ซอยด้านหลังโรงแรมฟิวฮอส
โจรหนุ่มกำลังหาวและเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลย
งานนี้เป็นงานที่น่าเบื่อมาก เป้าหมายคือนักสู้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่นายจ้างของเขาต้องการ อย่างไรก็ตาม หัวหน้าของเขาได้ขอให้พวกเขาจับตาดูเธอและรายงานเป็นระยะ
“เฮ้อ…..ใครมันจะออกไปเดินบนถนนตอนกลางคืนกันวะ? ถ้าเจอกับทหารยามกำลังลาดตระเวนละก็เป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ” โจรคนหนึ่งกำลังขยับตัวเพื่อเรียกสติ
หัวหน้าของกลุ่มอาเชรอนเป็นคนที่ทะเยอทะยานมาก เขาไม่พอใจกับรายได้ที่ได้จากการเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ตอนนี้เขายังพยายามก้าวเข้าไปในโลกใต้ดิน สมาชิกทุกคนรู้ดีว่างานนี้ทำให้ชีวิตของเขายุ่งยากขึ้นไปอีก
‘หืมม? นั่นเสียงอะไร?’
โจรหันกลับไปมองด้านหลัง ซอยมืดที่รกร้าง มีเขาอยู่เพียงคนเดียว
‘ข้าคงคิดไปเอง?’ โจรขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆหันหลังกลับไป
…
‘การรับรู้ของชายคนนี้น่าประทับใจ’
ปฏิกิริยาของโจรคนนี้ได้ทำให้มาร์วินตกใจและถอยหลังไปครึ่งก้าว
[ซ่อนตัว] ของแรงเจอร์ไม่สามารถเทียบได้กับ [ซ่อนตัว] ของโจรเมื่ออยู่ภายในเมือง เพราะว่ามันจะลดประสิทธิภาพลง 40% [ซ่อนตัว] ของเขามีอยู่ 24 แต้ม ตรงข้ามกับการรับรู้ของโจรที่ค่อนข้างต่ำ ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในป่า มาร์วินแทบจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
โชคดีที่เขาสามารถคาดเดาระยะการรับรู้ของโจรคนนี้ไว้ได้
หัวใจของมาร์วินเต้นแรงขึ้น ถ้าเขาพยายามเข้าไปใกล้มากกว่านี้ โจรคนนี้จะพบตัวของเขาอย่างแน่นอน ถ้ามันเป็นอย่างนั้น เขาจะไปแจ้งคนอื่นและทำให้เรื่องในคืนนี้ยุ่งยากมากขึ้น
เขาซ่อนตัวในที่มืด ครุ่นคิดและสุดท้ายเขาตัดสินใจใช้แต้มสกิล 20 แต้มเพื่อช่วยชีวิตของเขาก่อน แต้มสกิล 20 แต้มถูกเพิ่มให้กับ [ซ่อนตัว] และแม้ว่ามันจะไม่ถึง 50 แต้มที่จะเลื่อนไปขั้นถัดไป แต่แค่ 44 แต้มก็ดีพอสำหรับตอนนี้
เมื่อเขาอัพเกรดสกิลของเขาเสร็จสิ้น เขาเริ่มก้าวเท้าไปทางโจร
ตามที่คาด ตอนนี้โจรไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆและยังคงเฝ้ามองไปที่ประตูหลังของโรงแรม
ที่เหลือเขาสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
มาร์วินเดินอย่างเงียบเชียบราวกับแมว เดินไปทางด้านหลังโจรและกระโจนเข้าใส่เขา เขาใช้มือปิดปากอย่างชำนาญและใช้ [ตัดคอ] ส่งผลให้เลือดไหลทะลักออกมา
นอกเหนือจากกลิ่นเลือดที่โชยไปในอากาศ ไม่มีร่องรอยการโจมตีใดๆเหลืออยู่
มาร์วินจัดการร่างของโจรระดับ 2 อย่างรวดเร็ว เขาได้หยิบวัตถุดิบกับดักและเงินอีก 30 เหรียญเงิน อันธพาลเหล่านี้ไม่ได้ร่ำรวยมากนัก อุปกรณ์ของเขายังแย่กว่ามีดโค้งของมาร์วินเสียอีก มันเป็นสิ่งของที่ใช้โดยคนทั่วไป ค่อนข้างไร้ค่าในการต่อสู้ที่แท้จริงของนักผจญภัย
มาร์วินลากร่างของโจรไปยังท่อระบายน้ำ ร่างของผู้คนที่ถูกฆ่าสามารถพบเจอได้ทุกวัน นอกจากผู้คนที่กำลังมองหาศพแล้ว ไม่มีใครสนใจสถานที่เหล่านี้
เมื่อลอบเข้ามาในโรงแรม เขายังใช้ [ซ่อนตัว] มาร์วินขึ้นบันไดและกำลังเข้าห้อง
แต่เมื่อประตูเปิดออก ประกายของความเยือกเย็นได้หยุดลงที่คอของเขา
“ไอ้ขยะ! พวกแกกำลังทำอะไร?” น้ำเสียงที่เย็นชาของหญิงสาวดังออกมา
มาร์วินพูดอย่างรวดเร็วและฝืนยิ้มออกมา
“พี่สาวแอนนา ข้าเอง!”
“นายน้อยมาร์วิน?”
เทียนถูกจุดขึ้นท่ามกลางความมืด ห้องที่มืดสว่างขึ้นเล็กน้อย
มือซ้ายของแอนนาถือเทียน ในขณะที่มือขวาของเธอถือดาบ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ท่านบอกว่าท่านจะไม่กลับมาคืนนี้? ข้าคิดว่าท่านจะใช้เวลาตอนกลางคืนอยู่ที่วิหารสีเงิน”
มาร์วินส่ายหัว วิหารสีเงินเป็นสถานที่สำหรับนักเดินทางพักผ่อน แต่ราคาของมันสูงมาก
“ฟังข้า แอนนา พวกเรามีเวลา 15 นาทีเท่านั้น”
มาร์วินพูดอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขากวาดไปรอบๆห้องและตรวจสอบทุกตารางนิ้ว พบผ้าม่านที่คลุมหน้าต่าง
“เจ้าพบอะไรงั้นรึ?” เขามองไปที่แอนนา
แอนนาลังเลและใช้ดาบของเธอชี้ไปนอกหน้าต่าง “คำพูดของท่านเตือนสติข้าอยู่เสมอ ข้าพบว่าผู้คนบนถนนมองมาที่โรงแรม ที่ห้องของเราบ่อยๆ”
“คนของอาเชรอน” มาร์วินพยักหน้า และพูดต่อ “2 คนที่ประตูหน้า 1คนที่ประตูหลัง”
“นายน้อยมาร์วิน! ท่านจะทำ….” แอนนามองไปที่มาร์วินด้วยความตกใจ ราวกับเธอกำลังเห็นคนอีกคนหนึ่ง
“ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว” มาร์วินพูดอย่างแน่วแน่ “แอนนา เจ้าต้องเชื่อในตัวข้า เมื่อข้าฟื้นจากไข้ หัวของข้าปลอดโปร่งและรับรู้ถึงสิ่งที่ต้องทำแล้ว นอกจากนี้ข้ายังได้รับคำแนะนำบางอย่าง”
“คำแนะนำ?” เธอสับสนมากขึ้นขณะที่เธอมองไปยังมาร์วิน
มาร์วินพูดต่อ “เมื่อข้าหมดสติ ข้าฝันถึงสิ่งต่างๆมากมาย รวมถึงผู้ชายคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ของข้า ในความฝัน เขาสอนข้าหลายสิ่งหลายอย่างและไม่นานมานี้ข้าได้ทำตามคำแนะนำของเขาและทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ดูนี่!”
เมื่อเขาพูด เขาแสดงตราสัญลักษณ์กวางซีก้าออกมา
“ตราสัญลักษณ์ของงเรนเจอร์? นายน้อยมาร์วิน ท่านเป็นเรนเจอร์แล้ว? ท่านทำได้อย่างไร?”
แอนนารู้สึกตื่นตระหนก และคิดในใจ ‘คนธรรมดาที่ต้องการเป็นนักผจญภัย พวกเขาต้องใช้เวลาหลายปีในการฝึกฝน แต่นายน้อยมาร์วิน ไม่เคยอดทนฝึกฝนมาก่อน ตราสัญลักษณ์เรนเจอร์นี้ไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม? หรือว่าเขาโดนนักต้มตุ๋นหลอก?’
เมื่อเทียบกับมาร์วินที่เปลี่ยนชีวิตและกลายมาเป็นเรนเจอร์ แอนนาเชื่อว่าเขาต้องโดนนักต้มตุ๋นหลอกมาอย่างแน่นอน
มาร์วินดูสีหน้าก็รู้ว่าเธอไม่เชื่อเขา เขาพูดอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หยิบไปเฉพาะของสำคัญ ที่เหลือทิ้งไว้ที่นี่ โอ้ ใช่แล้ว ทิ้งจดหมายให้เจ้าของโรงแรมให้เขาช่วยเก็บของที่เหลือของพวกเราเอาไว้ พวกเราจะกลับมาเอาในภายหลัง”
“ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า เดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงของมาร์วินทำให้แอนนากลั้นหายใจ เธอสาบานว่าถ้าเธอพบนักต้มตุ๋นที่หลอกมาร์วิน เธอจะฟันเขาให้ขาดเป็นชิ้นๆ
แต่ตอนนี้ เธอทำได้เพียงพยักหน้าและทำตามเท่านั้น เธอเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ทุกรูปแบบ ต้องขอบคุณการฝึกฝนตั้งแต่เด็กที่สามารถทำให้เธอกลายเป็นบอดี้การ์ดและเป็นพ่อบ้านที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ดังนั้นเธอถือเป็นผู้ช่วยที่มีค่ามากที่สุดของลอร์ดแห่งหุบเขาริเวอร์ไวท์ เมื่อมาร์วินตัดสินใจ เธอสนับสนุนเขาเต็มที่
ทั้งสองเก็บของอย่างรวดเร็วและเดินผ่านประตูหลังอย่างเงียบๆ
…
ในซอยร้าง มาร์วินกระซิบ “ข้าตรวจสอบพวกมันมาแล้ว คนเฝ้าประตูของอาเชรอนจะส่งสัญญาณทุกๆ 20 นาทีโดยใช้เสียงร้องของลิง 3 ครั้งหมายถึงทุกอย่างปกติ โชคร้ายที่พวกเราไม่มีสิ่งของที่ใช้เลียนเสียงลิงได้ ดังนั้นเวลาของพวกเรามีจำกัด”
“ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูด” แอนนาถามด้วยเสียงนุ่มๆ “ท่านบอกว่ามีคนเฝ้าประตูหลังหนึ่งคน เขาอยู่ไหนล่ะ?”
มาร์วินไอและพูดพึมพำออกมา “อยู่ข้างหลังนู้น ในท่อระบายน้ำ”
แอนนาพูดไม่ออก ความคิดของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด เมื่อเธอรู้ว่านายน้อยมาร์วินที่จิตใจดีของเธอลงมือฆ่าคนด้วยน้ำมือของตนเอง
แต่เธอไม่สามารถเข้าใจความแปลกประหลาดของนายน้อยมาร์วินได้
นักปราชญ์เคยพูดว่าศักยภาพของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อใดก็ตามที่คนๆนั้นถึงคราวสิ้นหวัง การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นไม่ว่าจะในทิศทางดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ชายคนนั้นจะต้องรักษาชีวิตของตนไว้ให้ได้
หลายวันมานี้ หุบเขาริเวอร์ไวท์และนายน้อยมาร์วิน ทั้งสองได้รับความเดือดร้อนและสูญเสียอย่างมหาศาล แม้ว่าเด็กหนุ่มอายุ 14 ปีจะถูกครอบงำ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่นายน้อยมาร์วินที่จิตใจดีจะเปลี่ยนเป็นคนที่หนักแน่นและเลือดเย็น
เรื่องที่เธอเป็นกังวลคือมาร์วินกำลังกระโดดลงไปในความมืด
ไม่ว่าคนเฝ้าประตูด้านหลังจะตายด้วยน้ำมือของมาร์วินหรือไม่ แต่อีกนานแค่ไหนที่พวกเขาจะรู้ว่าคนเฝ้าประตูหลังหายตัวไป?
นั่นเป็นเหตุผลที่มาร์วินบอกว่าพวกเขาไม่มีเวลามากนัก
“ข้าจะฆ่าพวกมัน” แอนนาปลดปล่อยจิตสังหารออกมา ไม่นานหลังจากที่มาร์วินได้อธิบายว่าเขาได้ถูกโจมตีจากแก๊งอาเชรอนและได้พึ่งพาคำแนะนำของอาจารย์ในความฝันทำให้รอดพ้นจากวิกฤตและกลับมาที่โรงแรมได้
นั่นทำให้แอนนาทั้งตกใจและโกรธแค้น ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายนายน้อยมาร์วิน เธอสัญญาว่าจะไม่ปล่อยพวกมันไปแน่
“ไม่ไม่ไม่ แอนนา! ถ้าเป็นเรื่องการฆ่าพวกมัน ข้าไม่ได้อยากขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
มาร์วินพูดอย่างต่อเนื่อง “พวกเราต้องการไว้ชีวิตพวกมัน 1 คน”
“ไว้ชีวิต?” แอนนาขมวดคิ้ว
“เพราะว่าข้าต้องการรู้ว่าใครต้องการฆ่าข้า แก๊งอาเชรอนไม่โจมตีข้าอย่างไม่มีเหตุผลแน่นอน ต้องมีคนสั่งการพวกมันให้ทำ”
มาร์วินพูดเสียงเรียบ “ในความคิดของข้า ไม่มีใครในเมืองริเวอร์ชอร์ที่มีความเกลียดชังต่อตระกูลของข้า”
“ไม่!” แอนนาดูเหมือนนึกขึ้นได้และมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น? แอนนา?” มาร์วินถาม
“นายน้อย ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าใครตามท่านไป”
แอนนาพูดพร้อมกัดฟัน “2-3 วันที่ผ่านมา ข้าถูกบังคับให้ทำงานกับลุงมิลเลอร์ ครั้งสุดท้ายข้าได้ยินบางอย่างมาโดยบังเอิญว่า เขาสนิทสนมกับแก๊งอาเชรอน”
“หัวหน้าแก๊งอาเชรอน ไดเฟียส ได้ไปที่คฤหาสน์ของลุงของท่านเมื่อ 2-3 วันก่อนและมอบอัญมณีมากมายให้! แม่ครัวทิน่าเห็นและบอกต่อมายังข้า ตอนนั้นมันไม่เกี่ยวข้องกับข้า ข้าจึงไม่สนใจ”
“แต่ตอนนี้เราสันนิษฐานได้ว่าชายที่พยายามบงการชีวิตของท่านคือลุงของท่าน มิลเลอร์!!!”
“ลุงมิลเลอร์?” มาร์วินมีสีหน้าว่างเปล่า เขานึกย้อนไปยังความทรงจำในอดีต