“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกครับ” โม่ถิงทำเพียงตอบกลับเสียงทุ้มต่ำ ทว่ามันเพียงพอที่จะทำให้ถังอี้เฉินเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว
ถังอี้เฉินพยักหน้ารับในขณะที่ลู่กวงหลียืนกอดอกอยู่ด้านหลังเธออย่างไม่สบอารมณ์
ทุกครั้งที่ถังอี้เฉินลากเขาไปที่ไหนสักแห่งต้องเป็นเรื่องรุนแรงไปเสียหมด แต่เรื่องรุนแรงพวกนี้มักเกี่ยวข้องกับถังหนิงหรือเพื่อนของถังหนิงทุกทีไป
“ผมจะกลับบ้านแล้ว”
ถังอี้เฉินดูออกว่าลู่กวงหลีกำลังหงุดหงิดอยู่
เธอจึงได้แต่พยักหน้าให้ แต่อย่างไรเธอก็ยังต้องจัดการเรื่องของถังหนิงเสียก่อน
กองทัพนักข่าวคงมาถึงในไม่ช้า อย่างไรเสียก็มีคนในวงการบันเทิงจากไปและถังหนิงยังรักษาตัวอยู่ที่นี่อีกด้วย จึงเป็นเรื่องแน่นอนที่นักข่าวจะต้องการมาตามหาข่าว
“ก่อนที่พวกสื่อจะมากัน ช่วยย้ายตัวถังหนิงไปก่อนเถอะ ยังไงเธอก็ควรรักษาตัวในที่ที่สงบหน่อย”
โม่ถิงไม่ตอบ กลับโทรหาลู่เช่อให้จัดการเรื่องบอดีการ์ดและการแก้ข่าว
ในขณะเดียวกันซย่าหันโม่อยู่ในความดูแลของหลงเจี่ยและหลินเฉี่ยน
…
ด้วยเหตุนี้เมื่อถังหนิงฟื้นขึ้นมา เธอจึงพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ที่ไฮแอทรีเจนซี ความสงบสุขที่บ้านเป็นสิ่งที่เธอนึกไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
“หันโม่…”
“เธอจากไปแล้วล่ะ” โม่ถิงดันตัวถังหนิงในนอนลงกับเตียงคล้ายห้ามไม่ให้เธอไปไหนอีก “เชื่อฟังแล้วก็พักผ่อนซะนะครับ ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรในวงการให้คุณต้องกังวลหรอกครับ”
ถังหนิงนั่งอยู่บนเตียงขณะที่ติดขัดในลำคอเล็กน้อย เธอต้องการจะพูดบางอย่างหากแต่ไม่มีคำพูดใด้หลุดออกมา
“ถิงคะ ฉันไม่ควรอยู่ในวงการอีกแล้วใช่ไหมคะ ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำร้ายคนไปมากเลยค่ะ”
เมื่อเขาได้ยินดังนั้น โม่ถิงกุมมือเธอไว้ทันทีก่อนเอ่ย “คนเราต้องเคยทำเรื่องผิดพลาดในชีวิตและผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยอยู่แล้วครับ โดยเฉพาะโชคชะตาที่ไม่สามารถเปลี่ยนไปได้ ความโหดร้ายของการเป็นมนุษย์ก็คือการต้องก้าวต่อไปข้างหน้าแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคก็ตาม”
ดวงตาของถังหนิงเริ่มแดงก่ำขณะที่เธอสบตามองโม่ถิงพร้อมน้ำเสียงสั่นสะท้าน “แต่คนสองคนจากฉันไปสองคนติดแล้วนะคะ”
“เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณนะครับ เฉียวเซินต้องการทำความฝันของเขาให้สำเร็จและ ซย่าหันโม่เองก็อยากให้ยกโทษให้ แล้วทั้งคู่ก็ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการในท้ายที่สุดครับ
“ต่อให้คุณโทษตัวเองและรู้สึกผิด คุณก็ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ไม่ได้ แต่มันกลับเป็นการทำร้ายผมแทนนะครับ”
ถังหนิงระเบิดน้ำตาออกมาหลังจากได้ยินเช่นนั้น “ให้ฉันได้ร้องไห้สักครั้งนะคะ ฉันสัญญาค่ะ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
โม่ถิงค่อยประคองเธอเข้าในอ้อมกอดและปล่อยให้เธอร้องไห้กับไหล่ของเขา “ร้องเถอะครับ ร้องออกมาให้หมดทั้งหัวใจ หลังจากนั้นก็กอดความฝันของเฉียวเซินและซย่าหันโม่เอาไว้แล้วเดินหน้าต่อนะครับ”
ถังหนิงรู้สึกแย่ เธอไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าโม่ถิงแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่เคยยอมแพ้และสะทกสะท้านกับความกดดันใดๆ ไม่ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับอุปสรรคเพียงไหนก็ตาม ทว่าในครั้งนี้เธอระบายทุกอย่างออกมาและได้แต่ร้องไห้เพราะการจากไปของซย่าหันโม่
หลังจากร้องไห้มาสักพัก ถังหนิงรู้สึกดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติในที่สุด
“ตอนนี้สิ่งที่คุณควรทำก็คือพักผ่อนอยู่ที่บ้านนะครับ ผมจะให้ลู่เช่ออยู่ช่วยคุณเป็นการชั่วคราว”
ถังหนิงพยักหน้ารับ เธอรู้ว่าโม่ถิงเป็นเพียงคนเดียวที่เข้าใจได้ทะลุปรุโปร่งว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“นักแสดงสาว ซย่าหันโม่ ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตเมื่อวานนี้หลังจากพลัดจากตึก คนร้ายคือ ประธานฟ่าน ซึ่งถูกจับกุมด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ ทั้งนี้คุณฝานได้ให้การสารภาพอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน
“เขาให้การกับทางตำรวจว่าซย่าหันโม่เสียชีวิตอย่างไม่มีความผิดเพราะเขามีเจตนาที่จะทำร้ายคนอื่น และคนคนนั้นก็คือนายใหญ่ผู้เลื่องชื่อแห่งจู้ซิงมีเดีย คุณถัง อดีตเจ้านายของซย่าหันโม่…
“คุณฝานพยายามวางแผนทำร้ายถังหนิงหลายครั้งแต่ไม่เคยทำสำเร็จ ครั้งนี้เขาจึงบ้าคลั่งมากพอที่จะผลักอดีตศิลปินของคุณถังให้ตกลงมาจากชั้นห้าของตึกเพียงเพื่อให้สาสมกับความไม่พอใจส่วนตัวของเขา”
…
ไม่ใช่ข่าวบันเทิงหากแต่เป็นข่าวสังคม
หลังจากถังหนิงเห็นมัน โม่ถิงอยากจะปิดโทรทัศน์ให้เธอแต่เธอรั้งเขาเอาไว้ “คนข้างนอกต้องกำลังประณามฉันอย่างบ้าคลั่งเพราะคนอื่นแน่ค่ะ…”
“ถ้าคุณไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญหน้ากับข่าวที่ออกมาก็อย่าดูเลยนะครับ แต่ถ้าคุณเตรียมใจเอาไว้แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องไร้สาระแบบนั้นหรอกครับ” โม่ถิงว่าขึ้นท่าทีจริงจัง “คุณก็รู้ดีว่าต้องทำยังไง”
ถังหนิงหลับตาลง
“ทุกคำพูดรุนแรงที่ผมพูดกับคุณตอนนี้เพราะผมไม่อยากให้คุณเสียใจด้วยความเครียดที่เอามาใส่ตัวนะครับ
“หลินเหว่ยเซินยังรอส่งภรรยาของเขาให้คุณปั้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง แฟนๆ ของซย่าหันโม่กำลังรอคำอธิบายอยู่ และ มดราชินี ก็ถ่ายทำเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการหลังการถ่ายทำ มากไปกว่านั้นเจ้าตัวน้อยในท้องคุณก็ยังรอให้คุณดูแลอยู่นะครับ”
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น ถังหนิงก็ขยำผ้าปูเตียงข้างตัวไว้แน่น
เพราะทุกครั้งที่ศัตรูทำร้ายเธอ เธอจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ในครั้งนี้เธอจึงจะไม่ยอมแพ้เพราะคนอื่น
ทว่า…
…แฟนๆ ของซย่าหันโม่ยังคงส่งรูปคนตาย จดหมายที่เขียนด้วยเลือดและของอื่นๆ มาให้เธอ…
“ครั้งหนึ่งซย่าหันโม่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่จู้ซิงมีเดีย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเพราะการกระทำของเธอเอง เราจะไม่โทษเรื่องที่จู้ซิงมีเดียไล่เธอออก แต่…ที่หันโม่ตายเพราะเรื่องบาดหมางระหว่างถังหนิงกับคนอื่นเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ ถังหนิงต้องออกมาชี้แจงกับทุกคน ไม่อย่างนั้นเราจะต่อต้านไห่รุ่ยเช่นกัน”
“การแก้ข่าวของไห่รุ่ยทั้งได้ผลและน่าประทับใจมาตลอด แต่เรื่องของถังหนิงกับคุณฝานตอนนี้ลุกลามไปทั่วแล้ว มาคอยดูกันว่าไห่รุ่ยจะวางแผนคลี่คลายเรื่องนี้ยังไง”
“ถ้าถังหนิงไม่ออกมาชี้แจงกับเรา เราจะส่งพวงหรีดไปที่ไฮแอทรีเจนซีทุกวัน”
หากแต่แน่นอนว่าบางความเห็นก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
“ฉันได้ยินว่าถังหนิงช่วยซย่าหันโม่ไว้ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น ฉันว่าหันโม่ไม่ได้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรอกแม้ว่าเธอจะเจ็บตัวก็ตาม ทำไมพวกเธอไม่ไปประณามคนร้ายแต่กลับไปต่อว่าคนที่หันโม่รักแทนล่ะ เพราะคิดว่าถังหนิงกดขี่ข่มเหงได้ง่ายอย่างนั้นเหรอ”
แฟนๆ ของซย่าหันโม่ต่างตกอยู่ในความเดือดดาล พวกเขาไม่ได้เพียงแค่ต่อว่าแต่ยังส่งของน่าสะอิดสะเอียนหลายอย่างมาที่ไห่รุ่ย ในเมื่อซย่าหันโม่จากไปแล้ว พวกเขาก็จะเอาคืนกับความคับแค้นใจทั้งหมดทั้งใหม่และเก่า
ย้อนไปถึงความทุกข์ทรมานของซย่าหันโม่ในตอนที่ถูกไล่ออกมาจากจู้ซิงมีเดีย
พวกเขาจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้กับทุกๆ อย่างในคราวเดียว
แน่นอนว่าตอนนี้เรื่องได้ลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นที่แม้แต่ไห่รุ่ยยังถูกต่อว่าและโจมตีเพียงเพราะถังหนิง ดังนั้นในฐานะคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ หากโม่ถิงยังเข้าข้างถังหนิงต่อไปมันคงจะไม่สมเหตุสมผลนัก
จึงมีบางคนตั้งข้อสงสัย “หรือว่าเส้นทางในวงการบันเทิงของถังหนิงจะสิ้นสุดตรงนี้กัน”
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครออกมาปกป้องถังหนิงได้อีกต่อไป
เว้นเสียแต่ซิงหลานกับลัวเซิงจะต้องการดับอนาคตของตัวเอง
หลังจากเหตุการณ์ใหญ่โตมาถึงจุดนี้ ถังหนิงจึงชวนหลงเจี่ยและหลินเฉี่ยนมาที่ไฮแอทรีเจนซี “พวกเธอคงเห็นว่าสถานการณ์เป็นยังไงแล้ว ให้ฉันส่งต่อจู้ซิงมีเดียให้พวกเธอเถอะ”
“ถังหนิง คุณจะยอมแพ้เหรอคะ”
“ใครบอกว่าฉันจะยอมแพ้กันล่ะ” ถังหนิงถามกลับ “ฉันแค่จะเดินหลบออกมาจากแสงไฟสักหน่อยเพื่อให้จู้ซิงมีเดียไม่ถูกทำลายต่างหาก”