ตอนที่ 534 พระดำรัสสั่งเสีย
ฟู่เฉินหรงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชิงซานอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าฟู่เฉินหรงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคุณชายคนเดิมแม้แต่น้อย
ในตัวฟู่เฉินหรงเริ่มมีบารมีความเป็นอ๋องปรากฏขึ้น
ไม่นานปิงอวิ๋นก็ระดมองครักษ์อุทยานตะวันออกไปสืบได้ความชัดเจนแล้ว
จิ่นโจวมีรังโจรแห่งหนึ่งชื่อผานซานจ้าย พวกนั้นเป็นคนปล้นเสบียง
ผานซานจ้ายตั้งอยู่บนเขาผานซาน เป็นชัยภูมิที่ดี ป้องกันง่ายโจมตียาก รอบข้างร้างไร้ผู้คน ถ่าปู้กำลังโจมตีเทียนเฉิง ไม่มีกำลังพอที่จะแบ่งไปจิ่งซานเพื่อโจมตีผานซานจ้าย
ขณะนี้ เรื่องเสบียงถูกปล้นได้กระจายไปทั่วกองทัพโดยไม่มีต้นตอ ฟู่เฉินหรงต้องใช้ความพยายามอย่างหนักจึงรักษาขวัญทหารไว้ได้ แต่คงอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาต้องหาทางเอาเสบียงคืนมา
“องค์รัชทายาท ผู้น้อยขอพาคนไปชิงเสบียง ทางนี้คงไปไม่ได้ เรื่องนี้ให้ข้าไป พวกข้าจัดการกับโจรพื้นบ้านได้ไม่มีปัญหา ข้าจะอาศัยกำลังองครักษ์อุทยานตะวัน”
ปิงอวิ๋นเสนอตัว
ในยามคับขันฟู่เฉินหรงกับเซียวลั่วไม่อาจปลีกตัวได้ พวกเขาเป็นกำลังหลัก ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่แข็งแกร่งของซาหลัว ถ้าพวกเขาไป ขวัญกำลังใจทหารก็ยิ่งกระเจิง สุดท้ายอาจจะพ่ายแพ้
ฟู่เฉินหรงครุ่นคิด แล้วอนุญาต “ปิงอวิ๋น เจ้านำคนไปหนึ่งพัน ต้องเอาเสบียงคืนมาให้ได้”
“ผู้น้อยน้อมรับคำสั่ง”
ปิงอวิ๋นรับคำ แล้วรีบออกไปจัดการ
ฟู่เฉินหรงรวบรวมเสบียงจากเมืองเล็กรอบข้างได้เล็กน้อย แม้ไม่มาก แต่ก็ทำให้รับมือกับเหตุการณ์ต่อไปได้ ถ่าปู้ยกกองทัพมาประชิดเมืองแล้ว ได้แต่หวังว่าปิงอวิ๋นจะนำเสบียงจากจิ่นโจวกลับมาอย่างราบรื่น
เหตุการณ์เสบียงถูกปล้น ฟู่เฉินหรงได้ถวายรายงานต่อซุ่นตี้ เรื่องนี้ซุ่นตี้ทรงปกปิดไว้ ไม่ให้ข่าวแพร่ออกไป หากถูกเปิดเผยอาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก
วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับรายงาน ซุ่นตี้ทรงมีพระบัญชาให้ซูจิ่วซือเข้าเฝ้า
ซูจิ่วซือไม่รู้ว่าซุ่นตี้ทรงมีพระประสงค์อย่างไร พอถึงห้องทรงพระอักษรของซุ่นตี้นางก็ถวายบังคมอยู่ใกล้ๆ รอให้พระองค์ตรัส
ซุ่นตี้ทรงให้หวังฝูอยู่ ส่วนนางกำนัลคนอื่นออกไป หลังจากออกไปหมดแล้ว จู่ๆ ซุ่นตี้ก็สีพระพักตร์หม่นหมองถอนพระทัย “คุณหนูมู่ ทางเฉินหรงเกิดเรื่องขึ้น”
พอได้ยินว่าฟู่เฉินหรงเกิดเรื่อง ซูจิ่วซือก็เงยหน้าขึ้นทันที ไม่ทันนึกถึงแบบแผน ทูลถามด้วยความเครียด “เฉินหรงเกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ?”
นางไม่ได้เจ็บอกอย่างชัดเจน ฟู่เฉินหรงไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไร ก่อนหน้านี้มีข่าวดีส่งมาอย่างต่อเนื่อง ทำไมยามคับขันเช่นนี้ซุ่นตี้จึงตรัสว่าฟู่เฉินหรงเกิดเรื่องขึ้น
“เสบียงถูกปล้นที่จิ่นโจว เวลานี้เฉินหรงขาดเสบียง ด่านชายแดนขาดเสบียงอยู่แล้ว แม้จะระดมทั้งหมดก็คงอยู่ได้ไม่กี่วัน คุณหนูมู่ เจ้าคงรู้ว่าถ้าขาดเสบียงจะเป็นอย่างไร?”
ซูจิ่วซือสีหน้าเครียดทันที นางรู้ว่าหากขาดเสบียงจะเป็นอย่างไร คนที่มีสติย่อมรู้ดีว่าเสบียงเป็นสิ่งที่ไม่อาจแตะต้อง สงครามครั้งนี้มีความสำคัญต่อแคว้นเจียงมาก ฟู่จิ่งบ้าไปแล้ว ถึงกับลงมือปล้นเสบียง
แม้ไม่สืบให้แน่ชัด แต่ซูจิ่วซือก็นึกถึงฟู่จิ่งเป็นอันดับแรก เรื่องนี้มีแต่ฟู่จิ่งเท่านั้นที่ทำได้ เพื่อตำแหน่งฮ่องเต้ เขาบ้าไปแล้ว
การกระทำของเขาไม่คู่ควรกับการเป็นคนแคว้นเจียง
“ฝ่าบาท หม่อมฉันจะช่วยอะไรได้บ้างเพคะ?”
ซูจิ่วซือรู้ว่าซุ่นตี้ทรงให้ตนเข้าเฝ้า คงมีแผนแน่
“พวกที่ปล้นเสบียงเป็นคนผานซานจ้าย ที่นั่นเป็นภูเขาสูงอยู่ห่างไกล ผู้คนโหดเ**้ยม
ใกล้เขาผานซานเนื่องจากถูกโจรคุกคามอย่างหนัก ชาวบ้านโดยรอบสิบกว่าลี้อยู่ไม่ได้ เฉินหรงส่งกำลังไปปราบโจรพันคน พันคนนี้คงไปไม่มีวันกลับ เวลานี้มีคนเดียวที่สามารถรับมือกับโจรผานซานจ้ายได้
ตอนที่ 535 ขอร้องเฟิงชิงสุ่ย
“ใครหรือเพคะ?”
“ซูต้าเฉิง” ซุ่นตี้ตรัสเรียกชื่อนี้ออกมา “ซูต้าเฉิงเป็นผู้บัญชาการทหารจิ่นโจว เคยเป็นโจรมาก่อน เฟิงชิงสุ่ยเคยเป็นตัวแทนเจิ้นไปเจรจาให้เขากลับใจ
ต่อมาเขาได้เป็นผู้บัญชาการทหารจิ่นโจว ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ เดิมทีจิ่นโจววุ่นวาย พอเขามาปกครอง จิ่นโจวก็สงบ แต่เขาไม่ได้จัดการผานซานจ้าย เวลานี้มีแต่เขาเท่านั้นที่รับมือกับพวกผานซานจ้ายได้
เขาคุ้นเคยกับผานซานจ้ายดี เพียงแต่ว่าจิ่นโจวเป็นเมืองบนภูเขาสูงห่างไกลจากศูนย์กลาง ซูต้าเฉิงไม่ใช่คนเชื่อฟัง แม้เจิ้นจะมีคำสั่ง เขาก็หาข้ออ้างยื้อเวลาออกไป แต่เฉินหรงไม่อาจรอได้ คุณหนูมู่ เจ้าเข้าใจความหมายของเจิ้นหรือไม่?”
ซุ่นตี้ทอดพระเนตรมองซูจิ่วซือ รอคำตอบจากซูจิ่วซือ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะทอดพระเนตรดูว่าในยามคับขันเช่นนี้ ซูจิ่วซือสามารถเข้าใจเหตุผลหรือไม่
“หม่อมฉันเข้าใจที่ฝ่าบาทตรัสเพคะ พอออกจากวัง หม่อมฉันจะไปหาคุณหนูเฟิง”
ซุ่นตี้พยักพระพักตร์ พระสุรเสียงเครียด “เรื่องนี้ต้องมอบหมายให้เจ้า คุณหนูมู่ เกียรติของคนคนหนึ่งไม่มีความหมาย สถานการณ์เวลานี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของทหารและราษฎรนับพันนับหมื่น เจ้าอย่าเลอะเลือน ไม่เช่นนั้นเฉินหรงคงกลับมาไม่ได้จริงๆ”
ซูจิ่วซือคุกเข่าลงกับพื้น ในใจรู้สึกเครียด แต่ก็ยังรับปาก “หม่อมฉันจะไม่ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังเพคะ”
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ไปเถอะ!”
ซุ่นตี้ทรงไอทีหนึ่ง แล้วโบกพระหัตถ์ ให้ซูจิ่วซือออกไป ซูจิ่วซือลุกขึ้น แล้วออกจากห้องทรงพระอักษรของซุ่นตี้ทันที
จู่ๆ สมองของนางก็ผุดคำที่เฟิงชิงสุ่ยเคยพูดกับนาง
เฟิงชิงสุ่ยเคยบอกว่า สักวันหนึ่งจะทำให้นางไปขอร้องนางด้วยตัวเอง นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงอย่างรวดเร็ว นางต้องไปขอร้องเฟิงชิงสุ่ยจริงๆ ซุ่นตี้ทรงเข้าพระทัยเรื่องนี้ดี จึงให้นางไปหาเฟิงชิงสุ่ย
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นางรู้แล้วว่าความเย่อหยิ่งของเฟิงชิงสุ่ยมาจากไหน เฟิงชิงสุ่ยมีความสามารถจริงๆ มีบางอย่างในมือที่นางไม่มี มีบางอย่างที่นางจนปัญญา แต่เฟิงชิงสุ่ยสามารถจัดการได้ ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกแย่จริงๆ
แต่ไหนแต่ไรนางไม่ใช่คนที่จะขอร้องใคร แต่เพื่อฟู่เฉินหรง ครั้งนี้นางต้องไป และยิ่งเร็วยิ่งดี ฟู่เฉินหรงไม่อาจรอช้า และไม่อาจรอได้
พอสังเกตเห็นสีหน้าของซูจิ่วซือไม่ปกติ อาหลานซึ่งเข้าวังพร้อมกับนางก็ถามอย่างเป็นห่วง “คุณหนู ไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
ซูจิ่วซือโบกมือ “ข้าไม่เป็นไร ไปกันเถอะ!”
พอขึ้นรถม้า ซูจิ่วซือก็สั่งคนขับ “อย่าเพิ่งกลับจวนตระกูลมู่ ไปจวนแม่ทัพสยบปฐพีก่อน”
คนขับรถม้าพยักหน้า รีบตวัดแส้ ซูจิ่วซือเอนหลังพิงรถ ในใจรู้สึกเครียด นางเป็นห่วงฟู่เฉินหรงและไม่รู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยจะเรียกร้องอะไรที่เกินเลย ถ้าไม่เรียกร้องให้นางออกห่างจากฟู่เฉินหรง ก็อาจจะถือโอกาสข่มเหงนาง
ไม่ว่าจะถูกข่มเหงอย่างไร เวลานี้นางต้องอดทน ช่วยฟู่เฉินหรงก่อนสำคัญที่สุด
ตลอดทางสมองของซูจิ่วซือสับสน ไม่พูดไม่จา อาหลานรู้ว่านางไม่สบายใจ ก็ไม่กล้าพูดอีก จนกระทั่งถึงจวนแม่ทัพสยบปฐพี จึงเรียกซูจิ่วซือ
อาหลานลงจากรถม้าแล้วประคองซูจิ่วซือลงจากรถม้า ซูจิ่วซือท่าทางยังคงสงบ มองดูป้ายจวนแม่ทัพสยบปฐพี ไม่ลังเล รีบเข้าไปในจวนแม่ทัพสยบปฐพีทันที
พอรู้ว่าซูจิ่วซือมาหาตน เฟิงชิงสุ่ยรีบให้คนพาซูจิ่วซือเข้าไปที่สนามด้านหลัง นางกำลังฝึกยิงธนูอยู่ที่นั่น ข้างนอกอากาศเย็นจัด เฟิงชิงสุ่ยไม่ได้สวมเสื้อคลุม สวมแต่ชุดขี่ม้าสีแดงยิงธนูท่ามกลางลมหนาว
นางรวบผมดำยาวเป็นช่อสูง ยิ่งทำให้ดูห้าวหาญ