์
“คุณพระ…เธอคือใครน่ะ เธอช่าง…ช่าง…”
เจ้าของเสียงอุทาน จนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถหาคำบรรยายมานิยามหญิงสาวที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวขึ้นมาตรงทางเข้าห้องจัดเลี้ยงได้
ควรจะบรรยายว่าไงดี
สวย? ก็ธรรมดาไป
งดงาม? ก็ยังไม่ลึกซึ้งพอ
หญิงสาวคนนั้นค่อยๆ ปรากฏตัวท่ามกลางฝูงชนด้วยท่าทีไม่รีบร้อนราวกับก้าวเดินอยู่บนสายลม
“ขอโทษนะคะ มีข้อความจากคนที่ชื่อสวี่ชิงจือไหม”
เฉินฝานซิงหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูแล้วเอ่ยถามต่อบริกรที่ยืนอยู่ตรงนั้น
บริกรคนนั้นมองเธออย่างนิ่งอึ้งอยู่นาน ทางเฉินฝานซิงเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนเขาจะรีบตอบอย่างร้อนรน
“สวี่ชิงจือ? มีครับ! คุณคือคุณหนูเฉินฝานซิงใช่รึเปล่า”
เธอพยักหน้าน้อยๆ
“คุณหนูสวี่อยู่ทางฝั่งซ้ายของโซนอาหารครับ สั่งว่าหากคุณหนูมาแล้วให้ไปหาเธอเลย!”
“ขอบคุณนะคะ”
เธอเอ่ยขอบคุณแล้วกวาดตามองไปรอบๆ จากจุดเดิม ผลสุดท้ายก็พบกับสวี่ชิงจือกำลังโบกมือเรียกเธออยู่จากมุมซ้ายของโซนอาหาร
เธอพยักหน้ารับแล้วยกชายกระโปรงขึ้นเดินลงจากขั้นบันไดไป
เดรสยาวสีแป้งพัลส์
นี่เป็นเสื้อผ้าสีที่เฉินฝานซิงไม่เคยสวมใส่มาก่อน
มันถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายอ่อนหวาน มองแวบแรกดูคล้ายเกาะอก แต่เมื่อมองดีๆ แล้ว จะเห็นเส้นด้ายโปร่งแสงถักทอเชื่อมกันอย่างไร้รอยต่อเป็นซับแนบอกเอาไว้
ไหปลาร้าสวยปรากฏอยู่ท่ามกลางเส้นด้ายบางๆ คอปกตั้งตรงรูปตัววีเล็กสไตล์จีนย้อนยุคโอบคอขาวงดงามราวกับลำคอของหงส์ฟ้าของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง
ตรงหน้าอกตกแต่งด้วยลายดอกยิปโซฟิลล่าปักมือกระจายอยู่ทั่ว เป็นงานฝีมือที่ขั้นตอนซับซ้อน แต่เมื่อมองดูด้วยสายตาแล้วกลับไม่ได้ดูรกตาเลยแม้แต่น้อย
เนื้อผ้าราคาแพงของชายกระโปรงยาวทิ้งตัวลงกับพื้น ยามที่เธอก้าวเดินรองเท้าส้นสูงคริสตัลสีเงินขาวคู่หนึ่งก็ปรากฏออกมา
รูปทรงและลวดลายที่เรียบง่ายรับกับรูปร่างที่สูงสง่าของหญิงสาว
ใบหน้าของเธองดงามมาก มองแวบเดียวก็ต้องตกตะลึงในความสวย ยิ่งมองก็ยิ่งงดงามละเอียดลออ
ในตอนนี้เธอแต่งแต้มใบหน้าเล็กน้อย ขับให้รูปหน้าที่งดงามนั้นสวยสดยิ่งขึ้น
ผมยาวถูกยกเกล้าขึ้นสูง ปอยผมทั้งสองข้างถูกดัดให้เป็นลอนปรกอยู่ที่ทั้งสองแก้ม เพิ่มความมีชีวิตชีวา
ใบหน้าที่ทำให้ผู้คนต้องมนต์สะกด เสื้อผ้าที่ทำให้ผู้คนทึ่งในความงดงาม แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงไปกว่านั้นคือความสุขุมเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของเธอ
นั่นเป็นบุคลิกที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเลียนแบบได้
เธอไม่ได้มีความน่ารักและความอ่อนโยนอย่างที่หญิงสาวส่วนใหญ่มี
เธอเยือกเย็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เย็นชามาตั้งแต่ไหนแต่ไรและใบหน้าสวยเองก็ไร้ชีวิตชีวามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ทว่าคนที่เยือกเย็นขนาดนี้กลับสามารถดึงดูดสายตาของทุกคนเอาไว้ได้
เธอไม่ต้องพูดอะไรใดๆ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น กวาดสายตาเยือกเย็นนั้นไปรอบๆ ใครต่อใครก็ต่างถูกเธอสะกดจนถอนตัวไม่ขึ้น
ไม่มีใครกล้าไปคิดเพ้อเจ้อกับเธอ
แม้จะอยากเห็นผิวพรรณที่โผล่ออกมาจากด้ายบางๆ นั้นบ้างสักหน่อย ก็จะดูเป็นการล่วงเกิน
เธอไม่ใช่เจ้าหญิง
แต่เธอมีความกล้าหาญเพียงพอที่จะสยบเจ้าหญิงได้
ใช่แล้ว ก็แค่ผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ!
