บทที่ 435 ดื่มด่ำห้วงแห่งความรัก
ตอนกลางคืน เวินจิ้งเห็นมู่วี่สิงหิ้วถุงมาด้วย ยื่นหัวออกมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณเอาอะไรมาฝากฉันเหรอ?” เวินจิ้งถามอย่างประหลาดใจ
“ชุดงานเลี้ยง”
“ ? ” เวินจิ้งงงแล้ว
“พรุ่งนี้คุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ คืนนี้ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนกับผมนะ หืม?”
“งานเลี้ยงอะไรคะ”
“งานเลี้ยงเปิดบริษัทใหม่ของมู่เหิง”
เวินจิ้งขมวดคิ้ว พูดออกมาโดยไม่ทันคิด “ไม่ใช่ว่าคุณจะไปล้มงานเลี้ยงนะ”
มู่วี่สิงยิ้ม “ทำไมอยากเห็นผมล้มงานเขาเหรอ?”
เวินจิ้งขบริมฝีปาก เธอเคยเห็นฝีมือของมู่วี่สิง คิดไม่ถึงว่าภายนอกมีลักษณะที่อ่อนโยน ข้างในดุร้ายไม่น้อย
แต่เธอชอบตัวตนแบบนี้ของมู่วี่สิง
“แน่นอนว่าอยากเห็น” เวินจิ้งพยักหน้าด้วยความจริงใจ แต่ว่าเธอก็เพียงแต่พูดเล่นเท่านั้น
“ในที่สุดพรุ่งนี้ก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว วันหยุดของฉันจะจบลงแล้ว รู้สึกเสียดายนิดหน่อย” เวินจิ้งรับของขวัญไปด้วยพูดไปด้วย
อยู่ที่นี่กินดีอยู่ดีหลับดี การบริการทางการแพทย์ชั้นนำ หากไม่สบายก็รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย เธอไม่รู้สึกสักนิดเลยว่าตัวเองกำลังพักฟื้นอยู่
“ทำไม ยังอยากจะอยู่ต่อที่นี่เหรอ?” มู่วี่สิงเยอะเย้ยเธอ
“ไม่เอาแล้วไม่เอาแล้ว ฉันต้องรีบหายดีขึ้นมา” เวินจิ้งรีบส่ายหัวทันที
เธอยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ไม่อยากเอาเวลามาเสียกับโรงพยาบาลอีกต่อไป
“ฉันไปลองของขวัญนะ” เวินจิ้งที่จะลงจากเตียงแล้วเข้าไปในห้องน้ำ
มู่วี่สิงกลับหยุดเธอไว้ เดินไปถึงประตูแล้วปิดมันไว้ เดินไปปิดผ้าม่านทั้งหมด
“ลองที่นี่เหรอ”
เวินจิ้งรู้สึกเขินอาย จ้องมองสายตาของมู่วี่สิง อยู่ที่นี่……คุณก็เห็นหมดนะสิ……
ไม่ได้ไม่ได้
เวินจิ้งไม่ฟังคำพูดของเขา รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
แต่เธอรีบจนลืมใส่รองเท้า เกือบจะล้มหัวฟาดพื้น
มู่วี่สิงม้วนตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแน่นหนา เสียงลูบคลำดังขึ้นเหนือศีรษะ “จิ้งจิ้ง ถ้าจะประมาทแบบนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลผมจะพาคุณกลับการ์เด้นมูเจียวาน”
เวินจิ้ง……
ขาดสติ มู่วี่สิงคุกเข่าลงไปแล้ว ช่วยเธอใส่รองเท้าให้เรียบร้อย
“เปลี่ยนที่นี่แหละ ไม่อยากมองผม ผมก็ไม่มอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกไปที่ระเบียง พร้อมปิดประตูไว้
เวินจิ้งเห็นด้านหลังของมู่วี่สิง มุมปากก็ค่อยๆยิ้มออกมา
ขนาดของของขวัญกำลังพอดี สไตล์เป็นสีชมพูอ่อนๆ การออกแบบสายเดี่ยวเผยให้เห็นแขนทั้งสองข้าง ทำให้หุ่นของเธอดูผอมเพรียวบาง
เปิดประตูระเบียง มู่วี่สิงหันหน้ามา ในทันใดนั้น ดวงตาที่สง่าราศีวนเวียนไปมา
“สวยไหม?” เวินจิ้งมองไปที่มู่วี่สิงด้วยท่าทางงุนงง และหัวเราะเสียงดัง
“คุณนายมู่ต้องสวยแน่นอนอยู่แล้ว” มู่วี่สิงเดินเข้ามา ขณะที่เวินจิ้งเพิ่งจะยืนมั่น ทันใดนั้นก็ถูกรวบกอดที่เอวอันเพรียวบางของเธอ ตัวที่เอียงข้างผลักเธอไปที่ระเบียง
ใต้ดวงตาที่ลึกเข้าไปซ่อนความร้อนที่กำลังแผดเผาไม่อยู่ มือเขาจับไปที่ท้ายทอยของเธอ ริมฝีปากอันบอบบางจูบลงที่ใบหูของเธอ “คุณตั้งใจยั่วยวนผมเองนะ”
เวินจิ้งยิ้ม เธออ่อยที่ไหนละ……
ในห้องผู้ป่วยไม่มีกระจกเงา เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเธอเองเป็นอย่างไรบ้าง
กำลังที่จะพูด แต่มู่วี่สิงไม่ให้แม้กระทั่งโอกาส จูบลงไปอย่างแข็งกร้าว สูดลมหายใจของเวินจิ้งไปหมด
เขาก็จะแข็งแกร่งแบบนี้เสมอ ไม่ให้โอกาสเธอได้หลบหลีกบ้าง
ฝ่ามือประคองไว้หลังเอว แล้วค่อยๆขึ้น เวินจิ้งรู้สึกว่ามือของมู่วี่สิงลูบไปที่ตรงไหนก็เหมือนกับมีกระแสไฟช็อต ชาไปหมดทำให้เธอรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว
เมื่อปล่อยตัวเธอ เวินจิ้งก็รีบดันมู่วี่สิงออกไป
“คุณ……คุณนี่เกินไปแล้วนะ”
“นี่มันเกินไปเหรอ?” ในดวงตามู่วี่สิงได้ปรากฏถึงความอันตราย
เวินจิ้งเข้าใจเป็นอย่างดีถึงสายตาของเขา รีบอุ้มกลับไปบนเตียง “ฉันยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ฉันยังเป็นผู้ป่วยนะ คุณก็จะแกล้งฉันแล้วเหรอ”
มู่วี่สิงม้วนริมฝีปาก “ผมยังไม่ได้เริ่มแกล้งคุณ”
แก้มของเวินจิ้งแดงระเรื่อในทันที……
วันรุ่งขึ้นเวินจิ้งออกจากโรงพยาบาล หลินเวยและหลิงเหยามาพร้อมกัน มู่วี่สิงทำการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อย แล้วก็อยู่แต่ในห้องสำนักงาน
เมื่อนึกถึงตอนที่เธอปฏิเสธมู่วี่สิงที่จะกลับไปที่การ์เด้นมูเจียวาน หรือว่าเขายังโกรธเธออยู่?
“เวินจิ้ง ขึ้นรถแล้ว” เห็นเวินจิ้งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลิงเหยาเรียกเธอ
“เอ่อ” เวินจิ้งกระอึกกระอัก จ้องมองไปที่กระจกมองหลังค่อยๆห่างจากโรงพยาบาล เธอถึงจะเก็บสายตาคืน
“กำลังคิดถึงมู่วี่สิงเหรอ?” หลิงเหยาถาม
“ไม่นิ” เวินจิ้งตอบไม่ตรงกับใจ
“อ่อ ฉันทำไมรู้สึกว่าตอนนี้พวกเธองอนกันอีกแล้ว” หลิงเหยาเดา
ไม่อย่างนั้นงานรับส่งโรงพยาบาล ควรเป็นแฟนชายทำนี่
เวินจิ้งนั่งเงียบ หลิงเหยาพูดแบบนี้ เธอเพิ่งจะรู้สึกได้ มู่วี่สิงปฏิบัติต่อเธอก็มีเย็นชาบ้าง
เมื่อตอนเริ่มตกลงจะจีบกันช่วงนั้นสนิทสนมกันมาก แต่ตอนนี้กลับละเลย
แต่ว่ารายละเอียดเหล่านี้เธอจงใจที่จะไม่สนใจ
“เธอจะกลับไปบ้านตระกูลหลินเหรอ? ฉันยังนึกว่าเธอไปอยู่กับมู่วี่สิง”
“ฉันปฏิเสธไปแล้ว”
“อะไรนะ? ทำไมเหรอ?”
“คนรักกันต้องรักษาระยะห่างใกล้ชิดกันไม่ดีเหรอ? และอีกอย่างตอนนี้พวกเธอยังไม่ใช่สัมพันธ์สามีภรรยา”
หลิงเหยาขมวดคิ้ว แต่ก็เห็นด้วยคำพูดของเวินจิ้ง
“แต่ว่าใบหน้าของมู่วี่สิงนั้น ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ”
เวินจิ้งยิ้มแย้ม ในสมองคิดถึงแต่มู่วี่สิงที่มีหน้าตาหล่อเหลา จะเบื่อได้อย่างไรนี่
แต่เธอกับเขาอยากจะค่อยๆดื่มด่ำความรักในช่วงระหว่างคบกันนี้
กลับถึงบ้านตระกูลหลินได้ไม่นาน เวินจิ้งได้รับสายโทรศัพท์มู่วี่สิง เดี๋ยวเขามารับเธอ
ใกล้ถึงเวลาต้องไปงานเลี้ยงแล้ว
หลินเวยอยู่ในห้องรับแขก เห็นเวินจิ้งกำลังจะออกจากบ้าน ถามว่า “ค่ำขนาดนี้แล้วยังจะออกไปเหรอ?”
“คุณแม่คะ ฉันมีธุระนิดหน่อยค่ะ จะรีบกลับมานะคะ”
“ออกไปกับมู่วี่สิงเหรอ?”
เวินจิ้งพยักหน้า
“ดูแลตัวเองด้วยนะ” หลินเวยกำชับ
ช่วงนี้อารมณ์เธอไม่ค่อยดี เห็นเวินจิ้งทีไร ก็อยากจะบอกเธอถึงความจริงที่เกิดขึ้น
เพียงแต่ว่า ในที่สุดแล้วก็ไม่กล้า
ด้านนอก รถโรลส์-รอยซ์สีดำมาจอดที่หน้าประตู เวินจิ้งขึ้นไปนั่งบนรถ ผู้ชายสวมชุดสูทสีดำ หรูหราและสง่างาม
พอนั่งเสร็จ มู่วี่สิงเอาผ้าคลุมไหล่ช่วยเธอคลุมไว้ “กลางคืนหนาว”
เวินจิ้งห่อตัวเองไว้ ความหวานในใจกำลังลุกลาม
งานเลี้ยงเปิดบริษัทใหม่ของบริษัทผลิตยายูเหิงจัดที่โรงแรมระดับ7ดาวแห่งหนึ่งแห่งเดียวในหนานเฉิง
แต่ไม่ได้ประกาศให้คนภายนอกทราบ แต่ยังคงมีนักข่าวคอยทำข่าวอยู่ด้านนอกโรงแรมไม่น้อยเลยทีเดียว
มู่วี่สิงแต่ไหนแต่ไรไม่ชอบให้สัมภาษณ์ กำชับให้คนขับรถไปจอดรถที่โรงจอดรถใต้ดิน
ตรงเข้ามาถึงสวนดอกไม้ด้านหลัง สถานที่แห่งนี้ตกแต่งได้สดใสและน่าตื่นตา ผู้คนที่เดินไปมามีแต่คนมีระดับที่มีชื่อเสียงเรียงนาม เป็นคนพรรคพวกเดียวกันที่มีแสงดาวระยิบระยับ
เวินจิ้งไม่ค่อยคุ้นชินกับสถานการณ์แบบนี้ จับแขนของมุ่วี่สิงไว้ ใส่รองเท้าส้นสูงไว้เวลาผ่านไปนานไม่นานนักก็รู้สึกไม่ค่อยสบายเท้าเท่าไร
แม้ว่ามีคนไม่น้อยเลยที่อยากจะขึ้นไปข้างหน้าเพื่อสนทนาพูดคุยกัน แต่มู่วี่สิงไม่คิดที่จะขึ้นไปสนทนากับพวกเขา จากนั้นอุ้มเวินจิ้งไปยังด้านข้างของรางอาหาร
แต่ว่า คนที่คิดว่าขวางหูขวางตาเขาก็ต้องปรากฏตัวแน่นอน
ไม่ไกลนัก มู่เหิงท่ามกลางกลุ่มชายที่สวมชุดสูทเบียดออกมา ก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่วี่สิงและเวินจิ้ง
“น้องชายนี่ช่างคิดถึงความหลังจริงๆ ไปไหนมาไหนก็จะพาอดีตภรรยาไปด้วย” น้ำเสียงของมู่เหิงค่อนข้างเยาะเย้ย
เวินเจิ้งขมวดคิ้ว ไม่ชอบมู่เหิงที่ใช้คำพูดเฉียบคมต่อเธอ
“แน่นอน เมื่อเทียบกับความเย็นชาของคุณมู่เหิงแล้ว แฟนหนุ่มของฉันแน่นอนว่ามีมนุษยสัมพันธ์มากพอ” เวินจิ้งยิ้มแล้วกล่าว