คุณแม่มูชี้ไปที่รอยแผลอันน่าเกลียดทั้งสองเส้นพร้อมพูดกับมู่อวี๋เฟยว่า :“อวี๋เฟย ตอนที่คุณแม่คลอดลูกและมู่ซีซีทั้งสองคนนั้นคลอดด้วยการผ่าตัดทั้งคู่ สมัยก่อนเครื่องมือทางการแพทย์ยังไม่พัฒนาเท่าปัจจุบันนี้ แล้วอีกอย่างฐานะทางครอบครัวก็ไม่ค่อยดี ดังนั้นหลังคลอดแล้วก็ยังคงมีรอยบาดแผลหลงเหลือไว้ให้เห็นแบบนี้ แนวเส้นขวางนี้เป็นรอยที่คลอดหนู ส่วนรอยเส้นตั้งนี้เป็นรอยที่คลอดมู่ซีซี แล้วถ้าหากมู่ซีซีไม่ใช่ลูกที่แม่คลอดจริงๆ แล้วมันจะมีรอยแผลเป็นสองเส้นได้เช่นไร จริงไหม ”
ในขณะที่คุณแม่มู่พูดอยู่นั้นก็แสร้งทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา เธอก็แอบชำเลืองมองสีหน้าของมู่อวี๋เฟยอย่างเงียบ ๆ
เมื่อมู่อวี๋เฟยมองดูรอยแผลแสนน่าเกลียดทั้งสองเส้นบนท้องของคุณแม่มู่ เธอก็ขมวดคิ้วของเธอด้วยความสงสัยทันที
รอยแผลเป็นนั้นจะปลอมขึ้นมาไม่ได้จริงๆ มู่อวี๋เฟยอายุแก่กว่ามู่ซีซีห้าปี
เมื่อหวนนึกย้อนไปอดีตมู่อวี๋เฟยยังพอจำได้บ้าง ในขณะนั้นมู่อวี๋เฟยอายุได้ 5 ขวบแล้ว และเริ่มจดจำสิ่งต่าง ๆได้แล้ว
ตอนมู่อวี๋เฟยยังเป็นเด็ก เนื่องจากบริษัทของคุณพ่อมู่และคุณแม่มู่นั้นเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นใหม่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาดูแลเธอสักเท่าไหร่ เธอจึงส่งมู่อวี๋เฟยไปอยู่ในบ้านคุณปู่และคุณย่าของเธอเพื่อให้ท่านช่วยดูแล
ต่อมาเมื่อคุณแม่มู่ตั้งครรภ์ เธอได้กลับไปเยี่ยมมู่อวี๋เฟยอยู่หนึ่งครั้ง เมื่อมู่อวี๋เฟยหวนนึกย้อนกลับไปเธอจำได้ว่าคุณแม่นั้นตั้งท้องอยู่จริงๆด้วย
ในขณะที่มู่อวี๋เฟยคิดอยู่นั้น แววตาที่แสดงออกมาด้วยความดีใจและมีระรื่นอยู่นั้นค่อยๆเศร้าหมองไปทันที เมื่อกี้นี้ดูเหมือนว่าคุณแม่ท่านพูดด้วยความโกรธจริง ๆ และมูซีซีนั้นเป็นน้องสาวแท้ ๆของเธอเองจริง ๆ
จากนั้นเธอก็จะไม่สามารถไปสืบหาชาติตระกูลของมู่ซีซีอีกแล้ว ในขณะที่มู่อวี๋เฟยคิดอยู่นั้นเธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที
อีกด้านหนึ่งคุณแม่มู่ที่ยืนมองดูท่าทางของมู่อวี๋เฟยอยู่ข้างๆ ดูเหมือนเธอจะเชื่อในสิ่งที่คุณแม่มู่พูดไปเมื่อกี้นี้แล้ว คุณแม่มู่ก็รู้สึกโล่งอกมากอย่างบอกไม่ถูก
ในใจของมู่อวี๋เฟยนั้นรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นเธอก็เห็นสีหน้าของคุณแม่นั้นดูโล่งใจอย่างมาก เดิมทีนั้นเธอเชื่อในสิ่งที่คุณแม่พูดมาทั้งหมดแล้ว แต่เวลานี้เมื่อเห็นท่าทางของคุณแม่มู่ที่ดูมีสีหน้าโล่งใจ ในใจของมู่อวี๋เฟยก็เริ่มสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและเหลือบมองแม่ของเธอด้วยความสงสัย และอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามู่ซีซีเป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณแม่จริงๆ คุณแม่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิบัติต่อมู่ซีซีแบบนี้นี่นา
หรืออาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า คุณแม่มู่นั้นได้ปิดบังอะไรเธอไว้จริงๆ?
มู่อวี๋เฟยสังเกตดูท่าทางของคุณแม่มู่ในตอนนี้ เธอทำได้เพียงแอบเก็บความสงสัยไว้ในใจ ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าตัวเองนั้นอยากจะเค้นเอาความจริงกับคุณแม่ของตัวเองมากขนาดไหน แต่เธอก็คงไม่สามารถได้คำตอบอะไรเลย มันจะดีกว่าถ้าเธอค่อยๆสืบหาข้อมูลด้วยตัวเอง!
อีกด้านหนึ่งจี้หลิงชวนและมู่ซีซีกำลังนอนหลับฝันดี
เช้าวันรุ่งขึ้นจี้หลิงชวนได้นอนพักผ่อนเต็มที่ เขาลุกจากเตียงในขณะที่มู่ซีซียังคงหลับใหลอยู่
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนชุดสูทเสร็จแล้ว จี้หลิงชวนก็เดินลงไปชั้นล่างก่อน
ทันทีที่เขาลงไปชั้นล่าง จี้หลิงชวนก็ได้เจอกับป้าหลิงที่กำลังเตรียมทำอาหารเช้าอยู่
ป้าหลิงไม่คาดคิดว่าจี้หลิงชวนนั้นจะตื่นเช้าขนาดนี้ และรีบเดินตรงไปหาจี้หลิงชวนอย่างนอบน้อม พร้อมถามจี้หลิงชวนถามอย่างเคารพ: “คุณชายจี้คะ ขอโทษนะคะ เช้านี้คุณชายจี้กับคุณหนูมู่อยากรับประทานอะไรดีคะ ?”
จี้หลิงชวนไม่ลังเลรีบตอบกลับป้าหลิงโดยเร็วว่า:“เกี๊ยวน้ำก็ดีครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จี้หลิงชวนสั่งแล้ว ป้าหลิงก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองจี้หลิงชวนด้วยความประหลาดใจ ป้าหลิงรับผิดชอบดูแลชีวิตประจำวันของจี้หลิงชวนมาแล้วหลายปี
ป้าหลิงยังรู้ถึงความชอบหลายๆอย่างของจี้หลิงชวนอีกด้วย ที่ผ่านมานั้นส่วนมากอาหารเช้าของจี้หลิงชวนนั้นจะเป็นอาหารประเภทตะวันตก ส่วนคุณหนูมู่นั้นชอบทานอาหารเช้าประเภทอาหารจีน ดูเหมือนว่าตั้งแต่คุณหนูมู่ย้ายมาอยู่ที่นี่ รสนิยมของคุณชายจี้ก็เปลี่ยนไป จากที่ชอบทานอาหารตะวันตกมากๆก็ทานน้อยลง และคุณชายจี้ก็มักจะทานอาหารจีนเหมือนกับคุณหนูมู่ที่ชอบทานอาหารจีนเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตามในความคิดของเจ้านายแล้ว ป้าหลิงไม่กล้าคาดเดาไปมั่ว เธอตอบรับคำสั่งด้วยความนอบน้อม ค่ะ จากนั้นก็รีบกลับไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าต่อ
หลังจากที่จี้หลิงชวนสั่งป้าหลิงเสร็จ เขาก็เดินตรงไปที่หน้าต่างมองออกไปที่ภูมิทัศน์ขนาดใหญ่ เขาเหลือบมองดูทิวทัศน์ด้านนอกอยู่ตรงหน้าต่างกระจก และอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่ชายคนที่นามสกุลแซ่ฉู่กำลังสารภาพรักกับมู่ซีซี
อีกทั้งเขายังให้ฟางเซิ่งตรวจสอบข้อมูลของชายคนที่นามสกุลแซ่ฉู่คนนั้นอีกด้วย เขาหรี่ตาและแววตานั้นเปลี่ยนเป็นแววตาที่ดุร้ายทันที
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกดหมายเลขโทรหาลู่เฉิงฮ่าว
เช้าตรู่ของวันนี้ ลู่เฉิงฮ่าวยังโอบอุ้มสาวงามร่างเล็กหลังจากอาหารค่ำเมื่อคืนนี้ไว้ในอ้อมแขนของเขา จู่ๆโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้น ทำให้ลู่เฉิงฮ่าวที่กำลังนอนฝันดีอยู่นั้นสะดุ้งตื่นทันที
ลู่เฉิงฮ่าวขมวดคิ้วลุกขึ้นจากเตียงด้วยความโมโห เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะข้างๆ ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เขากำลังจะกดตัดสายทิ้ง เขาเหลือบไปเห็นว่าคนที่โทรเขามานั้นคือคุณชายจี้ เมื่อเห็นเช่นนั้นจากที่จะกดสายทิ้งรีบกดรับทันที
จากสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม ก็เปลี่ยนไปไม่สบอารมณ์ คุณชายลู่นั้นเม้มริมฝีปากด้วยอารมณ์เซ็งเล็กน้อย และหมดคำพูดกับคนอย่างจี้หลิงชวนที่เติบโตและสนิทสนมกันมากมาตั้งแต่เด็ก
นี่จี้หลิงชวนเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกล่ะเนี่ย ! ระยะนี้ชอบรบกวนปลุกคนอื่นให้ตื่นจากการนอนหลับฝันดีตั้งแต่เช้าตรู่อยู่เรื่อยเลย!!!
ในใจคิดเช่นนั้น แต่ลู่เฉิงฮ่าวยังคงกดรับสายโดยบ่นพึมพำ และรีบตอบกลับจี้หลิงชวนด้วยความไม่พอใจ: “นี่คุณชายใหญ่จี้*! นี่คุณมีเรื่องอะไรมาอีกแล้วครับ?ถึงต้องโทรมาปลุกผมและรบกวนเวลานอนของผมตั้งแต่เช้าเนี่ย ”
ลู่เฉิงฮ่าวรู้ได้ทันทีว่าจี้หลิงชวนนั้นต้องการทำอะไร และใบหน้าอันหล่อเหลาและแสนเย็นชาไร้ความปราณีของจี้หลิงชวนก็ขมวดคิ้วทันที
จี้หลิงชวนตอบกลับลู่เฉิงฮ่าวโดยตรงทันทีว่า:“ได้ข่าวว่าหลายวันก่อนนายจ่ายเงินสั่งออกแบบรถซูเปอร์คาร์ที่ผลิตขึ้นเองโดยเฉพาะไม่ใช่เหรอ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าคุณลุงลู่จะรู้เรื่องนี้ของนายแล้วหรือยังน๊า?”
ลู่เฉิงฮ่าวนั้นเป็นลูกเศรษฐี และเขาเป็นคนที่คนในเมืองหรงรู้จักกันดี ในชีวิตของเขานั้นนอกจากสาวสวยแล้วก็คือรถซุปเปอร์คาร์นี่แหละ
เมื่อฟังคำขู่ของจี้หลิงชวนแล้ว ลู่เฉิงฮ่าวได้แต่เม้มริมฝีปากและทำหน้าเซ็งๆ รีบพูดอย่างคนพ่ายแพ้ว่า:“ โอเค โอเค ฉันผิดไปแล้ว!เมื่อกี้นี้เป็นเพราะฉันปากพร่อยไปหน่อย ขอให้คุณชายจี้อย่าถือโทษโกรธกันเลยนะครับ และได้โปรดอย่านำเรื่องที่ผมได้สั่งซื้อรถซุปเปอร์คาร์อีกแล้วไปบอกคุณพ่อของผมได้ไหมครับท่านชายจี้ของผม !”
หากคุณพ่อลู่รู้ว่าลู่เฉิงฮ่าวเอาแต่ซื้อรถสปอร์ตงานการไม่ทำอีกแล้วล่ะก็ ลู่เฉิงฮ่าวต้องถูกคุณพ่อลู่อบรมชุดใหญ่เป็นแน่ และเขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนอีกเป็นเวลาหนึ่งเดือน!
แต่จี้หลิงชวนถึงกับเอาเรื่องนี้มาข่มขู่เขาแล้ว แสดงว่าสิ่งที่ตัวเองได้พูดไปเมื่อกี้นี้ต้องแทงใจดำจี้หลิงชวนเข้าแล้วจริงๆ
ลู่เฉิงฮ่าวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากชูเหยาได้หายตัวไปโดยไม่มีเหตุผล จี้หลิงชวนก็กลายเป็นเหมือนแอ่งน้ำนิ่งโดยสิ้นเชิงและเขาก็มีท่าทางที่ไม่สนใจใยดีกับทุกเรื่อง
นานแล้วที่ลู่เฉิงฮ่าวไม่ได้เห็นท่าทางที่จี้หลิงชวนโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
ลู่เฉิงฮ่าวอดไม่ได้ที่จะนึกเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นว่าจี้หลิงชวนได้โทรปลุกเขาแต่เช้าตรู่ และขอให้เขาพาเขาไปที่บาร์
ใครจะไปคาดคิดว่าจี้หลิงชวนต้องการให้ลู่เฉิงฮ่าวพาไปที่บาร์และขอให้เขาจัดหาผู้หญิงที่สะอาดหน่อยมากให้เขาด้วย ลู่เฉิงฮ่าวตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แค่คิดก็ยังขนลุกไม่หาย
รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ – ตอนที่ 122: การรวมตัวของผู้ชายสารเลว
Posted by ? Views, Released on October 20, 2021
, รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ความบ้าเพียงชั่วข้ามคืน เธอสูญเสียร่างกาย เขาสูญเสียหัวใจ เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าพี่เขยของเธอ! เธอวิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก เขากดทุกย่างก้าวไว้ และทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา! จากที่คิดว่าเขารับเธอยิ่งกว่าชีวิต เและคิดว่าการได้พบกับเขาเป็นสิ่งที่โชคดีที่สุดในชีวิตของเธอ ความจริงก็ถูกเปิดเผย ปรากฎว่าตั้งแต่ต้นจนจบเธอกลายเป็นตัวตลกที่น่าสงสารที่สุด! จี้หลิงชวน ฉันหวังว่าฉันจะไม่ต้องพบคุณอีกในชีวิตนี้! —— มู่ซีซี
Recommended Series
Comment
Facebook Comment