บทที่ 840 ทำไมถึงแต่งงานกับคุณ
แต่ไหนแต่ไรทนายความจ้าวก็เป็นคนที่น่าเชื่อถืออย่างว่า เขาหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าทำงาน “ขั้นตอนต่าง ๆ ดำเนินการใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ลองดูเอกสารพวกนี้ แล้วก็เซ็นชื่อตรงนี้ หลังจากช่วงเวลาประกาศผ่านไปไม่กี่วันการโอนหุ้นจะเสร็จสมบูรณ์”
ฉินซีพยักหน้า จากนั้นก็ก้มอ่านเอกสารในมืออย่างละเอียด
เงื่อนไขไม่ซับซ้อนเพราะว่าพินัยกรรมที่แม่ของเธอเหลือเอาไว้ให้นั้นเรียบง่ายมาก ดังนั้นเนื้อหาส่วนใหญ่ในเอกสารจึงกล่าวประมาณว่าการแต่งงานของเธอนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขของการรับมรดก
ฉินซีรู้ดีว่าหลังจากเอกสารฉบับนี้เผยแพร่ออกมา การแต่งงานระหว่างเธอกับลู่เซิ่นจะถูกเปิดเผยอย่างทะลุปรุโปร่ง
อะไรที่เรียกกันว่าชนชั้นสูงนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่าวงแคบ ๆ ข่าวร้อนแรงขนาดนี้เดาได้ว่าจะต้องกระจายออกไปในทันที
เธอไม่กลัวปัญหา เพียงแต่…
หากลู่เซิ่นเห็นเข้า ก็คงจะเดาออกว่าทำไมเธอถึงแต่งงานกับเขา..
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉินซีก็อดรู้สึกปวดหัวหน่อย ๆ ไม่ได้
เธอยังคิดหาโอกาสอธิบายเรื่องนี้ให้ลู่เซิ่นฟังอย่างชัดเจนไม่ได้เลย แต่เธอแน่ใจว่าการที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมาด้วยตัวเองน่าจะดีกว่าให้ลู่เซิ่นรู้หลังจากเห็นเอกสารพวกนี้มาก
ดูเหมือนว่าทนายความจ้าวจะมองออกว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยจะดี จึงพูดออกมาว่า “เป็นอะไรไป มีข้อไหนไม่ถูกต้องอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่มีค่ะ” ฉินซีส่ายหน้า
จะให้พูดเรื่องแบบนี้กับคนนอกได้ยังไง
หลังจากที่เธอยืนยันรายละเอียดบางส่วนกับทนายความจ้าวเรียบร้อยแล้วก็เซ็นชื่อลงไปบนเอกสาร
ทนายความจ้าวค่อนข้างที่จะรีบ เขารับเอกสารแล้วจากไปทันที ฉินซีมองเห็นว่าท้องฟ้ายังคงสว่าง จึงไม่ได้กลับบ้าน จากนั้นก็นั่งอยู่ในร้านกาแฟพักใหญ่
ทำเลของร้านกาแฟดีมาก เกือบจะหันหน้าค่อนไปทางรีสอร์ทชิงหยวน ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่ชื่นชมในชื่อเสียงของผู้อื่นมาเที่ยวชมรีสอร์ทชิงหยวน ฉินซียังได้ยินช่างภาพคุยกันว่าถ่ายมุมไหนของกำแพงด้านนอกรีสอร์ทชิงหยวนจะดีกว่ากัน
แต่เดิมที่นี่ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้น
รีสอร์ทชิงหยวนเคยเป็นบ้านใหญ่ของตระกูลฉิน และเป็นที่ที่เธอเคยมาพักอยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนตอนที่เธอยังเป็นเด็กและเรียนหนังสืออยู่
ร้านกาแฟร้านนี้เองก็เปิดมานานหลายปีแล้ว เมื่อก่อนพื้นที่แห่งนี้อยู่แถบชานเมือง ดังนั้นจึงมีลูกค้าน้อยมาก ทุกครั้งที่ฉินซีผ่านมาก็มักจะสงสัยอยู่เสมอว่าทำไมมันถึงยังไม่ปิดกิจการไปอีก
ทว่าหลังจากที่คุณปู่เสียชีวิต ฉินซึ่งเทียนก็รู้สึกรังเกียจพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญเช่นนี้ เขาจึงซื้อที่อยู่ใหม่ใจกลางเมือง แล้วไม่กลับมาที่นี่เอง
ฉินซีเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะกลับมาเช่นกัน
ที่บ้านใหญ่ของตระกูลฉินไม่มีคนอยู่แล้ว พวกคนรับใช้ก็ทยอยถูกไล่ออก บ้านหลังนี้จึงค่อย ๆ ถูกทิ้งร้าง
จนกระทั่งเมื่อหนึ่งปีก่อนมีคนเสนอซื้อมาด้วยราคาที่สูงลิ่ว ตอนนั้นธุรกิจของฉินซึ่งเทียน ก็กำลังมีปัญหาพอดี เขาจึงขายมันไป
ฉินซีมารู้ทีหลังว่าบ้านถูกขายไปแล้ว แต่กลับไม่มีใครสนใจเรื่องที่เธอไม่เต็มใจ ความเห็นของเธอถูกมองข้ามไปอย่างไม่ไยดี
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กลายเป็นภาพฉากแบบนั้นไปแล้ว
ทันใดนั้นเองฉินซีที่กำลังใจลอยก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้าง ๆ
“กลับมาแล้ว! เร็ว รีบถ่ายเร็วเข้า!”
ความตื่นเต้นแบบนี้เธอคุ้นเคยดีจนไม่รู้ว่าจะคุ้นเคยได้มากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว
ทันทีที่ได้ยินก็รู้เลยว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพของเธอ
ยากมากที่เรื่องที่รีสอร์ทชิงหยวน ถูกซื้อโดยเศรษฐีลึกลับและสร้างคฤหาสน์หลังงามเป็นเลิศขึ้นใหม่จะไม่ดึงดูดพวกปาปารัสซี่หนังสือพิมพ์ ฉินซีรู้ดีว่าในทุก ๆ วันมีจะปาปารัสซี่ตั้งมากมายเท่าไหร่ที่เอาแต่ไล่ตามพวกคนรวยไม่ยอมปล่อย เมื่อไหร่ที่ถ่ายภาพอะไรออกมาได้ นั่นก็นับได้ว่าเป็นตัวทำเงินแล้ว
ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าของที่ร่ำรวยเช่นนี้จะดึงดูดความสนใจของพวกเขา
เธอเงยหน้ามองประตูใหญ่ของรีสอร์ทชิงหยวนที่ถูกเปิดออก รถของลู่เซิ่นขับเข้าไปข้างใน จากนั้นประตูก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว
ปาปารัสซี่ที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง “ทำไมถึงถ่ายได้ไม่ชัดเลยนะ…”
ฉินซีแอบพูดในใจว่า ถึงแม้ว่าจะถ่ายชัด แต่ลู่เซิ่นก็มีวิธีที่จะทำให้พวกคุณไม่สามารถแพร่กระจายรูปพวกนั้นออกไปได้อย่างแน่นอน
ทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอย่างเงียบ ๆ
ฉินซีเข้ามาทางประตูข้าง ดังนั้นเธอจึงมาถึงช้ากว่าลู่เซิ่นเล็กน้อย
หลังจากผ่านคืนวานที่ต้องพลิกไปพลิกมาได้แล้ว สีหน้าของลู่เซิ่นก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นฉินซีกลับมา ก็เอ่ยถามว่า “วันนี้ไม่สบายไม่ใช่เหรอ ยังจะออกไปข้างนอกอีก”
ทุกคนรอบข้างต่างรู้ว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ใบหน้าของฉินซีร้อนผ่าว ก้มหน้าตอบแบบขอไปที จากนั้นก็นั่งลงเพื่อเตรียมรับมื้อเย็น
สีหน้าของลู่เซิ่นก็ดูดีไม่น้อย ถ้าอย่างนั้น…หรือว่าเธอควรที่จะพูดวันนี้เลยดี
ฉินซีรู้ว่าประสิทธิภาพในการทำงานของทนายความจ้าวสูงมาก ไม่แน่ว่าอาจจะมีประกาศออกมาภายในวันพรุ่งนี้
ดังนั้นเธอจึงต้องคว้าสิทธิ์ในการริเริ่มนี้เอาไว้
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนั้น แต่ฉินซีก็ยังคงอืดอาด รอจนทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ยังไม่ได้เปิดปากพูด
“เป็นอะไรไป”
ท้ายที่สุดลู่เซิ่นก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเธอ จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาด้วยตัวเอง
ฉินซีเงยหน้ามองเขา
ลู่เซิ่นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ โคมไฟคริสทัลที่อยู่ในห้องอาหารไม่ได้สว่างจ้า จึงส่องสะท้อนให้โครงร่างของเขาดูนุ่มนวลอยู่หลายส่วน
พอมองเข้าไปข้างในแววตา ก็เหมือนว่าจะมองเห็นความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้พานพบมาก่อน
การใช้คำว่าอ่อนโยนมาอธิบายลู่เซิ่นนั้นโดยธรรมชาติแล้วเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะอ้อมค้อมไม่รื่นหู ทว่าตอนนี้ฉินซีกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น เธอถูกความนุ่มนวลในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้มอมเมา จึงปล่อยทิ้งความลังเลในหัวใจ และเอ่ยปากพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม
“คุณเคยถามใช่ไหมคำว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณ”
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ถึงว่าฉินซีจะยกหัวข้อนี้ออกมาพูด สีหน้าของลู่เซิ่นจึงเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เขาลุกแล้วเดินขึ้นไปด้านบน
“ขึ้นไปคุยกันข้างบน”
ฉินซีเพิ่งจะรู้สึกตัวว่าที่ห้องอาหารมีคนรับใช้อยู่เยอะเกินไป ตอนนี้เธอไม่คิดอยากจะเป็นอะไรที่พวกเขาเรียกกันว่า “ความลับของพวกคนรวย”
ด้วยเหตุนี้เธอจึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินตามลู่เซิ่นไป
ชุดสูทของลู่เซิ่นเรียบลื่น ท่วงท่าการเดินส่งพลัง การเดินตามจากข้างหลังทำให้มองเห็นช่วงไหล่กว้างของเขา ทำให้ฉินซีรู้สึกปลอดภัยขณะที่จมอยู่ในภวังค์
ทันใดนั้นฉินซีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ตอนที่เธอมาที่นี่ครั้งแรกการจัดแต่งของบ้านหลังนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากตอนนี้มาก เพียงแต่ตัวเธอในตอนนั้นตกอยู่ในที่นั่งลำบากยิ่งกว่าตอนนี้มาก
วันนั้นฝนตกหนัก การที่ได้รู้ว่าบ้านใหญ่หลังเก่าของตระกูลฉินถูกขายออกไปแล้วกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฉินซีฉินซึ่งเทียน แตกหักกัน เธอเก็บกระเป๋าออกมาจากตระกูลฉิน ในชั่วขณะก็ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน
เธอมีเงินสดในมือไม่มาก บัตรทุกใบก็ถูกฉินซึ่งเทียน อายัดไปหมดแล้ว ทำได้เพียงหาโรงแรมถูก ๆ เพื่อนำของไปเก็บไว้เป็นการชั่วคราว
เห็นได้ชัดว่าเป็นช่วงปลายฤดูร้อนแล้ว ทว่าฝนกลับตกหนักทั้งวันไม่ยอมหยุด ฉินซีนั่งมองดูฝนจากข้าง ๆ หน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมบ้านเก่าของตระกูลฉิน
ในช่วงเวลานั้นเธอยุ่งอยู่กับการดูแลแม่ แทบไม่รู้ข่าวสารบ้านเมืองอะไรเลย ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้เกี่ยวกับการทำการค้าที่ดังสะท้านฟ้าสะเทือนเมืองนี้ และแม้ว่าตอนนี้ถึงเธอจะรู้แล้ว แต่สถานการณ์ก็เดินมาถึงจุดที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้นานแล้ว
ทว่าเธอก็ยังอยากจะกลับไปดู
บ้านเก่าของตระกูลฉินไม่นับว่าเป็นสถานที่ที่หรูหราอะไร ทำเลที่ตั้งก็ไม่ค่อยจะดี ทว่ากลับมีความทรงจำเกี่ยวกับครอบครัวของเธออยู่ไม่น้อย
ตอนที่เธอยังเด็ก ฉินซึ่งเทียนกับแม่ของเธอนับได้ว่ารักกันมาก บางทีความรักนี้อาจเป็นเพียงภาพลวงตามาตั้งแต่แรก แต่สำหรับฉินซีแล้วในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เจอจะได้เห็นรอยยิ้มของพ่อแม่ในช่วงมื้อเย็นของทุก ๆ วัน
ตอนที่คุณปู่ของฉินซียังมีชีวิต เขาเป็นคนในครอบครัวที่ฉินซีรักมากที่สุด ตอนที่เขาเล่นกับฉินซี เขาก็เป็นแค่เด็กโค่งจอมซุกซนคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้ก่อตั้งบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปที่ผู้คนในวงการธุรกิจเคารพนับถือ
ฉินซึ่งเทียนสามารถขายบ้านหลังนี้ได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น บางทีอาจเป็นเพราะสำหรับเขาแล้วช่วงเวลาที่เคยอยู่ที่นี่ไม่เคยมีความหมายอะไรเลย
ทว่าฉินซีกลับยังอยากดูอีก