[นิยายแปล] Keiken Zumi na Kimi to, Keiken Zerona Ore ga, Otsukiai Suru Hanashi. – ตอนที่ 12 ข่าวลือ

ด้วยเหตุนั้นเดทในวันเกิดจึงประสบผลสำเร็จ

ในวันจันทร์วันเริ่มต้นของสัปดาห์ หัวของผมเต็มไปด้วยชิราคาวะซังมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน

ชิราคาวะซังเธอพูดว่า “อร่อย” ด้วยรอยยิ้มที่หลอมละลายไปทั้งหัวใจหลังจากที่เธอได้ดื่มชานมไข่มุก ชิราคาวะซังก็ยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย การแสดงออกที่มากมายของเธอที่เธอแสดงให้ผมเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น

กลิ่นตัวของชิราคาวะซังนั้นช่างหอมจริงๆ กลิ่นเหมือนกับห้องของเธอเลย…….อา ผมรู้หน่า ว่าผมควรจะมีอะไรกับเธอให้มันจบๆตั้งแต่ตอนนั้น

ขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่คาบเรียนก็จบลงก่อนที่ผมจะทันได้รู้สึกตัวและช่วงเวลาพักก็มาถึง

ว่าแล้วเชียวผมคงจะเหม่อลอยเกินไปหน่อยเพราะมันเป็นครั้งแรกสำหรับผม…….

และมันก็เกิดขึ้นระหว่างที่ผมกำลังนั่งอยู่บนที่นั่งและกำลังหงุดหงิดกับตัวเอง

 

“นี่ คาชิมะคุง”

 

เมื่อผมถูกเรียกจากที่นั่งข้างๆผมจึงมองไปตามเสียงเรียกตรงนั้นและพบว่าคุโรเสะซังกำลังมองมาทางนี้อยู่ เธอเอามือทั้งสองข้างเท้าคางไว้ เพราะอย่างนั้นเสื้อคาร์ดิแกนแขนยาวที่ใส่ทับอยู่บนชุดยูนิฟอร์มฤดูร้อนของเธอจึงดูน่ารักอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

ผมถามเธอและเธอก็ยิ้มเหมือนกับมีนัยยะอะไรบางอย่าง

 

“ตกลงว่าใครคือแฟนสาวของคาชิมะคุงงั้นเหรอ? จนถึงตอนนี้ชั้นก็ยังอดสงสัยไม่ได้เลยจริงๆ ยังไงก็ช่วยบอกชั้นทีสิ”

“อา…….”

 

ครั้งล่าสุดผมก็กำลังจะได้บอกเธอไปแล้วแต่อาจารย์ดันเข้ามาก่อนเพราะงั้นก็เลยพลาดโอกาสที่จะได้บอกในครั้งนั้นไป

 

“ที่จริงแล้ว…..”

 

ทันใดนั้นผมก็หวนนึกขึ้นได้ถึงหน้าจอ LINE ที่ชิราคาวะซังเธอได้โชว์ให้ผมดู

 

[ยัยนิโคลไปเดทกับอีตาหนุ่มหน้าตาบ้านๆจากห้องของเราที่ร้านแม็คด้วยล่ะ LOL]

[เอาจริงดิ? น่าขำชะมัด!!]

 

“…………”

 

เห็นได้ชัดเลยว่าการที่ผู้ชายอย่างผมที่ได้เข้าไปพัวพันกับสาวสวยสุดฮ็อตนั้นมันคือเรื่อง

“น่าตลกสิ้นดี” สำหรับผู้หญิงพวกนั้น

ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ถ้าหากว่าความลับที่ว่าผมกำลังคบกับเธอรั่วไหลออกไปล่ะก็…..

ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ชิราคาวะซังก็คงจะถูกหัวเราะเยาะเย้ยแน่ๆ ซึ่งแบบนั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากเสียยิ่งกว่าถูกตราหน้าว่าพวกเรานั้น “ไม่เหมาะสมกัน” ซะอีก

 

“…….ผมบอกเธอไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วยนะ…..”

 

 ผมขอโทษคุโรเสะซังแล้วก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง

ผมไม่ควรที่จะบอกคุโรเสะซังในสิ่งที่ผมไม่อยากที่จะให้ทุกคนได้รับรู้    

ผมไม่สามารถที่จะไปรบกวนชิราคาวะซังเพื่อที่จะได้ยกหางตัวเองให้ดูสูงขึ้นได้

นั่นคือสิ่งที่ผมคิด

 

“………………”

 

และมันก็ผ่านไปสักพักแล้วที่ผมได้จัดเดทเลี้ยงวันเกิดให้กับชิราคาวะซังได้สำเร็จ

ผมมีความสุขมากๆที่ชิราคาวะซังเธอพึงพอใจไปกับมันและตัวผมก็ได้ใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนไปอย่างราบรื่น

และนั่นก็คือตอนที่มันได้เกิดขึ้น

ผมเริ่มรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในบรรยากาศรอบๆตัวของชิราคาวะซัง

ตัวผมที่เคยเป็นผู้เฝ้ามองชิราคาวะซังมาก่อนที่เราจะได้มาคบกันและก่อนที่ผมจะทันได้รู้สึกตัวสายตาของผมก็ไล่ตามมองดูแต่ชิราคาวะซังไปโดยธรรมชาติถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราจะคบกันแล้วก็ตาม

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกอ่อนไหวต่อบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัวเธอ

ชิราคาวะซังเธอเป็นมิตรและเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน แต่ก็แน่นอนว่ายังมีบางคนในชั้นเรียนที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปคุยกับเธอเหมือนอย่างที่ผมเคยเป็นเมื่อนานมาแล้ว

การเปลี่ยนแปลงอย่างแรกที่ผมสังเกตุเห็นนั่นก็คือเพื่อนร่วมชั้นเหล่านั้นได้สนใจเรื่องของชิราคาวะซังมากขึ้นเป็นพิเศษ

 

“นี่ๆได้ยินมารึเปล่า……เกี่ยวกับชิราคาวะซังน่ะ”

“แล้วหล่อนว่ามันเรื่องจริงไหมอ่ะ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะยะ”

 

ไอ้ท่าทางแบบนั้นแหละ

พวกนั้นเริ่มซุบซิบนินทาลับหลังเธอมากผิดปกติ

และการเปลี่ยนแปลงต่อมานั่นก็คือพวกชนชั้นกลางของชั้นเรียน ที่สามารถพูดคุยตามปกติกับชิราคาวะซังได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมอะไรกับเธอมากเป็นพิเศษ

พวกนั้นเองก็เริ่มส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นเรื่องของชิราคาวะซังเหมือนกัน

 

“นี่ ได้ยินข่าวลือพวกนั้นไหม?”

“อื้อ เธอก็ควรไปถามเธอตรงๆเลยว่ามันเรื่องจริงรึเปล่า?”

“เห ไม่เอาอ่ะ กะแล้วการที่ให้ไปถามเธอตรงๆน่ะ แบบนั้นไม่ไหวหรอกหน่า”

“จ้าๆ รู้แล้วจ้า”

 

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?

ด้วยความสงสัยผมจึงจับตาดูสภาพแวดล้อมของชิราคาวะซังมากกว่าตอนปกติ

แล้วก็ดันไปเตะตากับผู้ชายคนหนึ่ง

หมอนี่เป็นนักฟุตบอลที่พักนี้ชอบเข้ามาคุยกับเธอบ่อยๆ

 

“ขอเวลาสักหน่อยจะได้รึเปล่า?”

 

แล้ววันหนึ่งระหว่างพักเบรกเขาเข้าไปพูดกับเธอและพาชิราคาวะซังออกจากห้องเรียนไป

 

“เอ๊ะ? มีอะไรงั้นเหรอ?”

 

แม้ว่าเธอจะดูงุนงงอยู่แต่ชิราคาวะซังก็ยอมตามเขาไปแต่โดยดี

ที่ๆพวกเขาไปด้วยกันก็คือห้องเรียนว่างๆที่อยู่ห้องใกล้ๆกัน

ผมรีบรุดตามพวกเขาไปและมองผ่านช่องว่างระหว่างประตู

ผมมองดูว่าถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างใน ถ้าไอ้นักฟุตบอลนั่นพยายามทำอะไรแผลงๆล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าไปทุกเมื่อ

 

“แล้วมีอะไรเหรอ?”

 

ชิราคาวะซังยิ้มออกมาโดยปราศจากความตึงเครียดใดๆ

ความจริงเรื่องที่ว่าเธอไม่ยอมเปลี่ยนทัศนคติที่มี ไม่ว่าจะกับผู้ชายหรือกับผู้หญิงนั่นแหละคือสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือเรื่องที่วิเศษมากๆ และพอผมได้ลองสังเกตุเพื่อนร่วมชั้นของผมดูดีๆ ก็พบว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นแบบนั้นเช่นกัน

แล้วพ่อหนุ่มนักบอลก็พูดกับเธอว่า

 

“เธออยากจะมาคบกับชั้นไหม?”

“…….!?”

 

ผมตกใจจนตาขาวโพลนไปหมด

ผมก็พอรู้อยู่แล้วว่ามันต้องลงอีหรอบนี้ หมอนี่เองก็เล็งชิราคาวะซังอยู่จริงๆด้วย………

และผมก็สงสัยว่าชิราคาวะซังเธอจะให้คำตอบยังไง? และด้วยความคิดนั้นผมก็กลืนน้ำลายของตัวเอง

 

“ชั้นมีแฟนอยู่แล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะ”

 

เธอตอบปัดเขาไปอย่างไม่แยแส

 

“เอ๊ะ!?”

 

พ่อหนุ่มนักฟุตบอลก็รู้สึกประหลาดใจทันที

 

“แต่ชั้นได้ยินจากอาคาริว่าเธอโสดแล้วนี่นา”

“อ๊า…. ที่จริงชั้นไม่ได้เล่าให้อาคาริฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้น่ะ”

 

ถึงชิราคาวะซังจะตอบไปด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น แต่ไอ้หนุ่มนักฟุตบอลก็ยิ่งถามด้วยใบหน้าที่ขมขื่นยิ่งกว่า

 

“…..แฟนของเธอ ใครกันล่ะ? ใครสักคนในโรงเรียนนี้เหรอ?”

 

ตอนนี้ผมรู้สึกกลัวด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ

 

“อา….คือว่า……….”

 

การแสดงออกของชิราคาวะซังแข็งทื่อไปแล้ว

 

“…..ความลับน่ะ”

 

ไม่ได้สิ ขืนพูดแบบนั้นออกไป ก็ไม่ต่างอะไรจากพูดว่า “เขาอยู่ในโรงเรียนนี้นี่แหละ”

ไม่ใช่รึยังไงกันครับชิราคาวะซัง!!!

 

“ใคร? คนจากชมรมไหน?”

 

อย่างที่คิดเลย พ่อหนุ่มนักฟุตบอลเริ่มจี้ถามต่อ

 

“นี่ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่นา…..”

 

ชิราคาวะซังพยายามจะปิดบังแต่เขาก็ไม่ยอมถอยกลับเลย

 

 

 

“แล้วทำไมเธอถึงบอกชั้นไม่ได้ล่ะ? นี่เขาเป็นคนประเภทที่เธอไม่อยากป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้งั้นเรอะ?”

 

คำพูดของพ่อหนุ่มนักบอลทำให้ผมรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ

แน่นอนมันเป็นเพราะว่าผมเองที่เป็นคนขอให้ชิราคาวะซังห้ามพูดถึงผม

แต่บางทีในใจลึกๆของเธอชิราคาวะซังก็คงจะอายที่จะบอกเขาว่าผมเป็นแฟนของเธอล่ะนะ ถ้าคุณเป็นหนุ่มหล่อเรียจูแบบหมอนั่น แน่นอนว่าเขาก็ดูคู่ควรกับชิราคาวะซังใช่ไหมล่ะ…..

พอผมคิดแบบนั้นผมก็กลับมารู้สึกหดหู่หน่อยๆอีกครั้ง

 

“ผิดแล้วล่ะ”

 

ชิราคาวะซังพูดขึ้นมา

 

“ตัวชั้นไม่รังเกียจหรอกนะที่จะบอกนาย แต่ว่าเขาคนนั้นน่ะขี้อายมากๆ

นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อยากป่าวประกาศกับคนอื่นว่าพวกเราคบกันอยู่น่ะ”

“อะไรกันวะนั่น?”

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พ่อหนุ่มนักฟุตบอลคนนี้ก็ชักจะไม่มั่นใจซะแล้วสิ

 

“มันมีผู้ชายหน้าไหนบนโลกที่ไม่อยากบอกกับคนอื่นว่าเขากำลังคบกับลูน่าอยู่ด้วยอย่างนั้นเรอะ? คืออันนี้ชั้นแค่สงสัยเฉยๆนะหรือว่าบางที………จะเป็นผู้ชายเห่ยๆในห้องเรียน?”

 

ผมสะดุ้งเมื่อหมอนี่เดาได้ถูกเผงเลย

 

“แต่ยังไงชั้นก็คิดว่าไม่มีทางที่ลูน่าจะลดตัวไปคบกับผู้ชายพรรค์นั้นหรอกนะ………แต่อย่างน้อยก็ช่วยบอกชั้นเรื่องชมรมของเขาทีสิ เขาไม่ได้เป็นคนจากชมรมชั้นใช่มะ?”

“อื้ม ไม่ใช่คนในชมรมฟุตบอลหรอกนะ”

“ถ้าอย่างนั้นแล้วชมรมบาสล่ะ?”

“ไม่ใช่จ้า”

“ชมรมเทนนิสล่ะ?”

“มะ ไม่-เอ่อ…..”

 

ชิราคาวะซังครับ!!

แบบนี้เดี๋ยวอีกสักหน่อยเรื่องมันก็คงจะแดงกันพอดีถ้าสุดท้ายเธอก็จบลงด้วยการที่พูดว่า “ความลับจ้ะ” หลังจากที่หมอนี่เดาจนถูกน่ะ!!

ช่วยเอะใจถึงเรื่องนี้ทีเถอะครับ!!

 

“หรือว่าบางทีจะเป็นชมรมกลับบ้าน?”

“งืม ยังไงกันนะ? ความลับ!”

“ชมรมกลับบ้านสินะ…”

 

เห็นไหมเล่า !!!!

เก่งมากพ่อหนุ่มในที่สุดก็เดาจนถูกจนได้

 

“ถ้าเขาไม่ได้อยู่ในชมรมอะไรเลย ถ้างั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะสิ แล้วผู้ชายแบบนี้มีดีอะไรกัน?”

 

ยังไงก็ตามมันก็น่าหงุดหงิดชะมัดที่หมอนี่พูดจาเหมือนกับว่ากิจกรรมของชมรมเป็นวาระแห่งมนุษยชาติน่ะ

 

“แต่ชั้นก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะที่ว่าทำไมลูน่าถึงไม่อยากบอก เธอคงจะอายเกินกว่าที่จะบอกกับคนอื่นว่าเธอกำลังคบกับผู้ชายน่าเบื่อๆใช่ไหมล่ะ?”

 

แกนี่มันปากหมาเอาเรื่องเลยนี่หว่าพ่อหนุ่มนักฟุตบอล………

บางทีมันอาจจะเป็นเพียงแค่ตอบโต้ของผมเพราะถูกพูดจาดูหมื่นใส่ แต่ถ้าขืนหมอนี่ยังไม่หยุดปากพล่อยล่ะก็ผมเองก็เริ่มจะมีน้ำโหบ้างเหมือนกัน

แต่ในเวลาเดียวกันผมก็ไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เขาพูดได้เช่นกันและผมก็เกลียดตัวเองที่ตัวผมขาดความมั่นใจ

ผมคิดว่ามันถูกต้องแล้ว ผมคิดว่าผู้ชายอย่างพ่อหนุ่มนักฟุตบอลคนนั้นคงจะเหมาะสมที่จะเป็นแฟนกับเธอมากกว่า

มันน่าหงุดหงิดจริงๆที่ได้แต่มองพวกเขาอยู่แบบนี้ แต่พวกเขาก็ดูดีมากๆพอได้อยู่ด้วยกัน

ชิราคาวะซังเองก็คงจะ……..คิดเหมือนกัน ผมหมายถึงแฟนเก่าของเธอทุกคนคงจะเป็นพวกหนุ่มหล่อเรียจูอยู่แล้วล่ะนะ………

มันเจ็บปวดเหลือเกินที่จะคิดถึงเรื่องพวกนี้……

 

“ไม่ใช่ ก็อย่างที่บอกไปว่าชั้นไม่คิดจะบอกนายหรอกนะ ชั้นว่าชั้นพูดกับนายไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ” 

 

ชิราคาวะซังตอบกลับอย่างสุขุมกับพ่อหนุ่มนักฟุตบอล

 

“ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในชมรมกลับบ้าน แต่ชั้นก็คิดว่าเขาเป็นคนดี และชั้นเองก็อยู่ในชมรมกลับบ้านด้วยเหมือนกัน”

“ก็นะ……..”

 

สำหรับพ่อหนุ่มนักฟุตบอลที่กำลังพยายามหาข้ออ้างต่างๆนา ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยไม่พูดดูถูกเธอและในขณะนั้นชิราคาวะซังก็พูดขัดจังหวะเขา

 

“ชั้นไม่คิดว่าแฟนของชั้นเขาเป็นคนที่น่าเบื่ออะไรหรอกนะ ชั้นเองเป็นคนที่ตัดสินใจคบกับเค้าเองด้วย แต่เพราะแค่เขาไม่อยากให้เอาไปเล่าให้ใครฟัง ชั้นก็เลยอยากจะเคารพในความรู้สึกของเขา”

 

เมื่อเธอพูดแบบนั้นชิราคาวะซังก็มีรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา

 

“ต่อให้คนทั้งโลกใบนี้รู้ว่าชั้นกำลังคบกันกับเขา ชั้นก็ไม่อายใครหน้าไหนทั้งนั้น”

 

ชิราคาวะซัง

หน้าอกของผมรู้สึกร้อนผ่าว ผมรู้สึกซาบซึ้งไปกับความรักที่มีต่อเธอกับการที่เธอพูดแบบนั้นกับพ่อหนุ่มนักฟุตบอล

เธอช่างเป็นแฟนสาวที่ดีอะไรอย่างนี้ เธอคือผู้หญิงที่วิเศษที่สุดบนโลกใบนี้แล้วจริงๆ

ขนาดยอมผมไปซะทุกๆเรื่อง

ผมละอายใจกับตัวเองที่คล้อยตามคำพูดของพ่อหนุ่มนักฟุตบอลคนนี้และก็เผลอคิดว่า

“ชิราคาวะซังบางทีเธอคงจะไม่อยากบอกกับเขาว่าเธอกำลังคบกับผมอยู่” ถึงแม้ว่าจะเพียงแค่ครู่เดียวก็ตามที

ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าชิราคาวะซังกับคนอื่น……มากกว่านั้นยิ่งกับผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนที่มาสารภาพรักกับเธอเธอก็ยังพูดถึงผมแบบนั้นอยู่

ผมคิดว่า……ผมสามารถที่จะมีความมั่นใจมากขึ้นได้สินะ? ในฐานะของ “แฟนหนุ่มของชิราคาวะซังน่ะ” มั่นใจให้มากขึ้นสำหรับความจริงที่ว่า……..ชิราคาวะซังเธอเลือกผม

 

“ชั้นเข้าใจแล้ว…….ไว้ครั้งหน้าตอนถึงคราวที่เธอถีบหัวส่งไอ้เจ้าผู้ชายคนนั้นแล้ว ก็ขอให้แน่ใจว่าคนต่อไปจะเป็นชั้นก็แล้วกันนะ”

 

พ่อหนุ่มนักฟุตบอลพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ

 

“เธอคงจะให้เขาปรนเปรอเงินทองมากมายให้เธอ แล้วพอถึงคราวที่ต้องเลิกรากันเธอก็จะสับรางเซไปหาผู้ชายคนอื่น ก็คงจะเป็นอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ?”

“หา? นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?”

“ทุกคนเขาลือกันให้แซ่ดเลยเธอรู้บ้างรึเปล่า? หึ แหงล่ะ ถ้าหมอนั่นอยู่ชมรมกลับบ้านล่ะก็ หมอนั่นก็ทำงานพาร์ทไทม์ได้เพราะงั้นชั้นก็ขอเดาว่าหมอนั่นก็คงจะพอมีเงินอยู่บ้างล่ะสินะ”

“หา???”

 

ชิราคาวะซังดูโกรธเคืองขึ้นมาทันที แต่ไอ้หนุ่มนักฟุตบอลก็ยังยิ้มอย่างน่ารังเกียจและเดินออกมาจากห้องเรียนทิ้งเรื่องราวไว้แบบนั้นและทำตัวเป็นแค่คนๆหนึ่งที่บังเอิญเดินผ่านโถงทางเดิน

จากนั้นผมก็ได้ยินบทสนทนาของเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ตรงโถงทางเดิน

 

“นี่ๆรู้รึเปล่า? เกี่ยวกับชิราคาวะ ลูน่าน่ะ…”

“เออๆ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน เรื่องที่ว่าเธอเป็นยัยร่านที่หากินโดยการสูบเลือดสูบเนื้อแฟนหนุ่มแล้วจากนั้นก็ค่อยเขี่ยทิ้งน่ะ”

“ก็เธอน่ารักซะขนาดนั้นก็คงจะเขี่ยทิ้งเป็นว่าเล่น คิดงั้นมะ”

“อ๊า ชั้นก็อยากจะโดนเจ้าหล่อนทิ้งบ้างจัง!”

 

 คนหนึ่งพูดออกมาด้วยท่าทีติดตลก ส่วนอีกคนก็หัวเราะสนุกสนาน

สาวๆอีกกลุ่มก็พูดถึงชิราคาวะซังเหมือนกัน

 

“สงสัยจังเลยน้าว่าแฟนของชิราคาวะซังจะมีสตางค์เยอะรึเปล่า?”

“ชั้นก็อยู่ห้องเดียวกับเธอเมื่อปีก่อน แต่ชั้นก็ยังไม่รู้เลยว่าแฟนของชิราคาวะซังเป็นคนแบบไหนน่ะ ชั้นก็เลยคิดว่าใครสักคนที่เธอกำลังคบอยู่ด้วยก็คงจะเป็นอย่างจากโรงเรียนอื่น ไม่ก็พวกเด็กมหาลัย”

“แต่ก็ได้แค่ 2 ถึง 3 เดือนแค่นั้นใช่มะ?”

“เธอเป็นคนที่สวยมากนะ แต่พอมาลองคิดว่าเธอคบกับคนๆนึงได้แค่ไม่กี่เดือนแล้วมันก็…..”

“ชั้นสงสัยว่ามันจริงอย่างที่เขาว่ากันรึเปล่า ชั้นก็เลยพลอยเชื่อข่าวลือนั่นไปด้วยเลย”

“อ๊ะ ซวยล่ะ….”

 

จากนั้นผู้หญิงคนหนึ่งก็มองมาทางนี้และก็ออกอาการกระสับกระส่ายและก็เดินเข้าไปในห้องเรียน

ผมหันหลังกลับไปก็พบว่าชิราคาวะซังเธอออกมาจากห้องเรียนที่ว่างเปล่านั้นและกำลังตกตะลึงอยู่

บางทีอาจจะหลังจากที่เธอได้ยินเรื่องข่าวลือเกี่ยวกับตัวเธอเอง

 

“ชิราคาวะซัง……..”

 

พอผมเข้าไปหาเธอตามสัญชาตญาณและเรียกหาเธอ ชิราคาวะก็สังเกตุเห็นผมแล้วก็ยิ้มออกมา

 

“ริวโตะ”

 

จากนั้นเธอก็พูดกับผมในขณะที่ผมกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ

 

“สงสัยจังว่าเกิดอะไรขึ้นกันนะ ดูเหมือนว่าจะมีข่าวลือแปลกๆเกิดขึ้นสินะ…….”

“ครับ……ใครกันที่ทำเรื่องบ้าๆแบบนี้……”

 

“ไม่เป็นไรหรอกนะ!”

 

เธอพูดขึ้นราวกับจะขัดคำพูดของผมและชิราคาวะซังก็ยิ้มแย้มอย่างสดใส

 

“ข่าวลือมันก็เป็นได้แค่ข่าวลือ ชั้นไม่สนใจหรอกนะ”

 

พอพูดจบเธอก็เดินผ่านตัวผมไปแล้วก็กลับเข้าไปในห้องเรียน

แผ่นหลังของเธอช่างดูเปราะบางไม่เหมือนตอนปกติซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

 

“ข่าวลือบ้าบอนั่นมันอะไรกัน……….ใครหน้าไหนที่มันกล้าแพร่กระจายเรื่องบ้าๆนี่ไปทั่วกัน?”

 

ชิราคาวะซังให้แฟนของเธอปรนเปรอเธอด้วยเงินแล้วพอหมดตัวก็เขี่ยทิ้งแล้วก็หาคนใหม่อย่างนั้นเหรอ?

 

“ไม่ใช่…..เธอไม่ใช่คนแบบนั้น….”

 

เพราะผมรู้ดีกว่าใคร

 

[ชั้นขอเจ้านี่ได้รึเปล่าล่ะ? ชั้นคิดว่ามีเจ้านี่ไว้ก็ดีเหมือนกัน]

 

ชิราคาวะซังที่ยิ้มอย่างมีความสุขตอนที่เธอได้รับแผนที่ทำมือที่มีมูลค่าไม่ถึงร้อยเยนเป็นของขวัญวันเกิดของเธอเอง

 

[อันนี้สำหรับริวโตะ เจ้านี่ชั้นยกให้นายนะ]

 

ชิราคาวะซังที่ใช้เงินของเธอเองเพื่อซื้อเคสมือถือที่เข้าคู่กันกับเธอให้กับผม

ไม่มีทางที่เธอจะไปคบกับใครเพื่อหวังเงินของเขาหรอก!!

อย่างแรกเลยถ้าเธออยากได้เงินจริงๆ เธอคงไม่คิดจะคบผู้ชายมืดมนที่ดูไม่มีเงินเลยสักแดงเดียวอย่างผมหรอก เฮ้อ….พูดเองก็เศร้าเองแฮะ…..

แล้วนี่ตกลงใครมันเป็นคนปล่อยข่าวลือเหลวไหลพวกนี้กัน? ยกโทษให้ไม่ได้

ผมคิดอย่างนั้นจากก้นบึ้งของหัวใจของผมเอง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset