รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 361 ซ่งอวี่มาเยี่ยม

บทที่ 361 ซ่งอวี่มาเยี่ยม
ในบ้านที่มีขนาดใหญ่ของตระกูลจง มีทหารยามมากมายที่คอยปกป้องและให้การแจ้งเตือนที่ดีต่อพวกเขา
ในวิลล่าที่อุทิศให้กับจงจิ่วเจินโดยเฉพาะ ภายในห้องโถงที่กว้างใหญ่ก็ได้มีบทสนทนาที่ลึกลับของทั้งสี่เริ่มขึ้น
“ฉินหลั่ง มีข่าวสารอะไรบ้างมั้ย?”จงจิ่วเจินถาม
“โอ้ว ผมลืมไปเลย ท่านจงครับท่านสั่งคนไปตึกตรงข้ามอาคารจงซื่อหน่อยสิครับ ตรงชั้นบนสุดของที่นั่นผมมัดคนไว้คนหนึ่ง คาดว่าน่าจะยังไม่ตาย พาเขามาที่นี้เถอะ”เมื่อกี้ฉินหลั่งยุ่งๆและเร่งรีบอยู่ ตอนนี้จึงจะเพิ่งนึกถึงสไนเปอร์คนเมื่อกี้ที่หัวเราะไม่หยุดขึ้นมาได้
ฉินหลั่งกะว่าจะสอบถามข้อมูลเพิ่มจากสไนเปอร์อีก
จงเส่นซานรีบโทรศัพท์ไปหาทางนั้น หลังจากสิบนาทีผ่านไป ทางอาคารจงซื่อนั้นได้โทรสายกลับมา บอกว่าคนที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกได้หายไปแล้ว เหลือเพียงร่องรอยของเลือด
“หายไปแล้ว?”ฉินหลั่งคิดแล้วคิดอีก:“งั้นก็แสดงว่าน่าจะโดนช่วยไปแล้วแหละ นั่นก็หมายความว่านักฆ่ามาเป็นทีม ความอันตรายของเราไม่ได้ลดลงเลย พวกเขายังคงดักพวกเราไว้อยู่”
ในใจของฉินหลั่งก็ไม่ได้สนใจอะไรขนาดนั้น แม้ว่าจะช่วยไปแล้ว สไนเปอร์คนนั้นก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ เขาจะหัวเราะจนตายไปในที่สุด
ณ ตอนนี้จงเส่นซานก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลจนพูดแทรกเข้าไปว่า:“งั้นพวกเราก็ต้องนั่งรอตายแบบนี้เหรอ พวกเขาอยู่ในที่ลับส่วนเราอยู่ตรงที่กระจ่าง มันยากที่จะป้องกันตัวน่ะ”
อีกอย่างแม้ว่าจะสามารถจัดการนักฆ่าได้ทุกครั้ง แต่ว่านี่ก็เป็นผลกระทบที่สาหัสต่อธุรกิจของบ้านตระกูลจงเหมือนกัน ถ้าข่าวหลุดออกไปต่อจากนี้จะมีใครกล้ามาร่วมธุรกิจด้วยอีกล่ะ?
“คุณตา คุณตาก็อยู่แต่ที่บ้านนะ อย่าออกไปไหนเลย?ฉันเป็นห่วงตามาก”จงยู่กังวลใจ เธอก็มีเพียงญาติสนิทอยู่คนเดียว เธอจะปล่อยให้คุณปู่ตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร
“ฮ่าฮ่า ตายเกิดก็อยู่ที่โชคชะตา ตาปลงไปนานแล้ว”จงจิ่วเจินหัวเราะอย่างธรรมชาติ ไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“อืม ก็ยากจริงๆแหละ”ในแววตาของฉินหลั่งก็มีความลังเลอยู่เช่นกัน เขาไม่ได้อะไรกับตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่แค่คนรัก ญาติๆ เพื่อน……ตนก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างได้ตลอด
“พี่ฉิน เท่าที่ฉันคิด ตามหาบ้านตระกูลซ่งให้เจอ พวกเราก็ใช้ความรุนแรงมาควบคุมความรุนแรง และแอบส่งนักฆ่าไป ก่อกวนให้คว่ำกันไปเลย!”จงเส่นซานพูดด้วยความโมโหดุเดือด
ฉินหลั่งไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จะเห็นด้วยดีหรือไม่ จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทำอะไรลับๆล่อๆ
จงจิ่วเจินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด:“เส่นซาน ต้องรู้จักอดทนไว้นะ อีกอย่างตอนนี้เราก็ไม่ได้มีหลักฐานที่แน่ชัดพอ พิสูจน์ว่าซ่งจงผิง เป็นคนทำ ฉันคิดว่าตัวเขาเองก็คงไม่กล้าพอที่จะทำเรื่องนี้คนเดียวหรอก”
“แล้วบวกกับแก๊งหัวชิงอีก หรือว่าพวกเราจะฆ่าพวกเขาทิ้งทีละคนจนหมดงั้นหรอ ฆ่าไปคนหนึ่งก็มาอีกคนหนึ่ง เทียบกับความแข็งแกร่งแล้ว พวกเรากับแก๊งหัวชิงไม่ได้อยู่ในระดับขั้นที่สูงเลย สุดท้ายแล้วพวกเขาก็สามารถกินพวกเราทั้งหมดไปได้”จงจิ่วเจินกล่าว
จงเส่นซานรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ของพ่อดูพ่อพระเกินไปแล้ว ก็คือฝ่ายตรงข้ามมีทหารสิบหมื่นคน พวกเราก็ควรที่จะเอามีดแล้วมุ่งหน้าไปฟันไม่ใช่หรอ?ฆ่าได้คนนึงก็ถือว่าได้กำไรไปหนึ่ง!
“งั้นพวกเราก็เป็นเต่าที่อยู่แต่ในกระดองเถอะ”จงเส่นซานทนไม่ไหวจึงกล่าว
“แกว่าไงนะ?”สีหน้าของจงจิ่วเจินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในแววตาที่มีความโกรธประกายผ่าน ทันใดนั้นก็ได้จับแก้วชาขึ้นมาหนึ่งใบแล้วโยนไปที่หัวของจงเส่นซาน จงเส่นซานก็ไม่ได้หลบหนี แก้วชาใบนั้นก็ได้หล่นลงที่ร่างกายของเขา ศีรษะเต็มไปด้วยน้ำชา
จงจิ่วเจินรู้สึกโมโหและดุเดือดเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่จงเส่นซานกล้าต่อล้อต่อเถียงเขา
“คุณพ่อครับ ท่านเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเป็นคนที่อ่อนแอ ……”ยังไงก็ตามจงเส่นซานก็ไม่ยอมหยุดพูดเสียที
“ฮ่าฮ่า……”จงจิ่วเจินโมโหจนถึงขั้นสุดขีดแล้วกลับกลายเป็นหัวเราะแทน:“งั้นแกลองว่ามาสิ ว่าจะให้ทำยังไง?”
“ฆ่าซ่งจงผิง ให้เขาได้รับในกรรมที่เขาควรได้รับ!แก้แค้นให้กับรุ่นบนล่างร้อยกว่าคนของตระกูลจง!”จงเส่นซานกัดฟันพูด นึกถึงใบหน้ารอยยิ้มเสียงของลูกชายตนที่เสียไป ทนไม่ไหวน้ำตาคลอเบ้าแล้ว
“โอเค แกอยากจะทำยังไงก็ทำแบบนั้นไปเลย ฉันจะไม่สนใจแก……”น้ำเสียงของจงจิ่วเจินเฉยชา จงเส่นซานใช้อารมณ์ในการแก้ไขปัญหาเกินไป จะแบกรับความหวังในการฟื้นฟูตระกูลจงได้อย่างไร?พวกเขาในตอนนี้ ได้เพียงแต่อดทน อดทนเข้าใจมั้ย!เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจงจิ่วเจินได้ประกาศถอนตัวออกจากยุทธจักร นั่นเป็นเพียงแค่การจัดการกับผู้คนนับไม่ถ้วนที่โลภในตำแหน่งของตระกูลจงในความมืดเท่านั้นเอง
จงเส่นซานได้เงียบและซึมลง นั่นก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขา ในความเป็นจริงแล้วไม่มีวิถีทางเลย
“เส่นซาน บ้านตระกูลซ่งเป็นเพียงแค่หมากรุกอันหนึ่งเท่านั้น คนที่เล่นหมากรุกที่แท้จริงยังอยู่เบื้องหลัง และแน่นอนว่าคนที่พวกเขาอยากฆ่าที่สุดก็คือฉัน แต่เหมือนกับเอาพวกคุณมาเรียกน้ำย่อยเฉยๆ”ฉินหลั่งเอ่ยปากกล่าว
“ท่านจง คุณสามารถปล่อยข่าวออกไปข้างนอกได้ บอกว่าในขณะที่ทำภารกิจครั้งนี้ท่านได้รับการบาดเจ็บอย่างสาหัสมาก ทางที่ดีก็อย่าเพิ่งออกไปไหนชั่วคราว แบบนี้คนที่ฉันต้องดูแลปกป้องก็จะน้อยลง สามารถรวบรวมสมาธิในการทำลายองค์กรสังหารนี้ทิ้ง”
“แล้วก็ยู่เอ๋อ แกสามารถอยู่ที่บ้านตระกูลจงได้ ทำหน้าที่ลูกกตัญญูให้ดีที่สุด อยู่พูดคุยเป็นเพื่อนคุณท่าน และก็ไม่ต้องออกไปไหนเช่นกัน”
จงจิ่วเจินไม่มีความคิดเห็นที่แตกต่างใดๆ แสดงว่าเห็นด้วย:“ในเมื่อฉินหลั่งพูดแบบนี้แล้ว ฉันตกลงตามนั้นเลยละกัน”
“แล้วฉันล่ะ?”จงเส่นซานถาม เขารู้สึกอึดอัดใจ แต่ว่าฉินหลั่งก็พูดแบบนี้แล้ว จะไม่เห็นด้วยก็ยังไงอยู่
“ฉันมีความรู้สึกว่า ในเร็วๆนี้พวกเขาไม่ยอมแพ้แน่นอน งั้นเอางี้ ตอนเย็นคุณไปกระจายข่าวเรื่องที่ท่านจงโดนทำร้ายออกไป พวกเรารอดูสถานการณ์กันไปก่อน”ฉินหลั่งกล่าว
“ได้”จงเส่นซานกล่าว
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่โดนฆ่าตายง่ายๆแบบนั้นหรอก”ฉินหลั่งเห็นจงยู่มองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วงและกังวล หัวเราะแล้วกล่าว ดวงตาที่เต็มไปพลัง ทำให้จงยู่สัมผัสถึงความปลอดภัย
ทั้งสี่กำลังปรึกษากันอยู่ ด้านนอกก็ได้มีสายโทรศัพท์เข้ามา จงเส่นซานลุกขึ้นแล้วไปรับสาย ผ่านไปสักพัก ก็ได้เอามือปิดที่ไมค์โทรศัพท์แล้วเดินเข้ามา แววตาที่เต็มไปด้วยความโมโหโกรธแค้น พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ:
“คือซ่งอวี่”
“รับเถอะ ก็บอกไปว่าฉันได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก คาดว่ายังเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”จงจิ่วเจินพูดด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา
“ครับ”จงเส่นซานได้นำมือออกจากไมค์โทรศัพท์:
“ฮัลโหลครับ คุณชายซ่งหรอครับ ตอนนี้พ่อของผมอยู่ในอาการโคม่า ไม่สามารถที่จะรับสายได้แล้ว คุณมาดูตลกเยาะเย้ยบ้านผมหรอครับ?”
น้ำเสียงที่โมโหอยู่ลึกๆของจงเส่นซาน
“ฮ่าฮ่าฮ่า เปล่าครับ เปล่าครับ คุณชายใหญ่จง บ้านตระกูลจงช่วงนี้มีแต่ปัญหาเกิดแต่เรื่อง ไม่รู้ว่าไปมีเรื่องกับใครไว้ ถึงขั้นใช้ระเบิดเลย?!คุณท่านบ้านผมได้บอกแล้วว่า สร้างศัตรูง่ายกว่าการสร้างมิตรภาพ การเกิดความเข้าใจผิดมันง่ายกว่าการที่จะกลับมาเข้าใจให้อภัยกันใหม่ ผมอยากจะไปเยี่ยมดูท่านจงที่บ้านสักหน่อย คุณวางใจได้ พวกเราไม่มีวันมาซ้ำเติมในขณะที่พวกคุณกำลังตกอับหรอก ถ้าเกิดว่ามีอะไรให้ตระกูลซ่งช่วย พวกเราก็จะคิดซะว่าจะทำให้ดีที่สุด!”
ซ่งอวี่พูดอยู่อย่างนั้นจนท้องฟ้าดอกไม้ล่วง แสดงความเอื้ออาทรและความเห็นใจด้วยท่าทางแห่งผู้ชนะ
จงเส่นซานแทบจะโมโหอกแตกตายอยู่แล้ว เขามองจงจิ่วเจินไปแวบหนึ่ง เห็นเพียงจงจิ่วเจินพยักหน้าเท่านั้น จึงพยายามกดความโกรธอดทนเอาไว้แล้วกล่าว:
“หายากที่ตระกูลซ่งจะมีความตั้งใจเช่นนี้ ผมตระกูลจงรับไว้แล้วนะครับ!ต้อนรับตลอดเวลาเลยนะครับ ผมต้องขอบคุณแทนคุณพ่อสำหรับความตั้งใจปรารถนาดีของพวกคุณด้วย”
จงเส่นซานจงใจรักษาน้ำเสียงของเขาให้อ่อนน้อมถ่อมตนและตื่นตระหนก ทำให้ซ่งอวี่รู้สึกว่าตอนนี้จงเส่นซานกลัวมีเรื่องกับบ้านตระกูลซ่งอย่างมาก กระทั่งมีความเอาอกเอาใจเล็กน้อย
หลังจากที่บ้านตระกูลซ่งทางนั้นได้วางสายลงแล้ว ซ่งอวี่มองไปทางซ่งจงผิงด้วยแววตาที่ได้ใจ ซ่งจงผิงได้ยินทุกอย่างแล้ว นี่มันไม่เหมือนข่าวที่เขาได้ยินมาเลยแม้แต่นิดเดียว ไหนบอกว่าจงจิ่วเจินไม่ได้เป็นอะไรสบายดีไม่ใช่เหรอ?
ซ่งจงผิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ของตนได้ แม้ว่าจะมองไม่เห็นการแสดงออกของสีหน้าบนใบหน้าเขา แต่จู่ๆเขาก็เริ่มสูบบุหรี่ และซ่งจงผิงก็ได้บิดก้นบุหรี่ท่ามกลางควัน กล่าว:“แกรีบไปดูเดี๋ยวนี้เลย ดูให้ละเอียดด้วยล่ะ”
ยี่สิบนาทีต่อมาซ่งอวี่ขับรถปอร์เช่ไปปรากฏอยู่ในย่านตระกูลจง และเดินเข้าไปในวิลล่าท่ามกลางบรรยากาศที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset