ตอนที่ 270 ได้ยาถอนพิษ
เผยปิงปิงหยิบงูดำตัวน้อยขึ้นมาจากพื้นหญ้า กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “กู้เฉินหรงคนนี้ ทำเกินไปจริงๆ ถือน้องสาวเป็นแก้วตาดวงใจ ข้าเป็นคู่หมั้นไม่ใช่หรือ”
เป่าเหลียนสาวใช้ซึ่งอยู่ข้างหลังพูดเตือน “คุณหนู บ่าวรู้สึกว่าคุณชายกู้ไม่ได้รักคุณหนูแบบหนุ่มสาว ถ้าคุณหนูแต่งกับคุณชายกู้จริงๆ เกรงว่าต่อไปเขาคงไม่ใส่ใจคุณหนู”
“เขาหรือจะกล้า”
เผยปิงปิงถอนหายใจ
“คุณชายกู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ไม่กลัวของรักที่คุณหนูเลี้ยง เรื่องการแต่งงาน บ่าวว่าคุณหนูต้องคิดให้ดี”
เผยปิงปิงลูบงูดำตัวน้อยพลางถอนหายใจเบาๆ “ข้ารู้ว่าเขาไม่มีใจให้ข้า แต่เขาเป็นคนที่เหมาะจะเป็นสามีข้าจริงๆ ถ้าปล่อยเขาไป ไม่รู้ว่าพ่อจะให้ข้าแต่งงานกับใครก็ไม่รู้
เจ้าดูสิหมู่บ้านเขากุยอวิ๋นซานนอกจากพี่ชายสองคนแล้ว ยังมีใครที่พอใช้ได้บ้าง แต่ละคนไม่เอาไหนเลย แม้แต่ตัวอำเภอใกล้เขา คุณชายผู้ดีพวกนั้นมีใครบ้างที่พอจะเทียบกู้เฉินหรงได้”
“บ่าวรู้สึกว่าคุณชายกู้อีกคนก็ไม่เลวนะเจ้าคะ หน้าตาท่าทางไม่แพ้คุณชายกู้คนน้อง”
เผยปิงปิงครุ่นคิด “พูดอย่างนี้ก็ถูก กู้หลียวนฉลาดคล่องแคล่ว ดวงตามีชีวิตชีวา ข้าไม่กล้ามองหน้าเขา ทั้งสองมาจากเมืองหลวง คุณชายตระกูลสูงโดดเด่นคนนี้คงได้ใกล้ชิดฮ่องเต้ เป่าเหลียน เจ้าก็หลงกู้หลียวนใช่ไหม!”
คำพูดนี้ทำให้เป่าเหลียนตกใจรีบสั่นหัว “บ่าวหรือจะบังอาจคิดเหลวไหล คุณหนูอย่ายุบ่าวอย่างนี้”
เผยปิงปิงหัวเราะ “เราไปหากู้หลียวนเถอะ ว่าไปแล้วกู้หลียวนน่าสนใจกว่ากู้เฉินหรง”
พอซูจิ่วซือได้ดอกหลานกู่ฮวาจากกู้เฉินหรง ก็ให้คนเอาไปให้เผยไป๋ชวน หลังจากฟ้ามืด เผยไป๋ชวนก็ให้คนเอาขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวมาส่ง ในนั้นบรรจุยาแก้พิษยาตัดดวงจิต
พอได้รับยาแก้พิษ ซูจิ่วซือเตรียมจะเอาไปให้กู้เฉินหรง นางไม่อยากให้เสียเวลาแม้แต่น้อย ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู จู่ๆ ก็มีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา
นางอายุประมาณสี่สิบกว่า มีสาวใช้อีกหลายคนตามมาข้างหลัง นางสวมชุดสีเขียวอ่อนทั้งตัว ท่าทางสุภาพ รูปร่างค่อนข้างผอมบาง แม้ทาแป้ง แต่ไม่อาจปกปิดความหม่นหมอง ดูลักษณะเหมือนเป็นคนป่วยเรื้อรัง เห็นแต่ไกลแวบเดียว ซูจิ่วซือก็คาดเดาฐานะของนางได้ เป็นนางเว่ยภรรยาของเผยไป๋ชวนแน่นอน
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังชูโคมสีแดง พอเดินมาถึงเรือน นางเว่ยก็ให้สาวใช้รออยู่ข้างนอก ตนเดินเข้าไปหาซูจิ่วซือ
ซูจิ่วซือพยักหน้าให้นางเว่ย ถือเป็นการทักทาย
“แม่นางซูจะออกไปหรือ”
พอเห็นซูจิ่วซือเดินมาที่หน้าประตู นางเว่ยก็ถามขึ้น
“คิดว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ฮูหยินเชิญข้างใน”
นางเว่ยไม่พูดอะไร ตามซูจิ่วซือเข้าไปในห้อง จื่อหลานรินชาให้ นางเว่ยยกชาขึ้นไม่ได้ดื่ม แต่ออกคำสั่ง “เจ้าก็ออกไปเถอะ! ข้ากับคุณหนูของเจ้ามีเรื่องจะคุยกัน”
ซูจิ่วซือพยักหน้า จื่อหลานจึงออกไปจากห้อง แล้วปิดประตู
พอจื่อหลานไปแล้ว นางเว่ยก็จ้องหน้าซูจิ่วซืออย่างไม่เกรงใจ จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้น บนใบหน้ายิ้มแย้มมีความขมขื่นที่ไม่อาจพูดออกมาได้ “เจ้าไม่มีเงาของซูหลิ่วแม้แต่น้อย ได้ยินว่าเจ้าเป็นหลานสาวของซูหลิ่ว เพราะอย่างนี้เอง เขาจึงคิดจะหย่ากับข้ามาแต่งกับเจ้า”
“ฮูหยิน ข้า…” ซูจิ่วซือรู้สึกผิดต่อนางเว่ยมาก นางไม่มีเจตนาจะทำร้ายนางเว่ย ที่รับปากเผยไป๋ชวนก็เพื่อช่วยกู้เฉินหรง ถ้าเรื่องไม่มาถึงขั้นนี้ นางก็ไม่รู้ว่าตนจะยอมทำอย่างนี้เพื่อกู้เฉินหรง
——
ตอนที่ 271 น่าสังเวช
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่ยินยอม เจ้ามาจากเมืองหลวง ได้ยินมาว่าไทเฮายังแต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิง ได้เป็นที่โปรดปรานของไทเฮา ย่อมมีความสามารถอยู่บ้าง
เขากุยอวิ๋นซานตัดขาดจากโลกภายนอก แม้การกินอยู่ไม่ขัดสน แต่เจ้าจะชอบตาแก่ไป๋ชวนคนนี้ได้อย่างไร ข้ารู้ว่าไป๋ชวนบังคับเจ้า เขาคงกุมจุดอ่อนบางอย่างของเจ้าได้ ทำให้เจ้าจำเป็นต้องยอมเขา”
แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างคนทั้งสอง แต่นางเว่ยก็มั่นใจในการคาดเดาของตน
ไม่ใช่เพราะซูจิ่วซือยั่วยวนเผยไป๋ชวน แต่เป็นเพราะเผยไป๋ชวนบังคับซูจิ่วซือให้แต่งงานด้วย นางมาหาซูจิ่วซือก็เพราะอยากดูว่าหน้าตาของซูจิ่วซือเป็นอย่างไร เหมือนซูหลิ่วหรือไม่
นางเว่ยไม่เคยเห็นซูหลิ่ว แต่เคยเห็นภาพวาดใบหน้าของซูหลิ่วที่ห้องหนังสือของเผยไป๋ชวน หน้าตาของซูหลิ่วจึงอยู่ในสมองของนางนานแล้ว รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เผยไป๋ชวนรักมาตลอดชีวิต
และเป็นฝันร้ายที่นางสลัดไม่พ้น
“ฮูหยิน ข้าไม่มีวันแต่งงานกับจ้าวหุบเผยแน่”
“เกรงว่าเจ้าจะไม่มีทางเลือก เจ้าไม่รู้ว่าไป๋ชวนเป็นคนอย่างไร เขาต้องการอะไรไม่มีใครห้ามเขาได้ ข้ามาหาเจ้าไม่ใช่จะกล่าวโทษเจ้า และไม่ต้องการรบกวนเจ้า เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าความเป็นผัวเมียกันหลายปียังสู้ผู้หญิงที่ตายไปไม่ได้ แม้แต่หลานสาวของนางเขาก็ไม่ยอมปล่อย”
นางเว่ยพูดน้ำเสียงขมขื่น พร้อมกับดวงตาที่ฉายแววอ่อนล้า “ป้าของเจ้าแม้จากโลกไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในใจของไป๋ชวนตลอดเวลา”
ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่านางเว่ยจะพูดอย่างนี้ เดิมทีนางคิดว่านางเว่ยจะมาหาเรื่องนาง แต่นางเว่ยกลับไม่ได้โทษนาง เวลาผ่านไปหลายปี เผยไป๋ชวนยังไม่ลืมเรื่องราวในอดีต
“ข้าทำให้ฮูหยินลำบากใจโดยไม่ได้เจตนา ขออภัยด้วย”
“แม่หนู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าอายุน้อยกว่าลูกชายของข้าด้วยซ้ำ ไป๋ชวนก็บ้าไปแล้ว ซูหลิ่วเป็นปมในใจของเขา ข้าเองไม่คิดจะแย่งชิงอะไรกับซูหลิ่ว วันหลังข้าจะดูแลแม่นางอย่างดี”
ซูจิ่วซือมองนางเว่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ฮูหยินหมายความว่ายินยอมตามที่จ้าวหุบเผยจัดการหรือ”
“ไม่ยินยอมแล้วจะทำอย่างไรได้ เขามีแต่เชื่อตัวเองเท่านั้น หลายปีมานี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ข้าไม่เคยปฏิเสธแม้แต่คำเดียว นี่เป็นความปรารถนาของเขา ข้าจะช่วยให้เขาสมปรารถนา แม่นาง ในเมื่อเจ้ารับปากเขาแล้ว ก็ต้องรักษาคำสัญญา ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ จะถือเจ้าเป็นน้องสาวคนหนึ่ง”
ซูจิ่วซือรู้สึกขำ เป็นความจริงที่ว่า นางเว่ยรักเผยไป๋ชวนมาก แต่นึกไม่ถึงว่านางเว่ยจะยึดมั่นถึงขั้นนี้
“ฮูหยิน ฮูหยินบอกว่าจ้าวหุบเผยบ้าไปแล้ว ที่ฮูหยินทำแบบนี้ก็ไม่บ้าหรือ ข้าถูกจ้าวหุบเผยบังคับ จึงจำเป็นต้องรับปาก ไม่ใช่ความต้องการของข้า เรื่องในอดีตก็ผ่านไปแล้ว คนเราควรจะเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ ฮูหยินฝืนใจทำอย่างนี้ ในใจมีความสุขจริงหรือ”
“เจ้าไม่เหมือนเด็กสาวคนอื่นถึงคิดได้อย่างนี้ ถ้าข้ารับปากเรื่องนี้ยังทำให้เขารู้สึกละอายใจอยู่บ้าง แต่ถ้าปฏิเสธ เขาก็ยังจะแต่งงานกับเจ้า ความเป็นผัวเมียกันระหว่างข้ากับเขาก็จะหายไปทันที
เพื่อรั้งเผยไป๋ชวนไว้ นางเว่ยแม้ไม่สบายใจอย่างมาก แต่ก็ยอมรับการจัดการของเผยไป๋ชวน ตลอดยี่สิบปีกว่ามานี้ นางคุ้นเคยกับการเชื่อฟังและอุทิศตน เผยไป๋ชวนบอกอย่างไร นางไม่เคยปฏิเสธ เป็นอย่างนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ฮูหยินจะทำอะไร”
ซูจิ่วซือรู้สึกว่านางเว่ยน่าสังเวช เมื่อก่อนซูจิ่วซือเคยเปลี่ยนตัวเองไปไม่น้อยเพื่อกู้เหยี่ยน แต่ยังคงรักษาความเป็นตัวเองและมีขีดจำกัด แต่นางเว่ยไม่มีขีดจำกัดแม้แต่น้อย