สง่าผ่าเผย งดงามอย่างมีระดับ สูงค่าและเย็นชา
ความกังวลทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเฉินฝานซิงนั้นดูมากเกินไป
สิ่งเดียวที่เธอกลัวที่สุดในตอนนี้คือ ราชินีที่ดันสวมกระโปรงเจ้าหญิงหรือแอปเปิลที่ดันงอกในเถาองุ่น
เพียงเพราะป๋อจิ่งชวนผู้ชายที่น่าทึ่งคนนั้น หาชุดราตรีที่ทำให้เธอประหลาดใจมาให้
เลยทำให้เธอไม่ได้ตื่นเต้นถึงขนาดนั้น
สิ่งที่โดดเด่นในค่ำคืนนี้ไม่ใช่ชุดราตรีที่เฉินฝานซิงสวมอยู่แต่เป็นเฉินฝานซิงที่สวมชุดราตรีนั้นอยู่ต่างหาก
นอกจากเธอแล้วใครก็ไม่มีสิทธิ์!
“นั่นเฉินฝานซิง?!”
เสียงอุทานที่ดังขึ้นทำให้ซูเหิงที่กำลังมอบรอยยิ้มอ่อนโยนและเสียงหัวเราะเบาๆ ให้กับเฉินเชียนโหรวอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมา…
ตอนที่ 120 เมินเฉย
เมื่อเห็นหญิงสาวที่ค่อยๆ หันมองมาทางเขาอย่างเชื่องช้า เขาก็ถึงกับตาค้าง มือที่ถือแก้วเหล้าอยู่นั้นเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขามองไปที่เธออย่างไม่อยากเชื่อสายตา!
เฉินเชียนโหรวเองก็แทบจะเงยหน้าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ยามที่ได้เห็นเฉินฝานซิง รอยยิ้มเหนียมอายบนใบหน้าพลันแห้งเ**่ยว
เฉินฝานซิง?!
“เธอเป็นใครกันน่ะ สวย…สวยจังเลย!”
“อื้ม บุคลิกเธอดูดีมากเลยนะ!”
“เห็นชุดที่เธอใส่รึเปล่า สีนั่นเห็นได้ยากมากเลยถูกไหม สวยจริงๆ เลยนะ!”
เธอไม่ได้สนใจกับเสียงกระซิบกระซาบรอบๆ ตัว พร้อมมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยท่าทีเย็นชา
แต่เมื่อคำชมเหล่านั้นได้ลอยเข้าหูแล้วเฉินเชียนโหรวแล้วก็ไม่อาจจะปล่อยผ่านไปได้
เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มข้างกายแต่กลับพบว่าเขากำลังมองเฉินฝานซิงอย่างนิ่งอึ้ง ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตานั้นอย่างปิดไม่มิด
เมื่อหันไปสนใจทุกสายตาของคนที่ยืนรวมตัวอยู่ตรงหน้าเธอ บัดนี้ทุกคนวางสายตาไปยังเฉินฝานซิงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว
เธอกัดกลีบปากของตัวเองแน่น แทบจะบีบแก้วยาวที่ถืออยู่ให้แหลกคามือ
เมื่อเห็นเฉินฝานซิงเดินเข้ามาทางนี้ เฉินเชียนโหรวจึงข่มความคุกรุ่นในหัวใจลง ก่อนจะฝืนยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่คะ มาสักทีนะ”
เธอก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เอื้อมมือหมายจะคว้าแขนของพี่สาวเอาไว้ ทว่าเฉินฝานซิงกลับเบี่ยงหลบอย่างเฉยชา
มือของเฉินเชียนโหรวชะงักค้างอยู่ที่เดิม ความอึดอัดผุดขึ้นบนใบหน้าสวย
นัยน์ตาสีดำขลับของเฉินฝานซิงค่อยๆ เคลื่อนมาหยุดตรงหางตาแล้วปรายตามองเธอแค่เพียงครู่
ความเย็นเยียบจากสายตาเย็นชานั้นแทบกัดกินไปถึงกระดูกดำ
ซูเหิงดึงสติกลับมาได้ก็เดินตามเข้ามา ภายใต้อาการทึ่งในความงามนั้นเต็มไปด้วยความสับสน
การบริหารธุรกิจมาตลอดหลายปี ผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาก็ไม่น้อย แต่นาทีที่ได้เห็นเฉินฝานซิงเมื่อกี้กลับทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างมาก
เขารู้มาเสมอว่าเฉินฝานซิงเป็นคนสวย เพียงแต่หลายปีนี้กลับค่อยๆ ถูกเขามองข้ามไป
“ฝานซิง เธอมาแล้ว…”
เขาเอ่ยปากแล้วเอื้อมมือไปคว้าเธอ
กลิ่นหอมจางๆ ที่ฟุ้งอยู่ข้างกายนั้นลอยผ่านเข้ามา อายแชโดว์สีพีชตรงหน้ามองผ่านเขาด้วยความเย็นชา
ร่างสูงสง่าของเขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าหล่อค้างเติ่ง
เฉินฝานซิงไม่แม้จะชายตามองเขาเลยตั้งแต่เริ่ม เธอเดินเฉียดไหล่เขาไปอย่างเยือกเย็น
วินาทีนั้น หัวใจของเขารู้สึกวูบโหวง ความรู้สึกหวั่นกลัวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
เฉินฝานซิงก้าวเดินไปยังโซนอาหาร ทุกที่ที่เธอก้าวไปผู้คนต่างก็พากันหลีกทางให้เธอผ่านไปได้อย่างอัตโนมัติ
สวี่ชิงจือยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหาร เธอมองเฉินฝานซิงที่กำลังใกล้เข้ามาพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
สวี่ชิงจือเป็นคนที่สวยตั้งแต่เล็กจนโต ฐานะดี ทว่ากลับไม่ได้เป็นดอกไม้งามหวานหยาดเยิ้มที่ต้องการการประคบประหงมอย่างเช่นลูกคุณหนูคนอื่นๆ
เช่นดั่งกาเข้าฝูงกา สิ่งที่เธอมีเหมือนกับเฉินฝานซิงนั่นก็คือความเข้มแข็งและความเป็นเวิร์กกิงวูแมนที่เผยอยู่รอบตัวอย่างเห็นได้ชัด
แต่สิ่งที่แตกต่างจากเฉินฝานซิงนั้นก็คือ ท่าทางของเธอนั้นมีทั้งมุมที่สุขและมุมที่เศร้า นอกจากนี้ยังมีสไตล์ความเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เป็นเอกลักษณ์
เมื่อเห็นเฉินฝานซิงเข้ามาใกล้เธอก็ขำออกมาเบาๆ
“อย่าว่าแต่คนพวกนั้นเลย วันนี้แม้แต่ฉันเองก็ต้องตกใจเพราะเธอ”
เสียงหยอกล้อของเพื่อนรักทำเอาเธอหลุดขำออกมาอย่างไม่มีเสียง
“อย่ายกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโอเคไหม เดี๋ยวฉันก็เดินไม่ได้กันพอดี”
“โอเค! ไม่พูดแล้ว กินอะไรสักหน่อยก่อนสิ เดี๋ยวดื่มเหล้าเข้าไปจะได้ไม่กัดกระเพาะ”
เฉินฝานซิงพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดคุยกันไปพลางเลือกอาหารกันไปพลาง
“พี่เหิง วันนี้พี่เขาสวยจังเลยเนอะ ว่าไหมคะ”