รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 618 หลงเย้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

บทที่ 618 หลงเย้นโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“เมื่อคืนทำพิธีเผาศพเมิ่งหมิงหมิงแล้ว!”
“เมิ่งเย่าตงบินไปต่างแดนกะทันหัน ไม่รู้จุดหมายปลายทาง”
“เมิ่งหมิงหมิงถูกเปิดโปงว่าติดโรคเอดส์ระยะสุดท้าย”
“หลงเย้นส่งพัสดุและใบโอนให้กับทางการตำรวจ”
“ภายในห่อพัสดุมีคลิปเสียงสนทนาลับและคำพูดที่เมิ่งหมิงหมิงอัดด้วยตัวเอง ซึ่งยืนยันว่าในสามวันก่อนเกิดเหตุที่เมิ่งหมิงหมิงปะทะกับฉินหลั่ง เขาได้ร่วมมือกับแรงสนับสนุนจากภายนอกเพื่อวางแผนแก้แค้นฉินหลั่ง”
“รายละเอียดในการสนทนากล่าวถึงเมิ่งหมิงหมิงเจตนาใช้ความตายเพื่อเข้าแลก และรายงานโครงการขนาดใหญ่ของเขาเจิ้งหนานหลังจากได้ใส่ร้ายฉินหลั่งแล้ว”
“ในที่สุดทางตำรวจสรุปการตายของเมิ่งหมิงหมิงคือกระโดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย”
“ข้อกล่าวหาว่าฉินหลั่งฆ่าคนต่อหน้าสาธารณะกำนันถือว่าไม่เป็นความจริง”
ในวันรุ่งขึ้นที่หลงเย้นออกจากสวนดอกไม้ตระกูลเมิ่ง ข่าวแต่ละเรื่องก็ถูกรายงานประกาศให้รับรู้กันโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง
หลงเย้นยืนอยู่ตรงหน้าต่างบานกระจกบนตึกสูงสามสิบชั้น มองจากที่สูงเห็นเมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนยี่สิบล้านคน
หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
แน่นอนเรื่องนี้ไม่ใช่เธอเป็นคนคิดขึ้นมาเอง และทำสำเร็จได้เอง แต่เป็นเพราะมีพลังอันลี้ลับที่อยู่เบื้องหลังคอยช่วยแนะนำให้เธอเดินตามไปทีละก้าวๆ
พลังอันลี้ลับนี้มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาลมาก ถึงขั้นที่สามารถบีบให้เมิ่งเย่าตงหนีออกไปยังต่างแดนได้
ตอนนี้ เธอในชุดอาชีพปฏิบัติงาน ความอรชรอ้อนแอ้นก็แลดูน้อยลง แต่เพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น
“หลงเย้นทำให้ฉันรู้สึกคาดคิดไม่ถึง”
“รวบรวมข้อมูลด้านมืดของเมิ่งเยาตง ใช้ข้อมูลด้านมืดนั้นแลกกับหลักฐานในมือของเขา แล้วใช้หลักฐานที่ได้ช่วยลบล้างความผิดให้กับฉินหลัง…”
“วิสัยทัศน์เช่นนี้ ด้วยวิธีการแบบนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ฉันปรามาสเธอไปหน่อย”
“ฉันยังคิดว่าเธอยังคงเป็นหลงเย้นที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ ไม่คิดว่านี้แค่ผ่านไปไม่กี่เดือน เธอก็เติบโตขึ้นจนฉันต้องเปลี่ยนมุมมองเธอใหม่แล้ว”
“แต่น่าเสียดาย ปล่อยให้เมิ่งเย่าตงพวกเขาหนีไปได้”
“ไม่หรอก นี่อาจเป็นข้อตกลงระหว่างพวกเขาก็ได้”
คำวิจารณ์ต่างต่างนานาของผู้คน แต่สีหน้าของหยางจ้างกั๋วกลับดูเคร่งขรึม
เดิมทีเขาก็ไม่เคยคิดว่าหลงเย้นจะเป็นหญิงสาวที่ใสซื่อ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าเป็นความประมาทของตัวเอง
ตอนนี้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ หลงเย้นก็ถามอีกว่า “เออใช่แล้ว จับเสี้ยงเฟยสงได้ยังคะ?”
