เสียงของจั่วยีเบาลงเล็กน้อย ไม่ดุเหมือนเมื่อสักครู่
คุณปู่เช่สบตากับดวงตาสีเข้มคู่นั้นของเขา พูดเบาๆว่า “ฉันไม่เห็น ฉันอาศัยอยู่ในป่านี้มาหลายปีแล้ว อยู่คนเดียวมาโดยตลอด บนภูเขานี้มีทางแยกที่คดเคี้ยวมากมายแม้ว่าพวกเขาจะขึ้นมาบนภูเขาแต่ก็ไม่เสมอไปที่จะมาที่ฉัน ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็สามารถตรวจค้นได้ตามสบายเลย”
คุณปู่เช่ระวังตัวและเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้มาโดยตลอด ดังนั้นทุกครั้งเขาก็จะเก็บข้าวของที่เกี่ยวข้องกับฉินซีและลู่เซิ่นให้เรียบร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงถ้ามีคนค้นพบที่นี่ขึ้นมา
ความกังวลของเขา ในที่สุดวันนี้ก็ได้เป็นประโยชน์แล้ว
จั่วยีมองสีหน้าที่เฉยเมยของเขา รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ
เขาคิดว่าสีหน้าเช่นนี้ของคุณปู่เช่ดูไม่เสแสร้ง เขาใจเย็นมาก
ถ้าฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ที่นี่จริงๆ เขาจะใจเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร
จั่วเอ้อกล่าวอย่างใจร้อน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วจะรออะไรอีก พี่ชาย พวกเรารีบนำคนไปตามหาเถอะ ไปช้าฉินซีกับลู่เซิ่นรู้ตัว หนีไปจะทำอย่างไร?”
ถ้าให้จ้านเซินรู้ ก็จะโดยตำหนิ ก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย
ช่วงนี้จ้านเซินอารมณ์ไม่ดี ต่อให้เป็นจั่วยีจั่วเอ้อก็ต้องคอยระวังและพิถีพิถัน เพราะเกรงว่าจะทำให้จ้านเซินไม่พอใจ
จั่วยีเห็นด้วยกับเขา จึงพยักหน้า “อืม”
เขาหันหลัง มองลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง “พวกคุณแยกย้าย ตรวจค้นทุกห้องหนึ่งรอบ”
จั่วยีออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม
“ครับ”
ทุกคนตอบรับพร้อมกัน หันหลังแล้วแยกย้าย
จั่วเอ้อพูดขึ้นว่า “พี่ชาย ฉันจะออกไปดูด้านนอก พี่รออยู่ที่นี่เถอะ”
ที่คุณปู่เช่ก็ต้องมีคนเฝ้าอยู่ เพื่อปกกันไม่ให้เขาแอบออกไปส่งข่าวให้ฉินซีกับลู่เซิ่น
“อืม ไปเถอะ ถ้ามีอะไร ก็รีบติดต่อหาฉันทันที”
จั่วยีเน้นย้ำสองสามคำด้วยความกังวล มองตามหลังจั่วเอ้อออกไป
ตั้งแต่ต้นจนจบคุณปู่เช่ก็อยู่ในครัวอย่างสงบ
เขาดูมีความสุขใจและร่าเริง นั่งบนม้านั่งเล็กๆ กวนน้ำซุปในหม้อ
จั่วยีรู้สึกว่าสีหน้าแบบนี้ของเขา มันแปลกๆ แต่บอกไม่ถูกว่ามันแปลกยังไง
เขามองสิ่งดำๆในหม้อ ถามด้วยความสงสัย “ชายชรา คุณต้มอะไรในนั้น?”
ปฏิกิริยาของจั่วยีเป็นกันเอง คุณปู่เช่ตอบเบาๆว่า “อาหารกลางวัน”
เขาไม่อยากสนใจจั่วยีเลย เมื่อคิดถึงความทุกข์ที่ฉินซีได้รับ คุณปู่เช่รู้สึกโกรธมาก
จั่วยีขมวดคิ้ว “สิ่งนี้กินได้หรอ?”
ใบหน้าของเขาแสดงความรังเกียจออกมา มองสีแล้วรู้สึกไม่น่ากินเลย
หลังจากที่คุณปู่เช่เห็นปฏิกิริยาของเขา กล่าวอย่างเย็นชา “เหอๆ คนในเมืองอย่างพวกคุณที่มีทั้งอาหารป่าและอาหารทะเลอันโอชะทั้งวัน จะรู้ความทุกข์ของพวกเราคนธรรมดาได้อย่างไร แค่มีกินก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังจะมาจู้จี้จุกจิก”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี ทำให้จั่วยีรู้สึกอึดอัดมาก
นี่มันยุคไหนแล้ว ชายชราที่อยู่ตรงหน้า ยังใช้คำพูดเช่นนี้ของคนในเมือง
เขาไม่ได้ลงจากภูเขานานแค่ไหนแล้ว จนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก
จั่วยีดูออกว่าคุณปู่เช่ไม่อยากสนใจเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจอยู่อย่างเงียบๆ
เขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เดินเล่นรอบๆห้องครัว
จั่วยีมั่นใจมาก หันหลังให้คุณปู่เช่ ไม่กังวลเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะลอบโจมตี
ในสายตาของจั่วยี เขาก็เป็นแค่ชายชราที่อ่อนแอไม่มีแรง ให้ความกล้าเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าลงมือ
……..
ฉินซีกับลู่เซิ่นไปถึงกระท่อมด้านหลังอย่างเงียบๆ
ฉินซีมองเห็นไกลๆ มีเงาดำหลายคนกำลังตามหาอยู่
แม้ว่าจะอยู่ไกลมาก แต่ฉินซีก็มองออก คนพวกนั้นถูกส่งมาจากองค์กร รูปลักษณ์และท่าทางของพวกเขา ฉินซีรู้จัก
จู่ๆฉินซีก็รู้สึกเลือดพุ่งขึ้นมาจ้านเซินโหดเหี้ยมจริงๆ เธอหนีมาถึงที่นี่ จ้านเซินก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปอีก
“เดินทางนี้”
ลู่เซิ่นจับข้อมือเธออย่างแน่น กระซิบเบาๆ
เขาไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าถ้าปล่อยมือ ฉินซีอาจจะวิ่งออกไป
ไม่ใช่เวลามาประมาท สิ่งที่สำคัญคือต้องรู้ว่าข้างในมีสถานการณ์เป็นอย่างไร
ฉินซีระงับความโกรธไว้ในใจ เดินตามหลังเขาอย่างเชื่อฟัง
ทั้งสองก้มลงเดินไปข้างหน้า อ้อมไปด้านหลังห้องครัว
ฉินซีเงยหน้าขึ้น เห็นด้านหลังของจั่วยี
ทั้งสองอยู่ในองค์กรมาหลายปี แม้ว่าจะเป็นเพียงด้านหลัง ฉินซีก็จำได้
ตามมาด้วย เธอเห็นคุณปู่เช่กำลังนั่งอยู่หน้าเตาที่อยู่ข้างๆ ต้มยาที่พวกเขาดื่มเป็นประจำ ด้วยสีหน้าที่นิ่งมาก
ลู่เซิ่นกับฉินซีอยู่ในจุดบอดพอดี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนข้างนอกหาเห็นพวกเขา แต่พวกเขามองเห็นข้างใน
นี่เป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นเตรียมไว้เพื่อป้องกันเวลาที่คนของจ้านเซินมาตามหา ดังนั้นจึงได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว
ลู่เซิ่นเห็นคุณปู่เช่มีปฏิกิริยาที่สบาย สุขใจและร่าเริงจึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “ฉินซี คุณดูสิคุณปู่เช่สบายดี ตอนนี้จั่วยีพวกเขาน่าจะยังไม่พบร่องรอยของพวกเรา พวกเราแอบอยู่ที่นี่ก่อน ไม่ออกไปเป็นวิธีการทำให้คุณปู่เช่ปลอดภัยที่สุด”
ถ้าจั่วยีกับจั่วเอ้อหาพวกเขาไม่เจอ ก็จะจากไปเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขารีบร้อนออกไป อาจจะทำให้จั่วยีจับตัวคุณปู่เช่ไว้ เป็นตัวประกันข่มขู่พวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์ก็จะยุ่งยากขึ้น
ลู่เซิ่นไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงพยายามเกลี้ยกล่อมฉินซีให้ใจเย็นลง
หลังจากที่ฉินซีเห็นคุณปู่เช่ปลอดภัยดี ใจที่ปั่นป่วนก็เริ่มสงบลงมาก
เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม”
ตอนนี้ฉินซีหวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไปเร็วๆ รอหลังจากที่จั่วยีกลับไป พวกเขาจะรีบบอกลาคุณปู่เช่ จะไม่ทำให้คุณปู่ต้องเดือดร้อนอีก
หลังจากไม่กี่นาที ลูกน้องที่จั่วยีส่งออกไปก็กลับมาอย่างเร่งรีบ
พวกเขาสีหน้าเย็นชา เหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึก
ฉินซีก็คุ้นเคยกับสีหน้าของพวกเขามานานแล้ว แต่คุณปู่เช่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“รายงาน พวกเราได้ค้นหาทุกห้องแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย”
ชายชุดดำคนหนึ่งเปิดปากพูด จั่วยีขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมปรากฏขึ้น
จั่วยีหันมาจ้องเขา “ไม่พบอะไรเลย?”
เขากัดฟันถามด้วยความแค้น รู้สึกเหลือเชื่อ
ตามที่เขาคิดไว้ ฉินซีกับลู่เซิ่นทิ้งรถแล้วหนีไป ต้องไปได้ไม่ไกลแน่นอน
ต้องอยู่บนภูเขาแห่งนี้สิ ตอนนี้พวกเขาได้ปิดภูเขาแห่งนี้ทุกทางแล้ว ห้ามสิ่งมีชีวิตเข้าออก ไม่น่าจะหาไม่เจอ
ถ้าฉินซีไม่อยู่ที่นี่ แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?
ภูเขาหลายลูกเรียงกันในบริเวณใกล้เคียง ก็ต้องค้นหาทีละแห่ง จั่วยีฉันรู้สึกปวดขมับ ความมืดอยู่ตรงหน้า
พวกเขาคงไม่ได้มาหาผิดที่นะ