Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป – ตอนที่ 239 พินัยกรรม vs กรรมตามสนอง vs คุณหญิงเจี่ยนมา

“เถ้าแก่เนี้ย คุณแซ่เสิ่นไม่ใช่หรือ?” จาวจาวตามขึ้นไป ถามอย่างระมัดระวัง“ทำไมพวกเขาล้วนเรียกคุณว่าเจี่ยนถง?”

หญิงสาวหยุดลงตรงหน้าประตูห้องนอนตัวเอง เหลือบสายตามองดูจาวจาวที่อยู่ข้างหลัง ในตาสาวน้อยมีความหวาดกลัว ดวงตากลอกไปมา แล้วเข้าใจได้ว่า สาวน้อยตรงหน้าคนนี้ เปลี่ยนจากเมื่อก่อนตอนอยู่ต่อหน้าตัวเองนั้นโรแมนติกไร้เดียงสา เป็นหวาดกลัวไปมาก

“จาวจาว คุณกลัวฉัน ใช่ไหม?”

หญิงสาวไม่ตอบแต่ถามกลับไป

บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของสาวน้อยที่อยู่ตรงข้าม ทันใดนั้น หน้าเปลี่ยนสี แดงเป็นตูดลิง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอายที่ถูกคนอ่านความรู้สึกออก“ไม่ใช่ค่ะ เถ้าแก่เนี้ย ฉันจะกลัวคุณได้อย่างไร เถ้าแก่เนี้ยดีที่สุด”

มือข้างหนึ่งที่เย็นเฉียบ จับไปที่แก้มของจาวจาว สาวน้อยสั่นสะท้าน เงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง แอบมองไปทางเถ้าแก่เนี้ยของเธอ แต่พบกับสายตาที่โศกเศร้า เคร่งขรึมและจนปัญญา“เถ้าแก่เนี้ย……..”

“จาวจาว ตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร

ตอนเกิด ปู่ของฉันตั้งชื่อ เจี่ยนถง ให้ฉัน เพราะว่าปู่แซ่เจี่ยน พ่อก็แซ่เจี่ยน ฉันเป็นลูกสาวของตระกูลเจี่ยน ชื่อเจี่ยนถง

เมื่อปู่เสียชีวิตแล้ว ฉันไปล่วงเกินต่อคนที่ไม่ควรจะล่วงเกิน ตระกูลเจี่ยนก็ไม่มีเจี่ยนถงคนนี้แล้ว

และต่อมาอีก พวกเขาให้แซ่ ‘เสิ่น’กับฉัน พวกเขาบอกว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันชื่อเสิ่นถง

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร คุณเรียกฉันเถ้าแก่เนี้ย ฉันกลับสบายใจมากกว่า”

นิ้วโป้งของเธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของจาวจาว“เด็กดี ร้องทำไม”คิดไปคิดมา เธอเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วหันหลังกวักมือให้จาวจาวที่อยู่ตรงปากประตู“คุณก็เข้ามาด้วย”

หลังจากพูดจบ ก็เปิดตู้เซฟตรงมุมกำแพงออก แล้วหยิบซองแฟ้มออกมาจากข้างในอย่างระมัดระวัง “จาวจาว ตะลึงอะไร นั่งซิ”

เธอต้อนรับจาวจาวไปด้วย แล้วตัวเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้วเปิดซองแฟ้มในมือออก“หากวันหนึ่ง ฉันจากโลกใบนี้ไปก่อน คุณก็นำอันนี้ ไปหาทนายฟางเฉิงที่สำนักงานทนายความฮุ่ยเฉิง สำหรับฉันแล้ว‘Memory House’สำคัญมาก สำคัญกว่าชีวิตของฉัน ต่อไปถ้าฉันไม่อยู่แล้ว คุณจะร้องไห้งอแงไม่ได้แล้วนะ ต้องช่วยฉันจัดการโฮมสเตย์นี้ ”

ถึงแม้จาวจาวจะไร้เดียงสาแค่ไหน ก็ฟังออกถึงความไม่ปกติ“เถ้าแก่เนี้ย คุณคงจะไม่…….จากที่นี่ไปใช่ไหม? ” ทำไมเธอได้ยิน เหมือนเป็นการสั่งเสียพินัยกรรม?

ถุยๆ พูดไร้สาระ เถ้าแก่เนี้ยอายุยืนร้อยปี!

จาวจาวปลอบใจตัวเอง

หญิงสาวลุกขึ้น“ฉันจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง” เธอไม่อธิบายความสงสัยของจาวจาว หยิบซองเอกสารในมือ แล้วเดินไปทางนอกประตู

“เถ้าแก่เนี้ย คุณจะไปไหน ?”

หญิงสาวเดินนำหน้า เดินด้วยความเร่งรีบเล็กน้อย โซเซเล็กน้อย จาวจาววิจารณ์อย่างโจ่งแจ้ง“เถ้าแก่เนี้ย เท้าของคุณไม่ค่อยสะดวก เดินช้าหน่อย”

จาวจาวเดินตามเถ้าแก่เนี้ย มายืนอยู่ตรงหน้าประตูโฮมสเตย์หลังที่อยู่ห่างไกลสุด

“เถ้าแก่เนี้ย ปกติคุณไม่ให้พวกเราเข้าใกล้ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”

หญิงสาวไม่สนใจ เสียบกุญแจเข้าไป ก๊อกแก๊กหนึ่งเสียง แล้วผลักประตูออก ในห้องมืดเล็กน้อย กดเปิดไฟ ทันใดนั้น ในห้องก็สว่างขึ้นมา

“โอ๊ย”จาวจาวตกใจ แล้วพูด “รูปคน…..ตาย……..”

“จาวจาว ไม่ต้องกลัว

เธอชื่ออาลู่ เป็นเด็กผู้หญิงที่ใจดีมาก ใจดีเหมือนกับเธอ 。”

หญิงสาวเข้าไปจุดไฟ จุดธูป แล้วกล่าวว่า“อาลู่เป็นคนใจดีมาก ดีจนเพราะช่วยฉัน จึงสูญเสียชีวิตของเธอไป

อาลู่ปิดตาลง ขณะที่นอนอยู่บนตักของฉัน

ก่อนที่เธอจะปิดตาลง ยังได้พูดถึงความปรารถนาของเธอที่มีต่อโลกใบนี้

เธอบอกว่า เธอชอบท้องฟ้าและพื้นดินของทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ แล้วก็ยังมีภูเขาหิมะมังกรหยกที่อยู่ไกลออกไป

ความปรารถนาในชีวิตของเธอ ก็คือเปิดโฮมสเตย์ที่ชายทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ ไม่ต้องใหญ่มาก เป็นอิสระสงบสุขโดยปราศจากข้อพิพาททางโลก

เธอจากไปแล้ว ไม่สามารถจะทำให้ความปรารถนาใจชีวิตของเธอเป็นจริงได้

เธอใช้ชีวิตของตัวเองช่วยฉันไว้

ความปรารถนาของเธอ ก็คือความปรารถนาตลอดชีวิตของฉัน”

ตอนแรกรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อจู่ๆเห็นรูปถ่ายคนตาย แต่จากน้ำเสียงบอกเล่าที่สงบและช้าของหญิงสาว ค่อยๆทำให้ความกลัวหายไป เมื่อจาวจาวมองไปทางรูปถ่ายของเด็กหญิงแปลกหน้าอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะใจดีและอบอุ่นมาก

“เถ้าแก่เนี้ยเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่ดี เถ้าแก่เนี้ยอาลู่ก็เป็นคนดี”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวหน้ากล่องธูป หยุดชะงักไปสามวินาที…..คนดี……เธอหัวเราะเบาๆ หว่างคิ้วคลายออกแล้ว“อาลู่ สาวน้อยคนนี้บอกว่าแกเป็นคนดี สมัยนี้ ยังมีคนใช้คำว่า ‘คนดี’มาชื่นชมใครสักคน ก็มีเพียงจาวจาวคนนี้เท่านั้น” ก็มีเพียงจาวจาวเด็กผู้หญิงที่จิตใจไร้เดียงสาบริสุทธิ์เท่านั้น

“เถ้าแก่เนี้ย ฉันพูดอะไรผิดหรือ?เถ้าแก่เนี้ยอาลู่ปกป้องเถ้าแก่เนี้ย เถ้าแก่เนี้ยอาลู่จะต้องเป็นคนดีอยู่แล้ว ”

“ไม่ คุณไม่ผิด ”หญิงสาวจุดธูป เช็ดมือเบาๆ หันหลังมา ใบหน้าอ่อนโยน“คุณพูดถูก จาวจาว ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าชาตินี้ทั้งชาติคุณจะไม่เปลี่ยนไปจากตัวเองในตอนนี้ คุณเป็นแบบนี้ ดีมาก”

เธอพูดได้จริงจังมาก แต่สาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า ฟังด้วยสีหน้างุนงง หญิงสาวครุ่นคิด แล้วส่ายหัว……ช่างมันเถอะ ฟังไม่เข้าใจถึงจะดีที่สุด

หากฟังเข้าใจแล้ว ก็จะกลายเป็นคนที่มีเรื่องเล่า…….ไม่ดีไม่ดี

เธอหยิบซองเอกสารที่เมื่อกี้วางไว้ข้างขึ้นมาอีกครั้ง แล้วส่งให้จาวจาว “จาวจาว ฉันถามคุณนะ คุณชอบ ‘Memory House’ไหม?”

“ชอบค่ะ ”

“ถ้าอย่างนั้นฉันถามคุณอีกนะ ถ้าฉันไม่อยู่ที่Memory Houseนานมาก คุณสามารถจัดการโฮมสเตย์นี้ให้ดีได้ไหม?”

“จัดการเรื่องเช็กอินเช็กเอ้านั้นฉันคล่องอยู่แล้ว ห้องอาหารเล็กมีน้ากุ้ย มีป้าจู้ทำความสะอาดห้องแขก แล้วดอกไม้ใบหญ้าที่สวนก็มีเสี่ยวฟางไปทำอยู่แล้ว ……..ไม่ใช่ซิ เถ้าแก่เนี้ย วันนี้คุณดูแปลกมากเลย”

“จาวจาว คุณฟังให้ดีนะ หลังจากที่ฉันไม่อยู่แล้ว คุณก็เอาซองเอกสารนี้ไปหาทนายฟางเฉิงที่สำนักงานทนายความฮุ่ยเฉิง

ทนายฟางจะช่วยคุณ จัดการเรื่องรับมรดกทั้งหมดภายใต้ชื่อของฉัน รวมทั้งโฮมสเตย์นี้ด้วย ทำการโอนย้ายไปเป็นชื่อของคุณ

แต่ว่าจาวจาว ถ้าหากคุณรับมรดกชุดนี้แล้ว คุณจำเป็นจะต้องช่วยฉันเรื่องหนึ่ง

นั่นก็คืออาลู่ ทุกปีในวันเชงเม้ง วันครบรอบวันตายคุณจะต้องเผากระดาษเงินให้อาลู่ วันชิวอิกวันจับโหงวต้องมาปัดกวาดทำความสะอาด ”

“เถ้าแก่เนี้ย คุณกำลังพูดอะไร! มรดกอะไรกัน?

เถ้าแก่เนี้ย คุณให้มรดกฉันทำไม ทำไมคุณเหมือนสั่งเสียพินัยกรรมกับฉัน!

เถ้าแก่เนี้ย! ใช่คนร้ายคนนั้นในวันนี้ไหม !

เป็นเพราะว่าเขาใช่ไหม!

คนคนนั้นจะทำร้ายเถ้าแก่เนี้ยใช่ไหม!

ฉันไม่เอา!”

“ใจเย็นๆ จาวจาว”เธออยากจะเกลี้ยกล่อมสาวน้อย แต่วันนี้สาวน้อยรั้นเป็นพิเศษ จึงกอดเธอเข้ามา“จาวจาว คุณตื่นเต้นขนาดนี้ ฉันจะบอกเหตุผลกับคุณอย่างไร”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จาวจาวก็หยุดลง“โอเคค่ะ ฉันไม่ตื่นเต้นแล้ว เถ้าแก่เนี้ยคุณพูดเถอะ ทำไม ดีๆอยู่จะต้องสั่งเสียพินัยกรรมด้วย”

“ประการแรก การรับรองพินัยกรรม เป็นเรื่องปกติในประเทศอื่นๆ

คุณดู ฉันไม่มีคนในครอบครัวแล้ว ครอบครัวเดิมไม่ต้องการฉันแล้ว

ในสามปีมานี้ คุณอยู่เคียงข้างฉันตลอดมา ฉันวางใจที่จะเอาพินัยกรรมให้คุณ

ประการที่สอง การรับรองพินัยกรรมไม่ใช่เพราะว่าฉันกำลังจะตาย แต่เป็นเพราะอาจจะ เกิดอุบัติเหตุ ร่างกายของฉันไม่ค่อยดี หากเกิดอายุสั้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้น คุณดูซิฉันไม่มีญาติ มรดกจะให้ใครล่ะ แน่นอนว่าตอนนี้ต้องเขียนพินัยกรรมรับรองไว้ล่วงหน้าก่อนอยู่แล้ว ถูกไหม ?

หรือคุณหวังว่า มรดกของฉันไว้ให้ครอบครัวที่ไม่ต้องการฉันแล้วหรือ ?”

“จริงหรือ?คนต่างประเทศเขาทำอย่างนี้กันจริงๆหรือ?เพียงแต่ป้องกันเท่านั้นหรือ?”

“จริงๆ โกหกคุณ~คุณ~เป็นหมาน้อย”

“ก็ได้”

สาวน้อยทำหน้าบูดบึ้งไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่งอแงแล้ว หญิงสาวลูบหัวจาวจาวพร้อมรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก……….

สาวน้อยคนนี้ช่างหลอกง่ายดีนัก ในอนาคต หวังว่าเธอจะพบชายหนุ่มคนที่เธอรักและรักเธอ มีความสุขไปตลอดชีวิต

……

บนรถที่กำลังวิ่งไปที่โรงพยาบาล เสิ่นซิวจิ่นค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น

“ทำผมตกใจแทบตาย ในที่สุดคุณก็รู้สึกตัวแล้ว”ซีเฉินวางใจลงแล้วพูดว่า “บอกให้ทำเท่าที่ไหว เมื่อมาถึงต้าหลี่แล้ว ก็ไม่ได้พักผ่อนดีๆเลย ในสามปีมานี้ ยิ่งจนหัวหมุนเหมือนลูกข่าง คุณคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กจริงๆหรือ ?”

เสิ่นซิวจิ่นยกมือขึ้นจับไปที่หัวที่พันผ้าก๊อซไว้ นึกอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจ อ้าปากออก น้ำเสียงแหบแห้ง“ถูกเขาทำร้ายหรือ”

ถึงแม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่การแสดงออกของเสิ่นซิวจิ่นนั้นดูมั่นใจ

“จำได้แล้วหรือ?

ดูเหมือนจะทนต่อการถูกจับโยนไม่เบา ฮ่าฮ่า ~ถึงว่าคนที่คุณชื่นชอบจึงมั่นใจว่าคุณแกล้งหมดสติเพื่อขอความเห็นใจ ใช้เล่ห์กล ฮ่า ”

เมื่อได้ยินคำเยาะเย้ยจากซีเฉิน หัวใจของชายหนุ่มเหมือนมีสิ่งของอะไรมาบีบรัด อดทนไว้ไม่รู้ว่าปวดหัวหรือว่าปวดหัวใจ หายใจแรงๆอยู่หลายครั้ง แล้วกล่าวว่า

“ไม่โทษเธอ”

ซีเฉินทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว“นี่ คุณไม่สบายหรือเปล่า!คุณล้มเป็นแบบนี้แล้ว เธอมองดูด้วยสายตาเย็นชาไม่ว่าแล้ว ยังเยาะเย้ยว่าคุณแกล้งหมดสติเพื่อขอความเห็นใจ บอกว่าคุณใช้เล่ห์กลใหม่อีกแล้ว แล้วคุณยังจะบอกว่า ‘ไม่โทษเธอ’หรือ? ผมว่าหัวสมองของคุณจะต้องได้รับกระทบกระเทือนจากการหกล้มจนเสียไปแล้วจริงๆ”

“ผมสบายดี ตอนนี้ผมรู้สึกตัวดีกว่าเวลาไหนๆ

เมื่อก่อนผมทำกับเธอ ใช้วิธีการเล่ห์เหลี่ยมมากไปจริงๆ ตอนนี้เธอไม่เชื่อผม คนอื่นสามารถว่าเธอได้ แต่ผม ไม่มีสิทธิ์ว่าเธอ”

ขณะที่เขาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา ขมจนดีขมก็ออกมาหมดแล้ว“เมื่อก่อนผมไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม คุณดูซิ กรรมตามสนองมาแล้ว”

“คุณ…….”ซีเฉินเกลียดที่เหล็กหลอมให้เป็นเหล็กกล้าไม่ได้ กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า“ได้ แม้ว่าที่คุณพูดมานั้นถูกหมด แต่ก็ควรจะอธิบายให้เธอเข้าใจ ที่คุณล้มลงจนได้รับบาดเจ็บไม่ใช่เพราะแกล้งหมดสติ เป็นเพราะว่าร่างกายคุณเกินจะรับไหว และเพราะไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันไม่ใช่หรือ?”

“คุณบอกพวกนี้กับเธอแล้วหรือ?”เสิ่นซิวจิ่นหน้าซีดอย่างกับไก่ต้ม กัดริมฝีปากมองไปทางซีเฉิน คนข้างหลังอยากจะแหย่เขาอยู่แล้ว“ใช่ ผมบอกไปแล้ว ผมบอกเธอว่าเพราะว่าตามหาเธอ ไม่ได้นอนไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันหลายคืน ในสามปีมานี้กลายเป็นคนบ้างาน สละเวลาออกมาได้ก็ไปตามหาเธอทุกๆที่ ร่างกายพังไปแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถูกคนชั่วลู่หมิงชูผลักทีเดียวก็ล้มลงง่ายขนาดนั้น แล้วยังกระแทกจนหัวได้รับบาดเจ็บ ”

ใบหน้าซีดเซียวแต่เดิมของชายหนุ่ม เวลานี้เยือกเย็นยิ่งขึ้น ซีเฉินเหลือบมองแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธ

“พอแล้ว คุณอย่าทำเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาซิ! ผมไม่ได้พูด!ผมโกหกคุณ”

เปลี่ยนบทสนทนาทันที“หัวสมองของคุณเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บ ผมว่าควรต้องไปโรงพยาบาล”

“ไม่ไปแล้ว ไม่เป็นอะไรมาก กลับรถ ขับกลับไป วันนี้ผมจำเป็นจะต้องพาเธอกลับบ้าน”

เมื่อซีเฉินได้ยินเช่นนั้น จู่ๆก็จริงจังขึ้นมาทันที

อาซิว ในกลุ่มเราหลายคน มีมติเห็นพ้องต้องกันว่า ฟ้าถล่มลงมามีคุณเสิ่นซิวจิ่นแบกไว้ก่อน แต่ตอนนี้คุณล่ะ?พูดตามความเป็นจริง แม้ว่าเจี่ยนถงเธอบริสุทธิ์ รับทุกข์ทรมานไปมากมายขนาดนั้น แม้ว่าคุณจะทำเรื่องผิดอีก แต่ไม่ว่าผมก็ดี หรือยู่สิงก็ดี เราช่วยญาติไม่ช่วยเหตุผล

ระหว่างคุณกับเจี่ยนถง เราจะเลือกคุณโดยตาไม่กะพริบสักนิดเลย

แต่ว่า เพราะว่าคุณรักเจี่ยนถง และรักเธอมากกว่าคุณรักตัวคุณเองอีก ดังนั้น ผมกับยู่สิงเพราะว่าคุณเลือกเธอจึงเลือกเธอด้วย เพราะว่ามิตรภาพอันลึกซึ้งของพี่น้อง เรารักคุณก็รักคนที่คุณรักด้วย

แต่ว่า ถ้าหากวันหนึ่ง เพราะว่าเธอ คุณถูกทำลาย ส่วนเธอยังอยู่ดี คุณลองเดาว่า ยู่สิงก็ดี ผมก็ดี จะปล่อยเธอไปไหม?คุณก็ต้องรู้ว่า ผมกับยู่สิง แล้วก็คุณ เราสามคน ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว ”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเคร่งขรึม“ไปโรงพยาบาล”

……

ที่สนามบินลี่เจียง คุณหญิงเจี่ยนดูโทรมเหี่ยวแห้งไปมาก เพิ่งลงจากเครื่องบิน เมื่อเปิดเครื่องมือถือขึ้น ก็มีสิบกว่าสายไม่ได้รับแล้ว กดเข้าไปในข้อความ เป็นข้อความจากลูกชายของเธอ

คุณหญิงเจี่ยนกวาดตามองไปอย่างคร่าวๆ บนหน้าจอมือถือ ถามเธอคำถามเดียวกันว่า“ถึงหรือยัง พบน้องสาวหรือยัง ?”

คุณหญิงเจี่ยนกำมือถือแน่น ก็ไม่รู้ว่าเพราะอาการป่วยของลูกชายตัวเองหรือว่าเป็นเพราะอย่างอื่น คุณหญิงเจี่ยนที่ใส่ใจบำรุงรักษาตัวเองมาตลอด ขอบตาเริ่มมีตีนกา เปลือกตาที่หย่อนยานบวมหนักมาก เธอหยิบแว่นกันแดดแสนกว่าบาทขึ้นมาสวม แล้วก็กลายเป็นคุณนายครอบครัวมั่งมีที่สง่างามคนนั้นอีกครั้ง แต่ดวงตาใต้แว่นกันแดดนั้น ได้แดงก่ำแล้ว

Devil’s love

Devil’s love

เซี่ยเวยเหมิงเสียชีวิตแล้ว เสิ่นซิวจิ่นส่งตัวเจี่ยนถงเข้าไปในเรือนจำหญิงสามปีในคุก คำพูดของเสิ่นซิวจิ่นที่ว่า“ดูแลเธอให้ดีๆ”ทำให้เจี่ยนถงทรมานและเปลี่ยนไปมาและเปลี่ยนไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่อยู่ในคุกถูก “ยินยอมที่จะบริจาคไตโดยไม่สมัครใจ”ก่อนเข้าคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันไม่ได้ฆ่าเธอ เสิ่นซิวจิ่นไม่แสดงท่าทีอะไรหลังออกจากคุก เจี่ยนถงพูด:ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันอาชญากรรมแล้วเสิ่นซิวจิ่นพูดด้วยสีหน้าซีดขาว:หุบปากไปเลย! อย่าให้ฉันได้ยินประโยคนี้อีก!เจี่ยนถงยิ้ม:จริงๆ ฉันเป็นคนที่ฆ่าเซี่ยเวยเหมิง ฉันติดคุกมาสามปี เจี่ยนถงหลบหนีไป เสิ่นซิวจิ่นตามหาเธอทั่วทุกมุมโลก เสิ่นซิวจิ่นพูด:เจี่ยนถง ฉันยกไตให้คุณ คุณมอบหัวใจให้ฉันเถอะ เจี่ยนถงเงยหน้ามองเสิ่นซิวจิ่น แล้วพูด…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset