บทที่ 73 สินค้าช่วงปีใหม่อันแสนดึงดูดใจ
ยิ่งใกล้ปีใหม่ เพื่อนของเฉียวเทียนช่างยิ่งอยากได้เหล้าปริมาณมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้คนของโรงงานต้องทำงานกันไม่มีหยุดพักทุกวัน
สองวันก่อนถึงวันปีใหม่ หนิงเมิ่งเหยาพาคนไปด้วยกันสามคน หนึ่งในนั้นคือชิงซวง และมีชิงเซวียนเป็นคนขับเกวียน พวกนางเข้าเมืองหลังจากฝากให้เจี่ยงเฉวียนและแม่นมฉินจัดการเรื่องต่างๆ ที่บ้าน
เมื่อมาถึงตัวเมือง ชิงจู้ที่นิสัยร่าเริงรีบพุ่งตัวออกไปพลางพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด
“ตั้งแต่คุณหนูมาอยู่ที่นี่ เรายังไม่ได้มาเยี่ยมชมในเมืองเลย” นางกล่าวขณะมองไปทุกหนทุกแห่ง ที่นี่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ แม้จะยุ่งวุ่นวายกว่าในหมู่บ้านแต่ก็ไม่ได้มีอะไรอื่นให้ชม
ระหว่างจับจ่ายซื้อของ พวกนางได้ยินชาวเมืองคุยกันเรื่องวันปีใหม่จะมีงานเทศกาลโคมไฟ ชิงจู๋ทำตาเป็นประกายแวววาวใส่หนิงเมิ่งเหยา อยากจะเห็นเทศกาลนี้ช่วงปีใหม่
“ก็ได้ ถ้าวันปีใหม่เราไม่ต้องทำอะไร เราจะไปงานเทศกาลกัน”
“เย้ คุณหนูดีที่สุดเลย!” ชิงจู๋มองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเทิดทูน ทำเอาหนิงเมิ่งเหยาพลันสีหน้าเปลี่ยน
เหตุใดชิงซวงกับชิงเสวี่ยถึงสมเป็นผู้ใหญ่ ส่วนชิงจู๋กลับเหมือนเด็ก หนิงเมิ่งเหยาไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว
ในเมือง พวกนางซื้อขนมทานเล่นและเนื้อที่ตัดไว้เท่าๆ กันมา นอกจากนี้ยังซื้อปลามาด้วย
“คุณหนู ท่านคิดจะทำเหมือนอย่างเคยที่นี่ด้วยหรือเปล่า จะแจกเงินเยอะๆ วันปีใหม่หรือไม” ชิงเสวี่ยถามขึ้นมา
หนิงเมิ่งเหยามีแผนจะซื้อผ้า แต่พอได้ยินคำถามของชิงเสวี่ย นางก็ชะงักฝีเท้า “ทำไมรึ”
“คุณหนู ข้าว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
ชิงซวงนึกถึงเรื่องนี้แล้วพยักหน้า “มีขนม เนื้อ และปลาก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ให้มากไปพวกเขาจะละโมบเอานะเจ้าคะ”
หนิงเมิ่งเหยาเหม่อลอยทอดสายตาออกไปพลางคิดทบทวน ที่พวกนางกล่าวฟังดูมีเหตุผลดี นางจึงผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็แจกเพียงอาหารเหล่านั้นแล้วกัน”
“แต่ซื้อผ้าไปตัดเสื้อที่บ้านกันเถอะ”
“ก็ได้เจ้าค่ะ หากจะทำ พวกเราจะทำเอง” ชิงจู๋จับจองงาน
หนิงเมิ่งเหยาซื้อม้วนผ้าทอชั้นดีปักลายเมฆามาสี่ม้วน แต่ชิงจู๋ก็ยังไม่พอใจ นางคิดว่าพวกนางยังซื้อน้อยไป
“ไม่มีอะไรอื่นต้องซื้อแล้ว กลับกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาทบทวนสิ่งที่พวกนางซื้อแล้วตัดสินใจว่าพอแล้ว นางจึงบอกทุกคนตามนั้น
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
ทั้งกลุ่มยกขบวนกันกลับไปถึงตอนค่ำ ในวันถัดมา เมื่อคนงานมาถึง หนิงเมิ่งเหยาประกาศว่ากะงานวันนี้จะเลิกเร็ว
ตอนดวงอาทิตย์เพิ่งแตะทิศตะวันตก หนิงเมิ่งเหยาเรียกคนงานมารับค่าจ้าง แม่นมฉินแจกค่าจ้างขณะที่ชิงจู๋แจกของขวัญปีใหม่
“ทั้งหมดนี้เป็นของขวัญสำหรับพวกเจ้า พรุ่งนี้เป็นวันปีใหม่ ดังนั้นเป็นวันหยุด พอหลังหยวนเซียว (วันที่ 15 ของเดือนแรก) พวกเจ้าค่อยกลับมาทำงาน”
พอคนงานเห็นว่านอกจากหนิงเมิ่งเหยาจะให้ค่าจ้าง นางยังให้ปลาและเนื้อ กับเงินรางวัลอีกห้าร้อย ตาพวกเขาก็เป็นประกายสดใส
ของขวัญปีใหม่ทั้งหมดนี้ดีเลิศเกินไปแล้ว พวกเขาไม่ต้องซื้ออะไรสำหรับปีใหม่เพิ่มเลย
“ขอบคุณยิ่งนัก เมิ่งเหยา”
“ไม่เป็นไร” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะ
หลังจากผู้คนออกไปกันหมด หนิงเมิ่งเหยาพ่นลมหายใจโล่งอก
พรุ่งนี้เช้าเป็นวันปีใหม่ หนิงเมิ่งเหยามีแผนจะทำอาหาร แต่โดนแม่นมฉินห้ามไว้ นางบอกจะไม่ยอมให้หนิงเมิ่งเหยาทำอาหาร และถ้าหนิงเมิ่งเหยาอยากทำอาหารก็ไม่ควรเป็นตอนวันปีใหม่นี้
หนิงเมิ่งเหยาหมดหนทางสู้กับความแน่วแน่ของแม่นมฉิน แล้วก็ทำได้แต่ยืนชี้แนะอยู่ข้างๆ กับกิน
เมื่อวันปีใหม่ผ่านไป ใบไม้ผลิมาถึงในไม่กี่วันให้หลัง กลิ่นในหมู่บ้านยิ่งเกาะตัวหนา
ในวันที่สามของปีใหม่ หยางเล่อเล่อมาหาหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา เราเข้าไปในเมืองด้วยกันดีหรือไม่ อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรให้ทำ”
หนิงเมิ่งเหยาคิดว่านางพูดถูก และเห็นด้วย
หนนี้แม่นมฉินไม่ได้ห้าม นางปล่อยหนิงเมิ่งเหยาไปกับหยางเล่อเล่อ
เมื่อพวกนางไปกันแล้ว เจี่ยงเฉวียนมองแม่นมฉินอย่างสงสัย “ทำไมวันนี้เจ้าไม่ห้ามคุณหนูเล่า”
แม่นมฉินถลึงตาใส่เจี่ยงเฉวียน นางเป็นคนแบบนั้นหรืออย่างไรกัน นางรู้ว่าคุณหนูเห็นหญิงสาวผู้นั้นเป็นสหายสนิท และนางมาอยู่ที่นี่ได้หนึ่งถึงสองเดือนแล้ว นางรู้ว่าหยางเล่อเล่อเป็นคนแบบใด ซึ่งพอได้รู้นางก็วางใจให้หนิงเมิ่งเหยาไปกับหยางเล่อเล่อ
บทที่ 74 ปะทะคารมกลางตลาด
พอหยางเล่อเล่อดึงหนิงเมิ่งเหยาไปถึงทางเข้าออกของหมู่บ้าน นางวางมือทาบบนอกตัวเอง “ข้านึกว่าแม่นมฉินจะไม่ให้ข้ามากับเจ้าแล้ว”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” หนิงเมิ่งเหยาส่ายศีรษะอย่างจนคำพูด ดูท่าแล้วหยางเล่อเล่อจะเข้าใจผู้คนรอบตัวนางเป็นอย่างดี
“วันนี้เจ้าอยากจะซื้ออะไร” หยางเล่อเล่อถามหนิงเมิ่งเหยาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หนิงเมิ่งเหยาเอียงศีรษะ ดูแล้ววันนี้นางไม่ได้นึกอยากซื้ออะไร “ข้าไม่รู้หรอก ไปเดินดูรอบๆ ก่อนแล้วกัน”
“ตกลง เราไปด้วยกัน ข้าอยากซื้อเครื่องประดับให้ตัวเองกับพี่สะใภ้ ซื้อหมึกกับพู่กันให้หลานข้า ซื้อเสื้อผ้าใหม่สองตัวให้ท่านพ่อท่านแม่” หยางเล่อเล่อร่ายสิ่งที่นางอยากทำ
ในสองเดือนมานี้ นางได้เงินจากท่านป้าลั่วอีกสิบตำลึง นางแบ่งส่วนหนึ่งให้ตระกูลแล้วยังเหลือเงินอีกมาก จึงอยากแต่งเสริมเติมประดับตัวเอง
“เอาสิ แล้วให้ข้าดูของที่เจ้าซื้อทีหลังด้วย”
“ตกลง”
ภาพสองหญิงสาวพูดคุยขบขันกันไปมาสะดุดตาหยางซิ่วเอ๋อร์และนางลั่วซึ่งอยู่ในเมืองเช่นเดียวกัน เห็นภาพนั้นแล้วพวกนางก็รู้สึกรำคาญตานัก
นางหลัวโดนปล่อยตัวก่อนวันปีใหม่ ตอนนางออกมา รูปร่างที่เคยท้วมกลมของนางเพรียวลงถนัดตา เห็นได้ชัดว่าในคุกนางกินอยู่อย่างยากแค้น
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเข้ามาใกล้พวกนาง นางหลัวทำเสียงประหลาด “โอ้ ใช่คุณหนูใหญ่ของหมู่บ้านเราหรือเปล่านั่น มาใช้เกวียนเทียมวัวเดียวกับเราได้อย่างไรกัน”
หนิงเมิ่งเหยากวาดสายตาไปมองยังนางหลัวแล้วไม่โต้ตอบอะไร เพียงหันไปกระซิบแผ่วเบากับหยางเล่อรอจนคนมากันพร้อมแล้ว เกวียนก็มุ่งหน้าไปยังตัวเมือง
นางหลัวอยากหาเรื่องให้หนิงเมิ่งเหยา แต่ไม่ทันคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะมองข้ามตน ทำให้นางอับอายยิ่งนัก ใบหน้านางบิดเบี้ยวน่าเกลียด
นางจ้องหนิงเมิ่งเหยาอย่างฉุนเฉียว นึกอยากจะพูดอีกแต่หนิงเมิ่งเหยาชิงพูดก่อน “ถ้าเจ้ายังอยากมีดวงตาอยู่ ก็หันไปเสีย”
ถึงแม้จะเพียงจ้องมา ไม่ได้ทำอะไรนาง แต่หนิงเมิ่งเหยาไม่ชอบให้นางหลัวมองตนด้วยสายตาเช่นนั้น
สายตาแบบนั้นทำให้นางรู้สึกขยะแขยง
“เจ้า…เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่จริงหรือ น่าเสียดายเสียจริงคนไม่เห็นว่าเนื้อแท้เจ้าเป็นอย่างไร” นางหลัวล้อเลียน
“เจ้าพูดถูก เรื่องไม่เห็นว่าเนื้อแท้เจ้าเป็นอย่างไรนั่น เจ้ามันเป็นโจรกระจอก โสมมเกินจะให้ข้าจัดการเอง” หนิงเมิ่งเหยาโต้
บนเกวียนมีพวกภรรยาที่ทำงานให้หนิงเมิ่งเหยา หรือมีสามีทำงานให้หนิงเมิ่งเหยาแล้วได้เงินค่าจ้างมาไม่น้อยอยู่กันพอสมควร พวกนางถึงได้ตัดสินใจมาซื้อเครื่องประดับ และข้าวของอื่น
พอได้ยินนางหลัวพูดจาเช่นนั้น พวกนางจึงอดขมวดคิ้วมิได้ “เจ้าช่วยหยุดพูดมากได้หรือไม่ นางไม่ได้ทำอะไรเจ้าก่อนเลยนะ”
“จริงด้วย”
พวกนางเริ่มมาช่วยกันเถียงนางหลัวทีละรายสองรายจนนางเกือบพุ่งเข้าไปตบตีกับหญิงพวกนั้น
นางหลัวพ่นลมเยาะอย่างเย็นชาแล้วปรายตามองผู้โดยสารบนเกวียนพร้อมพูดจาประชดประชัน “พวกเจ้าแต่ละคนกลายเป็นสุนัขมีเจ้าของไปแล้ว ก็ต้องช่วยพูดให้นางอยู่แล้วสิ”
เมื่อนางพูดออกไป เหล่าภรรยาไม่ชอบใจและลุกฮือ “นางหลัว อย่ามาหาเรื่องเพราะพวกเราแค่เตือนเจ้าหน่อยเลย แล้วถ้าเราใช้ความสามารถของตัวเองหาเงินแล้วมันจะทำไมรึ สุนัขอย่างนั้นหรือ ต่อให้เจ้าอยากจะเป็นสุนัขมีเจ้าของ ก็ไม่มีใครอยากรับเจ้าไปเลี้ยงดูหรอก”
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…” นางหลัวเดือดดาลจนต้องใช้นิ้วสั่นระริกชี้พวกภรรยาแต่กลับพูดไม่เป็นประโยค
หนิงเมิ่งเหยามองนางหลัวอย่างเย้ยหยันพลางเอ่ยพึมพำ “พวกเจ้าไม่ต้องไปพูดกับคนพรรค์นี้หรอก ถ้าสุนัขกัดพวกเจ้า พวกเจ้าก็คงไม่ไปกัดสุนัขกลับใช่หรือไม่ พวกเจ้าไม่กลัวกัดแล้วมีขนติดมาหรือ”
“จริงด้วย หนิงเมิ่งเหยาพูดถูก นางนี่มันขี้อิจฉา”
“นั่นน่ะสิ เป็นคนอยู่ดีๆ จะลดตัวไปทะเลาะกับสัตว์ได้อย่างไรกัน”
หยางซิ่วเอ๋อร์จ้องหนิงเมิ่งเหยาด้วยความไม่พอใจ “หนิงเมิ่งเหยา เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าพอตัวเองมีเงินหน่อยก็วิเศษวิโสนักรึ”
หนิงเมิ่งเหยากวาดตามองยังหยางซิ่วเอ๋อร์แล้วค่อยๆ เปิดปาก “ข้ามีเงินข้าจึงวิเศษ เพราะข้าหาเงินมาได้ด้วยตัวข้าเอง ถ้าเจ้ามีปัญญาก็หาเงินของเจ้าเองสิ อา…”
“ข้านึกออกแล้ว ที่เขาว่าแม่อย่างไร ลูกก็อย่างนั้น หมายถึงเช่นนี้นี่เอง”
“หยางซิ่วเอ๋อร์ กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่ข้าได้กลิ่นนี่อะไรรึ คนไม่รู้คุณคนคือคนแบบเจ้าเองสินะ ตอนนี้เจ้าก็พูดไม่เหมือนตอนขอความช่วยเหลือ ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกมาอีกเลย” หยางเล่อเล่อไม่ชอบที่หยางซิ่วเอ๋อร์ทำเหมือนมีใครติดหนี้บุญคุณนางไว้ แค่เห็นหญิงผู้นี้นางก็หงุดหงิดแล้ว