บทที่ 876 ไม่เคยเห็นด้วย
สูหวั่นไม่รู้ว่า เธอได้เห็นคลื่นใต้น้ำที่พลุ่งพล่าน ระหว่างทั้งสองคนหรือไม่ แต่เธอก็ยังยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ไม่ได้ส่งเสียงพูดอะไร สูหยิงพูดขึ้นมาแบบนี้ เธอก็หันไปยิ้มให้กับฉินซี“ฉันมีเรื่องจะถามฉินซีเยอะมาเลย ฉันเพิ่งจะเห็นกระโปรงของเธอ ฉินซี กระโปรงของเธอแบรนด์อะไรเหรอ สวยมากเลย ฉันก็อยากไปซื้อมาไว้ตัวหนึ่ง”
ฉินซีไม่คาดคิดมาก่อน ว่าเธอจะถามคำถามแบบนี้ เธอก็รู้สึกติดขัดขึ้นมาในทันที“กระโปรงตัวนี้……ลู่เซิ่นซื้อให้น่ะ แล้วเรื่องแบรนด์อะไร ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันจะกลับไปถามเขามาให้”
สูหยิงจ้องมองเธออย่างเย็นชา ภายในใจก็ถูกขีดข่วนไปด้วยส้อม
ไม่ใช่ว่าเธอมีหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังใช้เงินของลู่เซิ่น ซื้อเสื้อผ้าก็ยังให้ลู่เซิ่นซื้อให้?
นางจิ้งจอกจริงๆ!
ฉินซีไม่รู้ว่าภาพลักษณ์ของตัวเอง ในใจของสูหยิงนั้นแย่ลงแค่ไหน ถ้าเธอรู้ ต้องได้เรียกร้องความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
อาหารมื้อนี้ ลู่เซิ่นได้บอกเธออย่างกะทันหัน ดังนั้นเสื้อผ้าก็เป็นลู่เซิ่น ที่เป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ ถ้าหากสูหวั่นมาถามคำถามแบบนี้ในเวลาปกติ ฉินซีก็อาจจะตอบได้อย่างคล่องแคล่ว และฉลาดกว่านี้แน่นอน
เธอมีโอกาสที่จะสวมใส่เสื้อผ้าที่ลู่เซิ่นให้ เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง ยังต้องมาถูกสูหยิงจับได้
สูหวั่นไม่รู้ว่าแบรนด์เสื้อผ้าคืออะไร ดูเหมือนจะไม่ค่อยผิดหวัง จึงหันไปถามเรื่องอื่น“ฉินซี สัปดาห์หน้าฉันจะไปเป็นผู้ช่วยของพี่ลู่แล้ว เธอมีเรื่องอะไรที่จะต้องสอนฉันไหม อย่างเช่น ปกติพี่ลู่พักผ่อนเวลาไหนอ่า กิจกรรมยามว่างทำอะไรบ้างอ่า เพื่อที่จะให้ฉันปรับตัวเข้ากับงานได้เร็วๆ”
ฉินซีเกือบจะกลอกตามองบนแล้วใส่เธอแล้ว
ขอร้องเถอะ งานของเธอคือให้ไปเป็นผู้ช่วย รู้เกี่ยวกับพวกนี้จะช่วยอะไรได้?
เธอพูดเบาๆ ว่า“สิ่งที่ผู้ช่วยต้องทำ เธอต้องไปถามหลินหยัง เขาถึงจะมีประสบการณ์ในการสอนเธอ”
สูหวั่นกลับไม่ยอม ไม่ย่อท้อ“ฉินซี เธอก็ไม่ต้องขี้เหนียวขนาดนี้ก็ได้?บอกฉันเกี่ยวกับความเคยชินของพี่ลู่สักหน่อย คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง!หรือว่า เธอก็ไม่รู้กิจวัตรประจำวันของเขาเหรอ?”
สูหวั่นที่ยังเด็ก น้ำเสียงของเธอจึงดูนุ่มนวลและอ่อนหวาน แต่สิ่งที่พูดกับเธอมันกลับเป็นคำพูดที่ถากถาง เย้ยหยัน ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่เหวยเลย
ฉินซีเป็นคนไม่อดทนที่สุด เมื่อต้องรู้จักกับคนประเภทนี้ กำลังเตรียมที่จะพูดเพื่อให้จบการสนทนา แต่กลับเห็นสูหยิงขมวดคิ้ว มองมาที่ตัวเธอเองอยู่
——แย่แล้ว
เธอยังจำสิ่งที่ลู่เซิ่นพูดว่ายังไง ก่อนหน้านี้ได้
ถ้าหากต้องการที่จะปกป้องชีวิตการแต่งงาน ของเธอและลู่เซิ่นไว้ ก็จำเป็นจะต้องทำให้ทั้งสองคนดูเหมือน รักกันอย่างดูดดื่ม และลึกล้ำดั่งน้ำทะเล
ในทางกลับกัน เมื่อสูหยิงพบความจริง เกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างทั้งสองคน ลู่เซิ่นก็ถูกให้หย่ากับฉินซีในทันที
คำพูดของสูหวั่น……ดูเหมือนจะไม่ใช่การเหน็บแนมตัวเธอเองอย่างเดียว แต่ยังเป็นกับดักอีกด้วย
ถ้าตอบไม่ดี ก็กลัวว่าสูหยิงจะค้นพบเบาะแสบางอย่าง
……เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแค่การแต่งงานปลอมๆ ทำไมมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้……
ฉินซีก็กล้าแค่ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ บนใบหน้ายังคงต้องยิ้มให้กับสูหวั่น,“เธอพูดตลกแล้ว ฉันก็แค่คิดว่าความเคยชินของลู่เซิ่นมีเยอะมาก ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนถึงจะดีน่ะ”
เป็นไปไม่ได้ที่สูหวั่นจะยอมปล่อยเธอไปอย่างแน่นอน แล้วก็ถามต่ออีกว่า“เธอพูดอะไรก็ได้ แค่นี้ก็โอเคแล้ว!”
ฉินซีก็พูดอย่างหมดหนทาง“ลู่เซิ่นเขา……ตารางงานของเขาค่อนข้างจะสม่ำเสมอ เข้างานเก้าโมง เลิกงานห้าโมง และไม่ค่อยไปคบค้าสมาคมสักเท่าไหร่ แต่จะมีประชุมบ่อยๆ ถ้าเธอเป็นผู้ช่วยของเขา ก็จะไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ แต่อาจจะต้องทำงานล่วงเวลา อาจจะต้องทำถึงเที่ยงคืนเลยก็ได้ ถ้าตื่นนอนในตอนเช้า ก็ต้องดื่มกาแฟดำ เมล็ดกาแฟต้องเป็นชนิดที่ขนส่งมาจากอเมริกาใต้ ต้องไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล หลังจากดื่มกาแฟเสร็จ อาหารเช้าจะเป็นอาหารจีน ไม่ใช่อาหารตะวันตก แต่ว่าพวกนี้ไม่ต้องให้ผู้ช่วยเป็นคนเตรียม เขามักจะทานที่บ้าน แล้วก็……”
ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้ นับมันจริงๆ ฉินซีก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย ว่าตัวเธอเองก็รู้เรื่องเกี่ยวกับลู่เซิ่นมากมายอยู่เหมือนกัน
หนึ่งปีที่พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด ผลลัพธ์ก็คือ เหลือร่องรอยของลู่เซิ่นให้เธอจำ
สูหวั่นในตอนแรก ตั้งใจจะทำให้ฉินซีรู้สึกลำบากใจ แต่ไม่คิดว่า เธอจะพูดรายละเอียดได้ยาวขนาดนี้ได้จริงๆ ตอนแรกเธอแค่สนใจลู่เซิ่น แต่เมื่อยิ่งฟังยิ่งหลงใหล อยากที่จะหยิบสมุดออกมาจดบันทึกมันลงไปเลยทีเดียว
ทางด้านของสูหยิง ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในตอนแรกเธอคิดว่านางจิ้งจอกตัวนี้ ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ไม่คาดคิดว่าจะใส่ใจกับลูกชายของเธอจริงๆ
ลู่เซิ่นเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลลู่ ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกประคบประหงมจนโต ขาดไม่ได้ที่จะมีนิสัยจู้จี้จุกจิก เรื่องมากบ้าง สูหยิงที่รู้สิ่งเล็กสิ่งน้อยของเขา ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อได้ฟังปัญหาเล็กๆ น้อยๆ จากปากของคนอื่น เมื่อนับแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แล้วก็ทอดหายใจอยู่ครู่หนึ่ง……ลูกชายของเธอได้แต่งงานแล้วจริงๆ มีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว
ความคิดที่คอยจับผิดในตอนแรกของเธอ ก็ค่อยๆ หายไป แล้วฟังคำพูดของฉินซีอย่างเงียบๆ
“ถ้าเธอพูดต่ออีกสิ เกรงว่าจะต้องบอกด้วยว่า ฉันชอบชุดชั้นในประเภทไหนด้วยนะ”
ในตอนนั้นเอง ทางด้านฉินซีก็ถูกขัดจังหวะโดยลู่เซิ่น ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
เขายืนอยู่บนบันได คำพูดที่พูดออกมาไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ แต่สีหน้ากลับอ่อนโยนมากๆ
“ฉัน……รู้ว่าสิ่งไหนควรพูด สิ่งไหนไม่ควรพูดนะ!”ฉินซีหันหน้าไป ประท้วงเขา
“เหอะ”ลู่เซิ่นพูดอย่างขอไปที เดินเข้าไปอยู่ข้างๆ เธอ แล้วเงยหน้ามองสูหยิง“แม่ครับ ห้องของผมทำความสะอาดเรียบร้อยหรือยัง?”
สูหยิงที่เรียกสติกลับคืนมาได้ ก็พยักหน้า“ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ห้องรับรองแขกก็ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะให้คนรับใช้พาพวกเธอไป”
“ห้องรับรองแขก?”ลู่เซิ่นสงสัย“แม่ทำความสะอาดห้องรับรองแขกทำไม?สูหวั่นจะพักที่นี่เหรอ?”
สูหยิงกลับไม่พูดอะไร เพียงแค่มองไปทางฉินซีที่อยู่ข้างๆ เขา
ลู่เซิ่นเกือบจะหัวเราะออกมา ราวกับว่าสูหยิงกำลังทำเรื่องอะไรตลกๆ อยู่“แม่ครับ ฉินซีเป็นภรรยาของผม พวกเราสองคนแต่งงานกันแล้วนะครับ แม่จะให้เธอไปนอนที่ห้องรับรองแขกเหรอ?”
สูหยิงตอบเสียงแข็ง“ทำไม?เมื่อก่อนลูกบอกว่า เตียงในห้องของลูกไม่ใหญ่พอ แค่ตัวเองนอนก็ไม่พอแล้ว ยังจะนอนกันสองคนอีกเหรอ?”
ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว“แม่ครับ ผมนอนกอดภรรยานอน ไม่ต้องใช้พื้นที่อะไรมากมายหรอก”
สูหยิงไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะพูดตรงไปตรงมา เธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ และไม่พูดอะไร
ฉินซีตกใจกับความไร้ยางอายของลู่เซิ่น พลาดโอกาสที่จะแสดงจุดยืนของเธอ ก็ถูกลู่เซิ่นดึงมือเดินขึ้นบันไดทันที
“สิ่งที่พวกคุณพูด ก็พูดกันไปหมดแล้ว พวกเราขอตัวไปพักผ่อนก่อน”
ลู่เซิ่นพยักหน้าให้แม่ของเธอ และไม่ได้มองไปที่สูหวั่น แล้วจับมือฉินซีขึ้นไปชั้นบน
สูหยิงมองไปที่ด้านหลังของคนสองคนที่จากไป อารมณ์ที่เพิ่งจะสงบลงไปเมื่อกี้ กลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
ก็ยังคงเป็นนางจิ้งจอก!
เรื่องงานแต่งงาน เธอไม่เคยเห็นด้วย!
ลู่เซิ่นดึงฉินซีให้เดินเข้ามาในห้อง หลังจากที่ปิดประตู รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป
“คุณนายลู่ ผมคิดว่าคุณมีหลายเรื่อง ที่ต้องอธิบายให้ผมฟัง”ลู่เซิ่นดึงเนคไทของตัวเองออก อย่างช้าๆ
แค่ฉินซีมองสายตาเขา ก็รู้ว่าลู่เซิ่นต้องการจะทำอะไร ก็ตกตะลึงทันที“ลู่เซิ่น นี่เป็นบ้านของคุณนะ!”
ลู่เซิ่นยักไหล่อย่างไม่แยแส แล้วปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกออก“เป็นบ้านผมแล้วยังไงเหรอ?ฉนวนกันเสียงบ้านผมก็ไม่เลวเลยนะ”