“ตามที่ฉันคิดนะ เขาและเมิ่งเย่าตงต่างเป็นลูกน้องของมือมืดที่อยู่เบื้องหลังเหมือนกัน…….”
ถึงแม้ว่าตระกูลเสี้ยงก็เป็นตระกูลโด่งดังในเมืองเย็นจีนก็ตาม หลังจากที่ถูกฉินหลั่งทำร้ายจนขาหัก ลูกน้องก็ถูกฉินหลั่งฆ่าตาย แต่หลงเย้นกลับรู้สึกว่าตระกูลเสี้ยงไม่มีความคิดที่ละเอียดล้ำลึกพอ ไม่มีกำลังมากพอ ยิ่งกว่านั้นคือไม่มีความกล้าพอ
เพราะว่าตระกูลเสี้ยงได้ผ่านการประลองกันหลายครั้ง ก็คงรู้ว่าความสามารถของฉินหลั่งก็ไม่ใช่ฝีมือเด็กอ่อนอย่างที่พวกเขาคิดแล้ว
“ยังเลย เสี้ยงเฟยสงดูเหมือนรู้ตัวแล้ว หนีหลบไปกบดานตั้งแต่แรกเลย”
ลูกน้องส่ายหัว “มีคนบอกว่าเขาหนีไปเมืองก่าง แต่ก็มีคนบอกว่า เขาไปอยู่เขาเจิ้งหนาน”
“เวรตะไลนี่ หนีไปไวเหลือเกิน”
หลงเย้นหันกลับมา “ให้คนไปติดตามความเคลื่อนไหวของเขาด้วยนะ ไหนๆก็เป็นพวกหลบหนีคดีแล้ว ถ้าโผล่หัวมาเมื่อไหร่รีบรายงานแจ้งฉันด้วย”
“เข้าใจครับ!”
“ดีล่ะ” พูดถึงตรงนี้ หลงเย้นก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที “ฉินหลั่งตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? เมื่อไหร่จะปล่อยตัวของเขาล่ะ?”
“ยังเลย!”
ลูกน้องส่ายหัว “หอการแพทย์ของร้านหุยชุน ไปประกันตัวฉินหลั่งอีกครั้งแล้ว แต่ส้งฉางเว่ยกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเลเลย”
“เขาบอกว่าถึงแม้ข้อกล่าวหาฆ่าคนถูกยกเลิกไปแล้วก็จริง แต่เขาก็ทำร้ายคนจำนวนไม่น้อย ส่งผลไปในทางที่เลวร้าย หากคดียังไม่สิ้นสุดก็ห้ามประกันตัว”
หลงเย้นหรี่ตามองออกไปยังสิ่งก่อสร้างที่อยู่นอกหน้าต่าง
“รอให้คดีปิดก่อน แล้วขั้นตอนการทำงานที่ช้าอย่างกับเต่าคลาน เกรงว่าวันตรุษจีนนี้ฉินหลั่งก็ยังไม่ได้ออกมา”
“ส้งฉางเว่ยไม่ได้ขึ้นอยู่กับขบวนการกฎหมาย แต่มีอิทธิพลมากขนาดนี้ และยังชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอีก คนแบบนี้ ความจริงก็เป็นคนตรงดี เพียงแต่แค่ดื้อรั้นไปหน่อย”
“รองผู้กำกับส้งอะไรก็ดี เสียแต่ว่าวางตัวสูงส่งเกินไป เห็นแก่หน้าตารูปลักษณ์ตัวเองมากเกินไป มักจะทำดีกับคนอื่นมากกว่าพวกพ้องและครอบครัวตัวเอง”
“หากเปลี่ยนกลับไปเป็นว่าฉินหลั่งกับส้งฉางซิงไม่มีความสัมพันธ์ใดแล้วละก็ คาดว่าเขาคงอนุมัติให้ประกันตัวฉินหลั่งไปนานแล้ว”
“พูดยังไงดีล่ะ คราวนี้พวกเรากำจัดเมิ่งเย่าตงออกไปแล้ว ความจริงก็เป็นการช่วยเหลือเขาส้งฉางเว่ยอีกแรงหนึ่ง แต่คิดว่าเขาคงจะไม่ยอมรับความหวังดีนี้แน่”
เธอจิบกาแฟไปหนึ่งคำ “ก่อนที่ฉินหลั่งยังไม่ลบล้างความผิดนั้น อยู่ข้างในคุกก็เป็นการทดสอบเขาอย่างหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังจะต้องอยู่ที่นั่นอีก มันก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่าโดยใช่เหตุ”
ลูกน้องถามด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ความหมายของผู้จัดการหลงคืออะไรหรือ?”
หลงเย้นนั่งพิงโซฟาเช่นเดิม ไม่พูดจาอะไร แต่ว่าดวงตาที่แสนแพรวพราวนั้น กลับเปลี่ยนเป็นลึกล้ำขึ้นมาทันที
หลังจากที่ลูกน้องได้ฟังการพูดคุยด้วยวาจาอันฮึกเหิม ก็รู้สึกเหงื่อแตกพลั่ก นึกไม่ถึงว่าหลงเย้นจะมีมุมมองความคิดและจิตใจที่ลึกล้ำเพียงนี้ ไม่กี่วันก่อนผู้จัดการหลงยังเป็นนกน้อยที่พึ่งหัดหากิน แต่นี่เป็นอะไรไปแล้วล่ะ?
แต่เขาไม่รู้หรอกว่า หลงเย้นเพียงแต่กำลังทบทวนสิ่งที่พลังลี้ลับที่คอยชี้นำเธอเท่านั้นเอง
เธอก็ยังคงเป็นหลงเย้นคนเดิม เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอแสดงเป็นตัวที่ไม่ใช่ตัวของเธอเองเท่านั้น
ก็เป็นเวลายามบ่ายของวันนั้น หลังจากเสร็จการประชุมมาหลายครั้ง ส้งฉางเว่ยก็หนีบแว่นตาไว้เดินเข้าไปในห้องทำงาน
เขาเพิ่งยกน้ำพุทราเก๋ากี้มาดื่มไปได้สองสามคำ ก็เห็นมีคนผลักประตูเข้ามา ส้งฉางซิงก้าวเท้าเข้ามาอย่างฉับไว
“แกมาทำอะไร?”
“มาช่วยขอร้องเรื่องฉินหลั่งเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้!”
ส้งฉางเว่ยแทบจะไม่ให้โอกาสส้งฉางซิงได้อ้าปากพูดเลย สั่งสอนอย่างไม่ไว้ใจ “เรื่องนี้มีสายตาจับจ้องเราอยู่มากมาย แกอย่าได้ทำผิดขั้นตอนเชียว”
“ในฐานะฉันเป็นพี่ชาย อีกทั้งไม่เพียงแต่เป็นพี่ชายแก ยังเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานคนหนึ่ง จะต้องคอยควบคุมกำกับแก! อย่าคิดว่าตัวเองแน่สามารถปกปิดทุกอย่างได้!”
เขาชี้ไปยังประตูห้อง “ออกไป”
“ปัญหาคือตอนนี้มีหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ของฉินหลั่งแล้ว พวกมือปืนที่บาดเจ็บพวกเขาก็ยอมถอนฟ้องเองแล้ว”
มองดูพี่ชายท่าทีดื้อรั้นไม่ยอมฟังอะไรเลย ส้งฉางซิงอดไม่ได้ที่จะตอบไปว่า “ว่าไปแล้ว พวกมือปืนตระกูลเมิ่งต่างมีมีดมีปืนรุมล้อมฉินหลั่งไว้ หากฉินหลั่งจะตอบโต้ก็เป็นเพียงการป้องกันตัวตามปกติเท่านั้น”
“ก็เพราะพี่เห็นว่าเขากับผมสนิทกัน ก็เลยจองจำเขาอย่างไม่มีเหตุผล แล้วนี่มันนับว่าเป็นขั้นตอนแบบไหนกันล่ะ?”
“พี่ก็เพียงแค่เป็นห่วงชื่อเสียงตัวเองถูกทำลายใช่หรือเปล่า?”
เป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาเช่นนี้กับพี่ชาย “ตัวเองทำตัวสูงส่ง โดยตั้งอยู่บนการเสียสิทธิตามกฎหมายของคนอื่น พี่ยังจะมีหน้ามา……”
“บังอาจ ฉางซิง แกกำลังแสดงกิริยาอะไรออกมาเนียะ?”
“ในแง่ส่วนรวม แกไม่มีสิทธิที่จะพูดแบบนี้กับฉัน”
“ในแง่ส่วนตัว ฉันเป็นพี่ชายแก เพื่อคนนอกคนหนึ่งกล้ามาท้าทายฉัน แกบ้าไปแล้วเหรอ?”
ส้งฉางเว่ยได้ยินแล้วสีหน้าเคร่งขรึม ตบโต๊ะเสียงดังแล้วพูดตะคอกใส่หน้าส้งฉางซิง “ฉันขอพูดอีกครั้ง หากเรื่องราวยังไม่ยุติ ฉินหลั่งก็ต้องอยู่ข้างในแต่โดยดี ไม่มีใครจะปกป้องได้ทั้งนั้น……”
“ปัง….”
พูดยังไม่ทันจบคำ ชายหนุ่มหัวเกรียนคนหนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา เขาตะโกนพูดกับส้งฉางเว่ยด้วยท่าทางตกใจว่า “คุณส้งครับ คุณส้งครับ แย่แล้ว ลูกสาวท่าน ส้งหุ้ยเฉียวขี่ม้าที่สนามแข่ง ม้าตื่นตกใจอย่างกะทันหัน”
“เธอตกลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ในสภาวะฉุกเฉิน……”
ส้งฉางเว่ยตกใจสุดขีด รีบมุ่งตรงไปยังที่จุดเกิดเหตุพร้อมด้วยส้งฉางซิง
ระหว่างการเดินทางนั้น ส้งฉางเว่ยก็รีบรับฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อบ่ายวันนี้ ส้งหุ้ยเฉียวเห็นว่าอากาศเย็นสบายดี ก็เลยชวนเพื่อนสาวคนสนิทไปขี่ม้าที่สนามแข่งม้าเย็นจีน เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งยังเป็นการฝึกซ้อมในการยกระดับเพื่อที่จะเข้าแข่งขันระดับนานาชาติในอนาคต
หญิงสาวทั้งหมดก็ได้ขี่ม้าอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นยังทำการแข่งขันได้รางวัลชนะถึง 3 รอบ แต่ว่าระหว่างที่กำลังขี่ม้ากลับคอกม้านั้น ม้าพันธุ์แท้ที่ส้งหุ้ยเฉียวขี่นั้น เกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นมากะทันหัน
ตอนแรกก็กระโดดดีดขาขึ้นลง ต่อมาก็วิ่งอย่างบ้าคลั่งไปอีกหลายสิบเมตร แล้วก็ยังเบรกกะทันหันขึ้นมา
ส้งหุ้ยเฉียวจึงตกกระเด็นลงจากหลังม้า แล้วยังถูกม้าเหยียบนหน้าอกซ้ำอีกหนึ่งครั้ง นอนสลบเมือกทันที
หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าหลงเย้นผ่านมาทันเห็นพอดีจึงลั่นไกลปืนยิงม้าตัวนั้นล้มลงตายทันที ไม่เช่นนั้นแล้ว ส้งหุ้ยเฉียวจะต้องถูกม้าวิ่งลากไปอีกหลายร้อยเมตร แล้วถูกม้าเหยียบกระทืบตายอย่างแน่นอน
หลังจากที่ฟังการรายงานเหตุการณ์ของส้งฉางซิงแล้ว ส้งฉางเว่ยก็ไม่พูดอะไร แต่ว่าสีหน้ายิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น แววตาก็เต็มไปด้วยความกังวลอย่างยิ่ง
ในใจเขารู้ดีว่า คนที่ตกลงมาจากหลังม้า บาดเจ็บอย่างน้อยก็ต้องมีอาการสาหัส…..
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ส้งฉางเว่ยกและซงฉางซิงก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน ส้งหุ้ยเฉียวก็ได้รับการปฐมพยาบาลแล้วเข้าไปอยู่ในห้องไอซียู
ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่พยาบาล ส้งฉางเว่ยสองคนพี่น้องได้มารออยู่นอกห้องผู้ป่วย สังเกตอาการของส้งหุ้ยเฉียวผ่านห้องกระจก
หญิงสาวหน้าตาสะสวย นอนสลบอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนร่างกายติดเต็มไปด้วยแผ่นวัดคลื่นหัวใจไฟฟ้าสิบกว่าแผ่น ในปากก็ถูกครอบด้วยสายออกซิเจน สีหน้าซีดเซียว อ่อนแอราวกับว่าได้ผ่านการแช่เย็นมาแล้ว

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset