รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 619 พี่น้องแตกแยก

บทที่ 619 พี่น้องแตกแยก
ถึงแม้ว่าดวงตาของส้งหุ้ยเฉียวยังคงหลับอยู่ แต่สีหน้าที่ปรากฏให้เห็นนั้น ยังคงแสดงออกให้เห็นถึงความหวาดกลัวของเธอขณะที่กำลังตกลงจากหลังม้า
ในใจของส้งฉางเว่ยว้าวุ่นมาก
“ตึงตึงตีง…..”
ส้งฉางซิงพวกเขาเพิ่งจะมองดูได้ไม่เท่าไร ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเจ็ดแปดท่านก็เดินเข้ามาหาอย่างว่องไว
คนที่เดินนำหน้าเป็นหญิงสาวท่าทางเย็นชา รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสะสวย ใส่แว่นตาขอบทอง สง่างามและมีเสน่ห์
ภายในชุดเสื้อกราวหมอสีขาวก็เผยให้เห็นถุงน้องยาวเป็นบางครั้งบางคราว ทำให้ความเยือกเย็นของเธอแฝงด้วยความเร้าใจอยู่ภายใน
อย่างไรก็ตาม นี่คือหญิงสาวในชุดเครื่องแบบทรงเสน่ห์ที่มีความเป็นธรรมชาติในตัวเอง
หญิงสาวก็คือผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน ซูเวย
ซูเวยอายุเพียงสามสิบกว่า แต่ก็สามารถปกครองโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนได้ แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
โรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเย็นจีน ลูกสาวของส้งฉางเว่ยยังมารักษาตัวที่นี่ แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพ และระดับมาตรฐานของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสูงเพียงใด
เธอยื่นมือออกไปเพื่อทักทายส้งฉางเว่ย “ผู้กำกับส้ง คุณส้ง พวกท่านมาแล้วเหรอคะ”
ส่วนคนอื่นก็ได้ทยอยทักทายส้งฉางเว่ยและส้งฉางซิง
“ผอ.ซู สภาพการณ์เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
ส้งฉางเว่ยก็ไม่พูดจาพิธีรีตองอะไรกับทุกคน สีหน้ารีบร้อนมองไปยังซูเวย “หุ้ยเฉียวมีอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่าครับ?”
ส้งฉางซิงก็พูดเสริมว่า “มีอะไรต้องการเพิ่มเติมก็บอกมาได้เต็มที่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ต้องรักษาคนป่วยให้ดีขึ้นมา”
“ไม่สู้จะดีนัก”
ใบหน้าสะสวยของซูเวยแสดงถึงความหนักใจ และพูดกับสองพี่น้องตระกูลส้งอย่างไม่ปกปิด “ถึงแม้จะผ่าตัดห้ามเลือดแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย…..”
“ยังไม่ถึง 48 ชั่วโมง ยังเป็นเวลาที่อยู่ระหว่างความเป็นความตาย”
สีหน้าเธอลังเลเล็กน้อยและพูดเสริมขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดงถึงไร้ความสามารถของโรงพยาบาลก็ตาม แต่เรื่องมันเกี่ยวข้องกับบุตรสาวของส้งฉางเว่ย ถึงซูเวยจะมีความสัมพันธ์ที่ดีก็ไม่กล้าที่จะปกปิดความจริง
หากว่ามันเกิดเป็นเรื่องขึ้นมา หรือว่าไปให้ความหวังเขาไว้แต่ก็กลับไปทำให้เขาผิดหวัง เธอและโรงพยาบาลก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่
“อะไรนะ?”
“สถานการณ์รุนแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?”
ส้งฉางเว่ยหน้าซีดขึ้นมาทันที ยังไม่ทันรอให้ซูเวยพูดจบก็พูดขัดขึ้นมาด้วยความโมโห “แล้วพวกคุณทำไมยังไม่รีบไปรักษาเล่า?”
“แต่ละคนยืนทื่ออยู่ที่นี่ทำไมกัน?”
“พวกคุณก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของเย็นจีน ในแต่ละปีคุณได้รับการสนับสนุนงบประมาณเท่าไหร่คุณน่าจะรู้ดีแก่ใจ ตอนนี้แม้กระทั่งลูกสาวฉันตกม้าบาดเจ็บก็ยังจัดการอะไรกันไม่ได้เลยหรือ?”
“พวกคุณทำอะไรกินเป็นมั่ง?”
ถึงแม้ว่าตามปกติทำงานยุ่งมากไม่มีเวลาว่างดูแลสั่งสอนลูกสาว ความผูกพันระหว่างพ่อลูกคู่นี้ก็อาจห่างเหินไปบ้าง แต่เขาก็มีบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงก็ไม่ยอมมองดูเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นโดยเด็ดขาด
“พบบาดแผลในร่างกายเธอที่เกิดจากการกระแทก10 กว่าแห่ง อวัยวะภายในทั้งหมดได้รับบาดเจ็บ เลือดตกใน กระดูกแขนซ้ายหัก สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก”
เมื่อเห็นส้งฉางเว่ยโกรธจัด หนังตาซูเวยกระตุกขึ้นรีบอธิบายกับส้งฉางเว่ย “แต่ว่าบาดแผลที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ กระดูกเอ็นถูกเหยียบแตกไป 3 แท่ง มีหนึ่งแท่งที่ปักทะลุเข้าตรงทรวงอก เสียบเข้าไปในตำแหน่งเส้นเลือดหลักของปอดพอดี
“หากเกิดผิดพลาดในระหว่างการดึงออกมา ก็จะทำให้ เลือดไหลไม่หยุดจนเสียชีวิตได้”
“ดังนั้นพวกเราตอนนี้ทำได้เพียงแต่ประคองอาการบาดเจ็บไม่ให้แย่ลง ยังไม่มีวิธีที่จะทำให้เธอพ้นขีดอันตรายได้อย่างราบรื่น….”
เธอปลอบใจอีกว่า “แต่ว่าผู้กำกับส้งโปรดวางใจค่ะ พวกเรากำลังรวบรวมผู้เชี่ยวชาญทุกสาขามาประชุมร่วมกันเพื่อหาทางช่วยเหลือ จะต้องทำให้คุณหนูส้งอยู่รอดปลอดภัยให้ได้”
ผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลอีกแห่งก็ชอบพูดเสริมขึ้นมาว่า “อย่างช้าในคืนนี้เวลาสองทุ่ม พวกเราก็จะสรุปแผนการรักษาได้”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระกับฉัน”
ส้งฉางเว่ยแสดงความแข็งก้าวเหมือนช่วงเวลาปกติ “ผลสรุป ผลสรุป ฉันต้องการแต่ผลสรุป ไม่ว่าพวกคุณจะทำยังไง หุ้ยเฉียวจะต้องฟื้นขึ้นมาให้ได้”
“หากแม้นเกิดเรื่องอะไรกับเธอละก็ งั้นพวกคุณก็ต้องมีเรื่องแน่นอนเช่นกัน”
“โรงพยาบาลใหญ่โตขนาดนี้ ผู้เชี่ยวชาญก็มีมากเช่นนี้ แค่คนตกม้าบาดเจ็บคนเดียวก็ช่วยไม่ได้ ยังจะมีความหมายอะไรที่จะคงอยู่ต่อไปอีกล่ะ?”
โดยปกติแล้วเขาก็เป็นคนที่มักไม่ชอบพูดเล่น ยิ่งเวลาโมโหก็ยิ่งดูน่ากลัว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกเกิดแรงกดดันขึ้นทำให้หายใจไม่ทั่วท้อง พยาบาลสาวบางคนยืนสั่นด้วยความตกใจ
ไม่มีใครสงสัยคำพูดของส้งฉางเว่ย หากเขาออกคำสั่งแล้ว จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลส้งหุ้ยเฉียวในโรงพยาบาลจะต้อง ได้รับความโชคร้ายอย่างแน่นอน
“ท่านผู้กำกับคะ ฉันรู้ว่าคุณโกรธมาก พวกเราก็หวังที่จะให้คุณหนูส้งแคล้วคลาดปลอดภัย”
ซูเวยอธิบายด้วยอาการหายใจติดขัด “แต่ว่าอาการของคนป่วยซับซ้อนมากจริงจริงค่ะ ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่กล้าที่จะทำการผ่าตัด”
“กรุณาให้เวลาพวกเราอีกหน่อยนะคะ”
เธอกัดริมฝีปากเบาๆ “รับรองว่าพวกเราจะต้องทำสุดความสามารถเลยค่ะ”
ส้งฉางเวยไม่คล้อยตาม “คำพูดที่ว่าซับซ้อน ไม่กล้าลงมือ ก็เพราะว่าพวกคุณไร้ความสามารถ ในแต่ละปีต้องใช้งบประมาณมากมาย นำเข้าได้แต่พวกเศษขยะมาทั้งนั้น”
ซูเวยพร้อมกับพวกมีทีท่าเคอะเขิน แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้แต่อย่างใด
ส้งฉางซินลากส้งฉางเวยไว้ “พี่ใหญ่ ผอ.ซูพวกเขาก็ต้องทำเต็มที่อยู่แล้ว พี่ไปนั่งรอที่ห้องพักผ่อนดีกว่านะ”
ส้งฉางเวยถอนหายใจเฮือก มองดูสีหน้าซีดเซียวของบุตรสาว จากนั้นระงับอารมณ์โกรธลงแล้วเดินไปรอที่ห้องพักผ่อน
“แล้วพี่สะใภ้แกอยู่ไหน?”
นั่งรออยู่ที่ห้องพักผ่อน ส้งฉางเวยก็เงยหน้าถามขึ้น “เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น?”
“เธอไปร่วมงานประมูลที่เมืองก่าง เมื่อสักครู่ผมได้แจ้งเธอไปแล้ว เธอกำลังรีบมาครับ”
ส้งฉางซิงตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “แต่ว่าต้องใช้เวลา3ชั่วโมงจึงจะมาถึงครับ”
“เมืองก่างเหรอ?”
“ไปร่วมงานประมูลเหรอ?”
“ไม่รู้ไปทำเรื่องอะไรไร้สาระทั้งวัน ไม่เคยดูแลลูกสาวให้ดีดีเลย”
ส้งฉางเวยรู้สึกโกรธจัดมาก “หุ้ยเฉียวเกิดเรื่องครั้งนี้ ฉันจะต้องไล่ตะเพิดหล่อนให้พ้นไปจากบ้านให้ได้”
เขาเป็นคนที่ไร้ความปรานี อีกทั้งยังเป็นคนที่รักษาหน้าตารูปลักษณ์ของตัวเองเป็นที่สุด
ภรรยาของเขาหยูสู้ฉิน มีกิจกรรมไปในทางไม่เหมาะสมมากมาย เขาก็ไม่เคยชอบใจนัก เพียงแต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ที่ดูดี จึงไม่สนใจที่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วย
ตอนนี้บุตรสาวตกม้าได้รับบาดเจ็บ ผู้เป็นแม่กลับไปสนุกสนานอยู่ข้างนอก ส้งฉางเวยจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง
ส้งฉางซิงรินน้ำแก้วหนึ่งให้กับพี่ชาย “พี่ใหญ่ครับ เรื่องของพี่สะใภ้เอาไว้ค่อยพูดกันวันหลัง ตอนนี้ที่สำคัญคือ อาการบาดเจ็บของหุ้ยเฉียว”
“ดูจากความคิดเห็นของพวก ผอ.ซูแล้ว สถานการณ์ของหุ้ยเฉียวต้องรุนแรงและซับซ้อนมากแน่ ไม่อย่างนั้น ด้วยนิสัยของ ผอ.ซูแล้ว จะต้องรีบแอ่นอกรับประกันกับพี่แต่แรกแล้วล่ะ”
“ดูลักษณะตอนนี้แล้ว บอกได้เพียงว่าอาการของหุ้ยเฉียว ไม่ดีอย่างมากเลย”
ส้งฉางซิงเตือนสติว่า “หมอผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนไม่สามารถรักษาได้ ส่วนที่กำลังจะมาสมทบนั้น เกรงว่าก็คงจะ รักษาไม่ได้เช่นกัน”
ส้งฉางเวยสุ้มเสียงต่ำลง “แกกำลังคิดจะพูดอะไรกันแน่?”
“ความหมายของผมก็คือ อยากจะให้ฉินหลั่งเข้ามาช่วยดูหน่อย”
ส้งฉางซิงก็ไม่ปกปิดความคิดเห็นของตัวเอง “เท่าที่ผมรู้มา เขาเป็นนายแพทย์รักษามือหนึ่ง ดาวดวงเด่นดวงหนึ่งที่กำลังพุ่งแรง
โรคแปลกประหลาดที่รักษายากมากมาย เขาก็สามารถรักษาให้หายได้”
“คุณหนูตระกูลเหลียนในเมืองเจียง อาการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นวาระสุดท้าย ก็เป็นฝีมือของฉินหลั่งที่ช่วยรักษาให้หายได้”
“ท่านหมอเทพสวี่พี่ก็รู้จัก ก็เพราะแข่งขันประลองฝีมือการรักษากับฉินหลั่ง ผลสุดท้ายแพ้ให้กับฉินหลั่งจนต้องยกร้านยาปุ่นฉ่าวที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงไปให้กับฉินหลั่ง”
“ฉินหลั่งคนนี้ ฝีมือการรักษาโรคไม่ธรรมดา หากให้เขามาช่วยรักษาหุ้ยเฉียว แล้ว อาการของหุ้ยเฉียวก็จะแคล้วคลาดปลอดภัยแน่”
เมื่อเทียบกับพี่ชายตัวเองแล้ว ส้งฉางซิงให้ความมั่นใจกับฉินหลั่งอย่างเต็มที่ หวังว่าพี่ชายจะให้โอกาสฉินหลั่งสักครั้งหนึ่ง
“เพื่อให้ฉินหลั่งได้ออกมา คำพูดพวกนี้แกก็กล้าพูดออกมาได้เหรอ?”
“แกถูกเขาล้างสมองถึงขั้นไหนกันแน่?”
“หากหมอเทวดาฮัวโต๋ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังไม่กล้ารับประกันอย่างนี้เลย”
ส้งฉางเวยมองดูน้องชายอย่างไม่พอใจ “ฉันบอกแกเลยนะ ไม่ได้เด็ดขาด!”
“ฉันก็ไม่เชื่อหรอก ผู้เชี่ยวชาญและคนเด่นคนดังทั้งเมืองเย็นจีนรวมกันแล้วจะสู้ฉินหลั่งคนเดียวไม่ได้”
“ฉันเป็นถึงผู้กำกับในกรมการแพทย์ ยังจะต้องไปสถานีตำรวจเพื่อขอร้องให้นักโทษคนหนึ่งอีกเหรอ?”
“ถึงแม้ว่าฉินหลังจะมี ฝีมือการรักษาโรคที่ดีจริง แต่ฉันก็ยิ่งเชื่อใจการร่วมมือในการระดมความคิดของเหล่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเย็นจีนมากกว่า”
“ผอ.ซูพวกเขาจะต้องช่วยให้หุ้ยเฉียวผ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่นอน”
“ต่อให้พวกเขาไม่สามารถทำได้ ฉันก็ยังมีคนในมือที่สามารถเอามาใช้ได้อีก”
เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรศัพท์ “ฉันจะเชิญใครมาช่วยเหลือก็ได้ แต่จะไม่ยอมเชิญฉินหลั่งเด็ดขาด!”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset