บทที่1392 ด้วยเกียรติของฉัน
พวกเขาไม่คิดสักนิด คนอย่างฉินซีและถังย่านะหรือ จะถูกคนปกติธรรมดาอย่างพวกเขาควบคุมได้
เผชิญหน้ากับฉินซีที่ทำท่าเห็นด้วย มุมปากของถังย่ายกยิ้มขึ้นเบาๆ
รอยยิ้มของเธอไม่ได้ส่งไปถึงดวงตา ฉินซีในฐานะที่เป็นผู้หญิง เธอรู้สึกได้ชัดเจน ว่าครั้งนี้ถังย่าดูเปลี่ยนไป
ฉินซีอยากจะถามถังย่ามาก ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น แต่ตรงหน้าคนเยอะเกินไป ไม่สะดวกนัก
และฉินซีรู้ดี ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับถังย่า มันไม่ได้ดีนัก
แม้ว่าเธอจะถาม ถังย่าก็อาจจะไม่ตอบเลย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินซีทำได้แค่ปิดปากเงียบ
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤต เธอไม่พูดอะไรเป็นดี เลี่ยงไม่ให้จ้านเซินสงสัย
ถังย่าดึงมือออกจากการเกาะกุมของฉินซี
ถังย่ามองไปยังจ้านเซินที่ยืนอยู่ข้างหลังฉินซี ก่อนพูดด้วยเสียงเรียบ “จ้านเซิน ฉันมีเรื่องที่จะรายงานกับคุณ ออกมาคุยได้ไหม?”
เธอมองตรงไปที่จ้านเซิน ดวงตาดอกท้อทอประกายความมืดขมุกขมัวออกมา
แม้กระทั่งจ้านเซินยังรู้สึกได้ว่าถังย่ามีท่าทีแปลกไป แต่แปลกตรงไหน ก็ไม่แน่ใจ
เมื่อเห็นเธอเหมือนจะกันฉินซีออก จ้านเซินก็พยักหน้า “ได้สิ”
จ้านเซินเดินตามถังย่าออกไป
ถังย่ามองไปที่ซิวหน่ายซิง “นายมาที่นี่เพื่อมาเดินเล่นเป็นเพื่อนคุณฉิน ดูแลเธอให้ดี อย่าให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น”
เมื่อตอนพูดประโยคนี้ออกมา ใจของถังย่าเต็มไปด้วยอารมณ์การถากถางเสียดสี
ฉินซีเป็นเหมือนสิ่งล้ำค่าของจ้านเซิน ถ้าซิวหน่ายซิงไม่ดูแลเธอ จ้านเซินจะต้องโกรธแน่นอน
ซิวหน่ายซิงรู้สึกว่าไหล่ของเขาหนักเหมือนมีอะไรกดทับ
เขาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ครับ เจ้านาย”
ถังย่ารู้สึกขบขันกับท่าทางที่จริงจังของเขา เธออารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
ทว่า เมื่อฉินซีเห็น จ้านเซินกับถังย่าเดินห่างออกไป จิตใจของเธอกลับกระวนกระวายขึ้นมา
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นภายในใจของฉินซี
เธอมักจะรู้สึกว่าคล้ายกับจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง แถมยังเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้หรืออะไรแบบนั้น
ความรู้สึกที่จิตใจว้าวุ่นแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ซิวหน่ายซิงมองไปยังใบหน้าซีดเซียวของฉินซี ก่อนจะถามเสียงต่ำ
“คุณฉิน เป็นอะไรไหมครับ หรือเป็นเพราะว่าเดินเล่นข้างนอกนานไป เหนื่อยหรือเปล่าครับ?”
เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว มองไปที่ฉินซีอย่างกระวนกระวายใจ
เสียงที่ดังขึ้นมา ขัดความคิดของฉินซี
ฉินซีมองไปที่ใบหน้าที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้มบาง ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอจำซิวหน่ายซิงได้ แต่เธอไม่ได้คุ้นเคยกับเขา
เพราะว่าซิวหน่ายซิงเป็นผู้ช่วยของถังย่าเมื่อต้องทำภารกิจข้างนอก ตอนอยู่ในองค์กรก็ไม่ได้เจอ
ฉินซีและถังย่าปฏิบัติภารกิจร่วมกันน้อยครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเห็นเขาบ่อยนัก
“คุณชื่อซิวหน่ายซิงใช่ไหม?”
ฉินซีเอ่ยเสียงเบา เธอจำได้ครั้งแรกที่เห็นซิวหน่ายซิง ตอนนั้นเขาไม่สูงเท่าตอนนี้ รูปร่างผอมบาง เหมือนเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัย
แต่การพบกันครั้งนี้ ซิวหน่ายซิง กลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่
ฉินซีรู้มาว่า ซิวหน่ายซิงโดดเด่นมาก ช่วยถังย่าทำภารกิจที่ยากมากมาย
ซิวหน่ายซิงมองเธอด้วยความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าคุณฉินจะจำชื่อของผมได้ด้วย ความจำดีจังเลยครับ”
เขาและฉินซีเคยพบกันทั้งหมดสองหรือสามครั้ง และเขาคิดว่าฉินซีลืมคนที่ไม่สำคัญเช่นเขาไปแล้ว
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ คุณมีเอกลักษณ์ มองครั้งเดียวก็จำได้แล้ว”
และฉินซีไม่ได้โกหก
ครั้งแรกที่เธอเห็นซิวหน่ายซิงจากข้างหลัง เธอรู้สึกประหลาดใจกับความชิงชังและความรั้นในตัวเขา
ฉินซีเคยคิดว่าเมื่อซิวหน่ายซิงเติบโตขึ้น เขาจะโตเป็นคนที่โหดร้ายและไร้ความปรานีเหมือนจ้านเซิน
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขามีอารมณ์ขัน แตกต่างจากตอนที่เขายังเป็นเด็กอย่างสิ้นเชิง
ถ้าไม่รู้ประสบการณ์ที่ผ่านมาของซิวหน่ายซิงฉินซีก็ไม่สามารถเดาได้ ว่าจริงๆแล้วเขามาจากสภาพแวดล้อมอันดำมืด
ซิวหน่ายซิงมองไปยังท่าทางเงียบสงบและไว้ตัวของเธอ ก่อนถอนหายใจเบาๆ ในใจ
ในสายตาของเขา ทั้งฉินซีและถังย่าต่างก็เก่งกาจทั้งคู่
เพราะว่าถังย่าช่วยชีวิตเขาไว้ ซิวหน่ายซิงจึงชอบถังย่ามากกว่าเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความสง่างามของฉินซีได้
ฉินซีสามารถดำรงอยู่ในองค์กร เพื่อช่วยและเป็นกำลังให้องค์กรก็ดีแล้ว
แต่ตอนนี้ภายในใจของเธอมีคนอื่น เธอไม่สมัครใจจะอยู่ในองค์กร ภายในใจคิดเพียงแต่จะบินหนีไปกับลู่เซิ่น
แม้ว่าจ้านเซินจะใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบังคับให้ฉินซีอยู่เคียงข้างเขา มันก็ทำให้อยู่ได้แค่ตัว ไม่ใช่หัวใจ
ซิวหน่ายซิงไม่เข้าใจ ว่าแบบนี้มันจะได้อะไร มันมีความหมายอย่างไร
ถ้าเป็นเขา เขาจะเลือกที่จะปล่อยฉินซีไป ในเมื่อไม่ได้รับ ปล่อยมือเธอให้ไปเจอความสุขไม่ดีกว่าหรือ
ซิวหน่ายซิงรู้ชัดเจน ที่ถังย่าเรียกจ้านเซินไปคุยส่วนตัวเมื่อกี้ ก็เพื่อจะบอกเรื่องที่ลู่เซิ่นจะมาช่วยฉินซีในคืนนี้
ตอนจบของฉินซีและลู่เซิ่นได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ซิวหน่ายซิงอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยในใจให้เธอเป็นเวลาสามวินาที
ผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ถูกจ้านเซินตกหลุมรัก ทว่ากลับไม่ได้อิสระใด กลายเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเรื่องหนึ่ง
แน่นอน ซิวหน่ายซิงกล้าที่จะพูดเพียงในใจเท่านั้น
ถ้าหากเขาพูดต่อหน้าจ้านเซิน เงาหัวคงไม่มี
ซิวหน่ายซิงแน่ใจว่าจ้านเซินจะฆ่าเขาด้วยนัดเดียว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ความสงสารสุดท้ายในใจของซิวหน่ายซิงพลันหายไป
เมื่อเห็นว่าเขาหยุดพูดกะทันหัน ฉินซีจึงมองไปทางเขาอย่างแปลกใจ “ผู้ช่วยซิว เป็นอะไรไปครับ?”
เธอรู้สึกว่าวันนี้คนรอบตัวเธอแปลกไป
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอกังวลมากเกินไปหรือเปล่า ดูอะไรทั้งหมดก็ไม่มีอะไรปกติ
ซิวหน่ายซิงกลับมามีสติ ก่อนพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนตามปกติ “ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณฉินทั้งสวยและงดงามขนาดนี้ ยังกรุณาจำผมได้ ก็เป็นเกียรติสำหรับผมมากแล้ว”
เขาพูดติดตลก ทำท่าทางเอ้อระเหยแบ่งเบาไม่ให้ฉินซีรับรู้ถึงแผนการ กลับทำให้เธอรู้สึกตลกขบขัน
ฉินซีคิดว่า ซิวหน่ายซิง เป็นคนที่รู้จักขอบเขตตัวเองถึงจะนับว่าเป็นคนมีอารมณ์ขัน แต่ทว่าไอ้พวกผู้ชายเป็นแค่อันธพาล เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นของพวกมัน
“ตอนอยู่กับถังย่า คุณตลกแบบนี้บ้างไหมคะ?”
ฉินซีไม่สามารถห้ามไม่ให้ตัวเองยิ้มได้ เธอเผยรอยยิ้มที่สดใสออกมา
หลายวันมานี้เธอถูกจ้านเซินสั่งให้อยู่แต่ภายในห้องพักฟื้น จนเกือบจะเฉาตายแล้ว
แม้จะมีเหยาจ้าวและโจวซิง แต่พวกเขาก็ต้องระมัดระวังคำพูด เพราะกลัวว่าจ้านเซินจะมาได้ยิน ฉินซีไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว
เธอยืนอยู่ที่สวนดอกไม้ ฟังเสียงนกร้อง สูดอากาศบริสุทธิ์ ทันใดก็รู้สึกว่าภายในใจมันหนักอึ้งไม่ค่อยสบาย
ซิวหน่ายซิงพยักหน้า “ครับ เจ้านายของพวกเราชอบด่าพวกเราว่าไม่มีกาลเทศะ บอกให้หุบปาก ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้นะครับ”