flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1393 บอกความจริง

บทที่1393 บอกความจริง

ซิวหน่ายซิง แบมือ ก่อนจำใจพูดออกไป

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ฉินซีก็นึกอิจฉาถังย่าขึ้นมา

ดวงตาของฉินซีแสดงถึงความปรารถนาขึ้นมา “ถ้าหากว่าฉันมีความสุขทุกวันก็คงจะดี”

เธอหันไปมองท้องฟ้านอกกำแพงโรงพยาบาล ความปรารถนาอันแรงกล้าปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ

ตอนนี้ฉินซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบลู่เซิ่น และไม่จากเขาไปไหนอีก

แต่อย่างไรจ้านเซินยังคงอยู่ตรงนี้ ความคิดนี้จึงหยุดชะงักไปชั่วคราว

ความรู้สึกเศร้าอย่างรุนแรงปรากฏอยู่บนทั่วร่างของฉินซี

ซิวหน่ายซิงมองเธอจากด้านหลัง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

รักสามเส้าไม่สมประกอบครั้งนี้ สุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครบอกได้

อีกด้าน

ถังย่าเดินตามจ้านเซินและมาหยุดอยู่ที่ศาลาในสวนดอกไม้ด้านหลัง

จ้านเซินมองไปยังถังย่า และพูดด้วยเสียงต่ำ “เธอต้องการรายงานอะไรฉัน?”

เขารู้ ว่าสิ่งที่ทำให้ถังย่าจริงจังได้เช่นนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆแน่

ถังย่ามองสบมายังเขา ดวงตาดอกท้อปรากฏเป็นแววตาลึกซึ้ง “จ้านเซิน ฉันมีคำถามจะถามคุณ”

น้ำเสียงของเธอเหมือนพูดกับเพื่อนมากกว่าพูดกับผู้ใต้บังคับบัญชา

เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของเธอ จ้านเซินจึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย “คำถามอะไร?”

เขารู้สึกถังย่าแปลกๆ ตั้งแต่เข้ามาโรงพยาบาล

“คุณสามารถที่จะปล่อยฉินซีไปได้ไหม?”

ถังย่าไม่พูดอ้อมค้อม เธอถามอย่างตรงไปตรงมา

เธอจ้องไปยังจ้านเซิน เธอไม่ปล่อยให้สีหน้าของเขาเล็ดลอดไปจากสายตาเธอแม้แต่น้อย

ถังย่าอยากรู้มาก ว่าแท้จริงแล้วใจของจ้านเซินคิดอย่างไรกันแน่

ถ้าหากฉินซีออกไป เธอจะมีโอกาสบ้างไหม?

หลังจากที่จ้านเซินได้ยินคำพูดของเธอ ใบหน้าของเขาพลันมืดลงทันที

“ถังย่า เธอหมายความว่ายังไง?”

เมื่อพูดถึงฉินซี สีหน้าของจ้านเซินก็เปลี่ยนไปทันที

ความสงบของจ้านเซินหายไปทีละนิด แทนที่เข้ามาด้วยความโกรธเกรี้ยว

แม้ว่าจ้านเซินจะไม่ได้ตอบคำถามของถังย่าโดยตรง แต่ถังย่าก็เข้าใจแล้ว

“ไม่มีอะไร”

ถังย่ากดความเศร้าไว้ในใจ ร่องรอยของความเหงาฉายชัดภายในดวงตาสีเข้ม

เธอก็รู้ ว่าตัวเองไม่ควรจะไปคาดหวังอะไร

จ้านเซินไม่ยอมปล่อยผ่านคำถามนี้ไปง่ายๆ มันมักมีอะไรบางอย่างอยู่ในคำพูดถังย่าเสมอ “ถังย่า ฉันขอสั่งเธอ พูดให้มันชัดเจนเดี๋ยวนี้”

เพื่อฉินซีแล้ว เขาถึงขนาดยืมฐานะของเขามากดเธอ

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ ใจของถังย่าขดเข้าหากันอย่างเป็นทุกข์ราวกับโดนหมัดหนักชกเข้ามาอย่างจัง

จากสายตาของจ้านเซินที่จ้องมอง ถังย่าสูดลมหายใจเข้า พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ฉินซีกำลังโกหกคุณ เธอไม่ได้จริงใจที่จะอยู่ด้วยกันกับคุณในองค์กร เธอวางแผนจะหนีออกไปจากที่นี่มาโดยตลอด”

ถังย่าพูดอย่างโกรธๆ หวังว่าจ้านเซินจะมีสติพอเสียที

เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องเป็นฉินซีเท่านั้น นี่เขาดึงดันขนาดนี้เลยหรือ?

เห็นได้ชัดว่าเธอคอยปกป้องอยู่ข้างเขามาโดยตลอด ทำไมถึงไม่มองมายังเธอบ้าง เพียงแค่พริบตาเดียว ให้โอกาสเธอได้แสดงให้เห็น

ทว่า แค่ครั้งเดียวเขาก็ไม่มีให้

สิ่งนี้ทำให้ถังย่าเสียใจมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้

เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถควบคุมความคิดของจ้านเซินได้ ดังนั้นถังย่าจึงทำได้เพียงควบคุมความรู้สึกของเธอเอง เพื่อไม่ให้ตัวเองระเบิดออกมา

หลังจากที่จ้านเซินได้ยินคำพูดของเธอ แต่ใบหน้าเขากลับไม่ได้แสดงความตกใจออกมาเลย

เขามองไปทีถังย่า พลางเม้มมุมปาก “ฉันรู้แล้ว”

ตั้งแต่ฉินซีตื่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก เธอทำตัวว่าง่ายเป็นพิเศษ จ้านเซินก็สังเกตได้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

จ้านเซินและฉินซีอยู่ด้วยกันมาหลายปี จะมองไม่ออกได้อย่างไร

แต่เมื่อ ได้เห็นท่าทางโอนอ่อนผ่อนตามของฉินซีแล้ว จ้านเซินก็ตัดใจเปิดโปงไม่ลง

ดังนั้น จ้านเซินจึงแสร้งไม่รู้ หวังแค่เวลามันจะนานกว่านี้หน่อย

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจทุกอย่าง แต่กลับยังสามารถดูตัวเองติดกับดักเสียได้ มันทำให้เธอยิ่งโกรธหนัก “ถ้าอย่างนั้นคุณรู้ไหม ว่าโจวซิงเป็นสายลับที่ลู่เซิ่นส่งมา? พวกเขาวางแผนจะพาฉินซีหลบหนีไปคืนนี้”

เธอพูดอย่างโกรธเกรี้ยว รู้สึกว่าจ้านเซินดูน่าผิดหวังเหลือเกิน

ถังย่าไม่เคยเห็นจ้านเซินใจอ่อนขนาดนี้มาก่อน

งั้นตอนนี้เขาจะเลือกอย่างไร จะปล่อยฉินซีไปหรือ หรือบังคับให้อยู่ข้างกายเขา

เมื่อพูดจบ ใบหน้าของจ้านเซินพลันปรากฏความตกใจออกมา

จ้านเซินหรี่ตาลงด้วยแววตาอันตราย ก่อนพูดเบาๆว่า “คืนนี้กี่โมง?”

น้ำเสียงของเขาเย็นชาแฝงไปด้วยความแข็งกระด้างอยู่ในนั้น

จากคำที่เขาพูดมา ถังย่ามองออก ว่าจ้านเซินมีเจตนาฆ่า

เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ลู่เซิ่นพาฉินซีออกไป

ถังย่าหมดหวังโดยสิ้นเชิง เสียงที่ตอบกลับไปฟังดูแหบแห้ง “เที่ยงคืน”

หากตั้งใจฟังอย่างละเอียด จะได้ยินเสียงของถังย่าที่ดูคล้ายจะสะอื้น

แต่ทว่า ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของจ้านเซินล้วนไปอยู่ที่ฉินซี เขาไม่มีเวลามาสนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร

เมื่อเขาได้ยินว่าวันนี้เที่ยงคืนลู่เซิ่นจะมาช่วยฉินซี ความโกรธภายในใจก็แผ่ซ่านไปทั่ว

เขาลุกขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปพูดกับถังย่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทำไมเธอไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้!”

คำพูดของจ้านเซินแฝงด้วยการซักถามเชิงตำหนิ ดวงตาสีเข้มของเขาเหมือนมีไฟลุกโชนโหมกระหน่ำ

ถังย่าสามารถเห็นได้ชัดว่าตอนนี้จ้านเซินโกรธมากแค่ไหน

เพราะว่าเธอปกปิด มันทำให้จ้านเซินเสียเวลาเตรียมตัว

ถังย่ารู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ เธอพูดเสียงต่ำ “ขอโทษ… …”

เธอไม่ได้มีเจตนาจะปกปิด ถ้าหากเธออยากจะทำจริงๆ เธอจะไม่บอกจ้านเซินก็ได้

แต่ ถังย่ากังวล ถ้าจ้านเซินเห็นว่าลู่เซิ่นพาฉินซีออกไป จะทำเรื่องที่รุนแรง ดังนั้นก็เลยเลือกที่จะบอกความจริง

เดิมทีแล้วจ้านเซินยังเต็มไปด้วยความโกรธ เขายังอยากที่จะตำหนิเธออีกครั้ง

แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางที่ดูมีการซึมๆของถังย่า สิ่งที่เขาต้องการจะพูดก็ดันติดอยู่ในลำคอ ไม่พูดออกมา

“ช่างมันเถอะ”

จ้านเซินพูดอย่างเย็นชา ก่อนเก็บสายตาที่มองเธอไป

เสียงของเขาสั่งอย่างเคร่งขรึมต่อ “เธอไปเตรียมตัวกับฉัน”

ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากลู่เซิ่นจะมาในคืนนี้ เขาก็จะให้มันออกไป แต่ไม่ได้กลับ

“ค่ะ”

ถังย่าพยักหน้า ทำตามอย่างโดยดี

เธอเดินตามจ้านเซินไป ทว่าเกือบจะสะดุดบันไดล้ม

แต่จ้านเซินกลับไม่แม้แต่จะเห็น รีบเดินกลับไปทางที่ฉินซีอยู่อย่างเร็ว

ตอนนี้เขากังวลมากว่า กลัวฉินซีจะพยายามติดต่อกับลู่เซิ่น ในขณะที่เขาไม่อยู่

หรือว่า วันนี้ที่ฉินซีหาข้ออ้าง ยืนกรานที่จะไปเดินเล่นที่สวนให้ได้ คือเธอวางแผนไว้แล้ว

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จ้านเซินควบคุมการเร่งฝีเท้าของตัวเองไม่ได้

เขาสูง190 เซนติเมตร ขายาวบวกกับเดินเร็วจากความร้อนรนใจ ทำให้พริบตาเดียวถังย่าก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสียแล้ว

ถังย่ามองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ค่อยๆไกลออกไป ทำได้เพียงพยายามเดินตามให้ทัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset