flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 839 ยังคงมีโอกาสไม่ใช่เหรอ

บทที่ 839 ยังคงมีโอกาสไม่ใช่เหรอ

หซู่หนานจับจ้องไปที่บรรทัดสุดท้าย

“บัญชีที่ใช้ดำเนินการเป็นของผู้ช่วยของลู่เซิ่นจากบริษัทลู่ซื่อ ”

ถึงแม้ว่าจะไม่คาดคิดยังไง แต่เขาก็ยังถูกข้อสรุปนี้ทำให้ตกใจมากอยู่ดี

เขามองออกถึงความสัมพันธ์ของลู่เซิ่นกับฉินซี แต่ไม่คิดว่าจะยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อช่วยเหลือกันแบบนี้

หซู่หนานคิดว่าตัวเองค่อนข้างที่จะรู้จักฉินซีดี เธอไม่ใช่คนหยิ่ง แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะขอความช่วยเหลือใครแบบลวก ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเงินจำนวนมากขนาดนี้

เขาจับโทรศัพท์ไว้แล้วจมดิ่งเข้าไปอยู่ในห้วงความคิด

ถ้าอย่างนั้นแล้ว…ทำไมลู่เซิ่นถึงได้ไม่ปกปิดร่องรอยทั้งหมดของตัวเองกันล่ะ

เขารับรู้ได้ถึงความยั่วยุจากคำว่า “ลู่เซิ่น” อย่างชัดเจนได้โดยสัญชาตญาณ

ดูเหมือนว่าความจริงแล้วลู่เซิ่นจะไม่ได้กลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินซีจะถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณะ ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะปิดบังมัน

คิดถึงตรงนี้แล้ว อยู่ ๆ หซู่หนานก็รู้สึกถึงความเสียใจที่ทำให้หายใจไม่ออก

คนที่จากไปโดยไม่บอกลาก็คือฉินซี คนที่ใช้วิธีนี้แยกพวกเราสองคนออกจากกันก็คือฉินซี คนที่ทิ้งให้หซู่หนานตามหาอย่างกระวนกระวายก็คือฉินซี

ทว่าเขาไม่เคยลืมเธอได้เลย

พอคิดถึงว่าหลังจากนี้ฉินซีจะกลายเป็นของผู้ชายคนอื่นโดยสมบูรณ์แล้ว ความรู้สึกที่โถมทะลักออกมาไม่รู้ว่าเป็นความโกรธหรือว่าความเจ็บปวดเป็นแน่

ทั้งผู้ชายคนนั้นยังเป็นลู่เซิ่น

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่หลงตัวเองมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกว่าตัวเองดีไปกว่าลู่เซิ่น

คนที่เพียงเกิดมาก็สามารถยืนอยู่บนยอดของพีระมิดคนนั้น คนอื่น ๆ ก็ทำได้แค่หงายหน้าขึ้นมอง

การที่จะแย่งชิงคนของเขามา…ก็ไม่ต่างอะไรกับการเพ้อฝัน

เพียงแต่…

ทันใดนั้นหซู่หนานก็เงยหน้าขึ้น

เขายังจำได้ดีว่าฉินซีแนะนำตัวลู่เซิ่นยังไง

เธอไม่ได้บอกว่า “แฟนของฉัน” และไม่ได้บอกว่า “สามีของฉัน” เพียงแค่พูดชื่อของเขาออกมาอย่างง่าย ๆ เท่านั้น

ดูเหมือนว่าการปฏิบัติของทั้งสองคนยังค่อนข้างที่จะคลุมเครือ ความรู้สึกของทั้งสองคนก็ดูไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น

ไม่มีใครสามารถแย่งชิงของของลู่เซิ่นได้ แล้วถ้าฉินซีไม่ใช่คนของลู่เซิ่นล่ะ

ถ้าอย่างนั้นเขา…ก็ยังคงมีโอกาสไม่ใช่เหรอ

ขณะที่หซู่หนานกำลังล่องลอยอยู่ในจินตนาการ ชีวิตของฉินซีกลับไม่ได้ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเช่นนั้น

ตอนที่เธอที่ลู่เซิ่นเอาไว้คนเดียวแล้วหนีออกมาจากสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วน ก็รู้ได้ทันทีว่าถ้าตัวเองกลับไปแล้วจะต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าเย็นชาของลู่เซิ่นอย่างแน่นอน

ฉินซีที่ยืนอยู่ตรงหน้าอ่างล้างมือเกิดความคิดชั่ววูบที่อยากจะหนีออกไป แต่จนใจที่ว่ากระเป๋าของเธอยังวางอยู่ที่โต๊ะ และในนั้นก็ยังมีเมมโมรี่การ์ดของเธออยู่…

พอคิด ๆ ดูแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสร้างกำลังใจให้ตัวเองและกลับไปที่โต๊ะด้วยความกล้าหาญ

แน่นอนว่าลู่เซิ่นกลับมาถึงนานแล้ว เมื่อพนักงานที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเธอกลับมาแล้วก็ยกมือส่งสัญญาณให้พนักงานที่ยืนอยู่ไกล ๆ ยกอาหารมาเสิร์ฟ

หลังจากยุ่งอยู่พักใหญ่ เมื่ออาหารทุกอย่างพร้อม สถานการณ์ที่โต๊ะก็กลับไปเงียบเหมือนเดิมอีกครั้ง

ลู่เซิ่นยกตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อปลา และส่งมันเข้าปากอย่างสง่างาม

แต่ไหนแต่ไรมาเขาเป็นต้นแบบของมารยาทบนโต๊ะอาหารมาโดยตลอด จึงไม่พูดคุยเวลากินข้าว ฉินซีที่คิดจะหยั่งเชิงอารมณ์ของเขาก็ไม่ได้เปิดปากพูดเช่นกัน เพียงแต่ก้มหน้าก้มตากินเงียบ ๆ

ต้องพูดว่าสมเหตุสมผลแล้วที่ร้านอาหารนี้จะต้องมีการจองล่วงหน้า กับข้าวไม่กี่อย่างนี้ทำได้ถูกปากเธออย่างมาก

ฉินซีชอบรสหวานกับรสเผ็ด เธอสามารถกินอาหารเจียงหนานกับอาหารเสฉวนได้ แต่เธอไม่ค่อยชอบอาหารที่มีรสเค็มจัดสักเท่าไหร่ ร้านอาหารนี้ไม่มีสิ่งที่เธอไม่ชอบพวกนั้นพอดี อาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานสองสามจานนี้ทำให้เธออดที่จะหยุดกินไม่ได้

“นั่น…ฝากบอกหลินหยังด้วยว่าอาหารที่เขาสั่งถูกปากฉันมาก ขอบคุณค่ะ”

ฉินซีคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็เลือกหัวข้อที่ปลอดภัยมาเพื่อเปิดบทสนทนา

หลินหยังก็คือผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายลู่เซิ่น เมื่อกี้นี้เขาเองก็มากับพวกเธอด้วย อาหารพวกนี้น่าจะเป็นเขาที่เป็นคนสั่งมา

ลู่เซิ่นเงยหน้ามองเธอ จากนั้นก็ก้มหน้าต่อโดยไม่พูดอะไร

“ถ้าอย่างนั้น…เดี๋ยวฉันไปบอกเขาเองก็ได้ค่ะ” เมื่อไม่ได้ยินคำตอบจากลู่เซิ่น ฉินซีจึงยกมือขึ้นลูบจมูก แล้วหัวเราะออกมาแหย ๆ

หลินหยังนั่งอยู่ไม่ไกลพวกเขานัก จึงได้ยินคำพูดของทั้งสองคนอย่างชัดเจน

เขาห่อไหล่เล็กลง

ไม่ต้องขอบคุณผม…

คุณชอบกินอะไร เจ้านายก็เป็นคนบอกผมเองทั้งหมด

แม้แต่ร้านอาหารร้านนี้ เจ้านายที่เป็นคนเลือก

กฎข้อแรกของการเป็นสุดยอดพนักงานก็คือจะต้องไม่แย่งความดีความชอบมาจากเจ้านายของตัวเอง

แน่นอนว่าฉินซีไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ เพียงเห็นว่าลู่เซิ่นยังคงไม่ยอมพูดจึงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าสีหน้าที่ดื้อรั้นของลู่เซิ่นนั้นก็คือ…ความโกรธ

“ผู้ชายตัวโตอะไรเอาแต่โกรธ ๆ ทั้งวัน” ฉินซีพึมพำเสียงเบา

เพียงแต่ว่าภายในร้านอาหารนั้นเงียบมาก เสียงพึมพำนี้ของเธอจึงดังพอ ๆ กับการพูดข้างหูเขา

ฉินซีรีบเงยหน้าขึ้นมอง ทว่าลู่เซิ่นยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

ฉินซีชักเริ่มรู้สึกร้องไห้ไม่ออก

ถึงแม้ว่า…เรื่องนี้เธอจะเป็นคนผิดจริง ๆ ลู่เซิ่นน่าจะกังวลที่เธอหายไปตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ยอมกลับมาสักทีก็เลยลุกขึ้นไปตามด้วยตัวเอง ดังนั้นการที่เธอทิ้งเขาเอาไว้ตรงนั้นแล้ววิ่งหนี ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะผิดศีลธรรมอยู่สักหน่อย แต่ว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือ…เธอง้อคนไม่เป็นจริง ๆ!

เธอเคยมีความรักแค่ครั้งเดียว ทว่านิสัยของหซู่หนานกับลู่เซิ่นนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธอกับหซู่หนานทะเลาะกันน้อยมาก และส่วนมากก็เป็นเขาที่เป็นฝ่ายง้อเธอ

ไม่เหมือนคนที่ขยับนิดขยับหน่อยก็ทำหน้าดำคร่ำเครียดตรงหน้าเธอ

เฮ้อ…ฉินซีลอบถอนหายใจอยู่ในอก

ช่างเถอะ ช่างเถอะ ลู่เซิ่นคนนี้ เจ้าอารมณ์ไปสักหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดา

ลู่เซิ่นที่แข็งแกร่งทนทานเช่นนั้น เธอจะไปมีความสามารถเอาอกเอาใจเขาให้กลับมาได้ยังไง…

ฉินซีไม่รู้ว่าการเกาหูและแก้มนี้ของเธอถูกลู่เซิ่นเห็นหมดแล้ว

ความไม่พอใจที่ฉินซีแนะนำเขาอย่างขอไปทีเมื่อกี้นี้หายไปไม่น้อยแล้ว

ทว่าเขายังคงแสดงสีหน้าแบบเดิม วัตถุประสงค์หลัก ๆ ก็เพราะว่า…

เขาอยากจะเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วฉินซีจะใช้ลูกไม้อะไรมาหลอกล่อเขา

แน่นอนว่าฉินซีไม่สามารถมองทะลุถึงเจตนาที่ “ชั่วช้า” ของลู่เซิ่นได้

ว่าจะพูดยังไงถ้าไม่มีลู่เซิ่นเรื่องจดหมายขู่ก็คงไม่สามารถจัดการได้อย่างราบรื่นเช่นนี้แน่

อยู่ ๆ เธอก็ทำให้ผู้มีพระคุณโมโหแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก

หลังจากที่ฉินซีครุ่นคิดอยู่นาน ก็พูดออกมาอย่างกับอับอายว่า “วันนี้คุณ…จะกลับมานอนที่บ้านไหมคะ”

เธอก้มหน้าพูดเสียงเบา จึงมองไม่เห็นแววตาที่มืดลงไปชั่วขณะของลู่เซิ่น

คำพูดเป็นนัยของฉินซีนี้…ชัดเจนจนเกินไป

“อืม”

ลู่เซิ่นที่ทำตัวเย็นชาอยู่ครึ่งค่อนวัน ในที่สุดก็ยอมเปิดปากทองคำแล้ว

ฉินซีที่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงตอบรับจากเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

แน่นอนว่าเธอรู้ดีว่าการทดสอบที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือคืนนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นฉินซีที่กำลังนอนอยู่บนเตียงและไม่อยากจะขยับตัวอยากจะกลับไปตบตัวเองเมื่อวานนี้มาก

ตอนที่ใบหน้ามืดครึ้มนั้นของลู่เซิ่น “ลงมือ” ช่างเหี้ยมโหดมาก

ทำไมเธอถึงไม่เคยจำกันนะ!

เธอพักผ่อนในบ้านอยู่ครึ่งค่อนวัน กว่าจะนึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

จึงยื่นมือออกไปคว้าโทรศัพท์ จากนั้นก็กดหมายเลขแล้วโทรออก “ทนายความจ้าว วันนี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหมคะ”

โชคดีที่วันนี้ทนายความจ้าวต้องออกไปทำธุระในช่วงเช้า ตอนบ่ายเลยสามารถแวะมาที่นี่ได้พอดี จึงป้องกันไม่ให้ฉินซีต้องไปเผชิญเคราะห์กรรมอยู่บนท้องถนน

ตอนที่ทนายความจ้าวมาก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว ฉินซีคิดไปคิดมาจึงนัดเจอเขาที่ร้านกาแฟใกล้บ้าน

ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็อยู่ในพื้นที่ของลู่เซิ่น เธอไม่มั่นใจว่าการให้คนอื่นเข้ามาที่บ้านจะทำให้ลู่เซิ่นกลับมาหน้าดำคร่ำเครียดอีกหรือเปล่า

ถ้าเกิดไปทำให้ลู่เซิ่นหงุดหงิดขึ้นมาอีก เธอก็คงรับไม่ไหวแล้ว…

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset