“คนอื่นไม่ว่า วันนี้ไอ้เด็กเวรแกคนนี้ ฉันต้องจับมาต้มยำทำแกงแน่”กงจิ่วพูดอย่างเย็นชา ค่อยๆดึงมีดลายเบญจมาศออกมา
สายตาของเขาแน่วแน่
ปกป้องลูกน้องในมือ เอาสินค้าจากอาคารออกไป จับตัวลูกน้องคนหนึ่งของหลินอิ่งไปสอบถามข่าวกรอง
สำหรับพวกจ้าวเฉิงเฉียน กงจิ่วไม่ได้อยากสนใจ ไม่มีค่าเลยแม้แต่น้อย
“นายน้อย ตอนนี้ พวกเราจะ……”หม่าผิงชวนพูดเสียงเบาอยู่ข้างเขา
จ้าวเฉิงเฉียนจ้องกงจิ่วนิ่งๆ ไม่ได้แสดงทัศนคติ
ความหมายของหม่าผิงชวนคือพาคนถอยออกไปเถอะ ปกป้องคนของหลินอิ่งไว้ก็พอ
อยากจับตัวกงจิ่ว ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้
“เหอะเหอะ”กงจิ่วมองจ้าวเฉิงเฉียนอย่างหยอกล้อ แล้วกวาดตามองพวกเย่เฮย
“เจ้าตัวหลินอิ่งมาเอง ยังพอจะเล่นกับฉันได้บ้าง”กงจิ่วพูดอย่างเย็นชา สายตาหยอกล้อเหมือนดั่งมองฝูงสัตว์ที่ถูกไล่ล่า
ระหว่างที่พูด กงจิ่วถือมีดลายดอกเบญจมาศ เดินไปข้างหน้าทีละก้าว
สู้รบกันมารอบหนึ่ง ในใจกงจิ่วก็คาดการได้แล้ว
เพราะว่ามีจ้าวเฉิงเฉียนอยู่ เขามีความหวาดกลัวอยู่
เพราะฉะนั้น ไม่สามารถฆ่าจนหมดได้
แต่อย่างน้อย ก็สามารถฆ่าคนสองคนได้ แล้วค่อยถอนตัวออก
ซือ
เวลาเดียวกัน มีเสียงรถเคลื่อนไหวดังมา ยังมีแสงสาดส่องจากทางไกลส่องมาที่อาคารร้าง ทำให้มองเห็นความสว่าง
“นี่มัน?”
พวกจ้าวเฉิงเฉียนและเย่เฮย ต่างก็หันไปมอง เห็นเพียงรถสีดำยาวคันหนึ่ง ร่างมัวของชายคนหนึ่งลงมา
“อือ?”
กงจิ่วหยุดฝีเท้าไว้ ขมวดคิ้วมองไป
คนที่ลงมาจากรถ ท่านบนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบง่าย มองมาอย่างเย็นชา
“หลิน หลินอิ่ง?”กงจิ่วหดสายตาลง จำชายหนุ่มที่ลงจากรถได้
ชิ้ว
ทันใดนั้น เสียงลมกระโชก คลื่นเสียงแหลมดังก้องไปทั่วท้องฟ้า
กงจิ่วกำลังจะเคลื่อนไหวเพื่อหลบ ก้อนหินเท่าฝ่ามือพุ่งมาอย่างแรงที่หน้าท้องของเขา
ปัง
ทันใดนั้น ร่างของกงจิ่วเหมือนดั่งลูกโป่งที่ถูกปล่อยลม ลอยออกไปไกลหลายสิบเมตร พังทะลุกำแพงไปแผ่นหนึ่ง ล้มกระอักเลือดอยู่บนพื้น
สีหน้าอันโหดเหี้ยมของเขา เปลี่ยนเป็นหวาดกลัวทันที
ส่วนจ้าวเฉิงเฉียน เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ในสายตาของพวกเขา เห็นเพียงหลินอิ่งถีบก้อนหินก้อนหนึ่งจากพื้น เกิดเสียงกระแทกอย่างดัง แรงสะเทือนน่ากลัวกว่ากระสุน
ห่างกันหลายร้อยเมตร ก้อนหินหนึ่งก้อน ก็สะเทือนยอดฝีมือระดับกงจิ่วบาดเจ็บกลางอากาศได้ สะเทือนจนกงจิ่วลอยออกไป?
นี่มันกำลังภายในอันน่ากลัวขนาดไหน?
เมื่อจ้าวเฉิงเฉียนเรียกสติคืนมาได้ หลินอิ่งก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
ฮวั๊ก
กงจิ่วไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย กระโจนออกไปทันที ชนกำแพงคอนกรีตแตกไปแผ่นหนึ่ง กระโดดลงจากอาคารร้าง วิ่งหนีอย่างรีบร้อน
แม้กระทั่ง ลูกน้องสองคนของเขาก็ไม่มีเวลาสนใจ
เสี้ยวลมหายใจเพียงสามครั้ง
ร่างของหลินอิ่ง ก็ปรากฏตัวบนอาคารร้าง
เขาสีหน้าเรียบเฉย มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ส่อแววสังหาร ทำให้คนไม่กล้าสบตา
“กงจิ่วล่ะ?”หลินอิ่งถาม
หลายนาทีก่อนได้รับข้อความ เย่เฮยส่งข้อความมาบอกว่า กงจิ่วปรากฏตัวแล้ว
วินาทีที่ลงจากรถ หลินอิ่งถีบก้อนหินก้อนนั้นออกไป ถึงแม้จะให้แรงกลางอากาศ
แต่ว่า นั่นเขาก็ให้กำลังภายในสุดแรง
ถึงแม้เป็นเย่เฮยที่โดนก้อนหิน ก็ต้องล้มกระอักเลือดไม่หยุด เป็นไปไม่ได้ที่จะลุกขึ้นได้
เพราะฉะนั้น ในใจเขาก็รู้แล้ว นั่นก็คือกงจิ่ว
“คุณชายอิ่ง กงจิ่ว กระโดดลงไป หนีแล้ว……”หวงชิงซานพูดรายงาน สีหน้าละอายใจ
หลินอิ่งมองกำแพงคอนกรีตพังทลายที่ไม่ไกลนัก วิ่งตามไป กระโดดลงไปตามทิศทางที่กงจิ่วหนี
ส่วนหลายคนที่เหลือไว้ ต่างก็มองหน้าสบตากัน
“ตามผมไปจับคนต้าเหอสองคนนั้น”เย่เฮยพูดเสียงเคร่งขรึมอย่างไม่ได้ลังเล
พูดจบ เย่เฮยและหวงชิงซานก็พุ่งไปทางชั้นร้างที่จั่วฉวนทั้งสองคนไป
“ไปด้วยกัน”
จ้าวเฉิงเฉียนพูดสั่ง ตามฝีเท้าของเย่เฮยไป
กงจิ่วหนีแล้ว แต่ผู้ปกปักรักษาของสำนักยุทธเชียนสองคนนั้นยังอยู่ ต้องจับตัวให้ได้
ในใจพวกเขารู้ดี คืนนี้หลินอิ่งไม่ลากตัวกงจิ่วออกมา ไม่ยอมเลิกราแน่
ในใจของคนทั้งกลุ่มยังอยู่ในสภาพตกใจอยู่ ในใจยังกลัวเรียกสติกลับมาไม่ได้
พวกเขาห้าคนร่วมมือกันกงจิ่วก็รับมืออย่างง่ายดาย แต่กลับรับแรงสะเทือนข้ามอากาศจากหลินอิ่งไม่ได้……
แรงกระทบทางใจโดยตรงแบบนี้ ดูเหมือนทำให้พวกเขาต้องสงสัยความสามารถในวิชาการต่อสู้ของตัวเองแล้ว
โดยเฉพาะจ้าวเฉิงเฉียน ความภาคภูมิใจอันน้อยนิดที่หลงเหลืออยู่ในใจ เกือบแตกสลายแล้ว
จ้าวเฉิงเฉียนคิดในใจ ด้วยความสามารถของหลินอิ่ง เขาร่วมงานกับจ้าวเฉิงเฉียน ต่อไปยังสามารถอยู่ในระดับเท่าเทียมกันไหม?
…….
อีกด้านหนึ่ง ใต้อาคารร้าง ข้างแม่น้ำตี้
คลื่นแม่น้ำไหลริน เสียงดังโครมๆ
ข้างแม่น้ำ ร่างเตี้ยเล็กของกงจิ่วหยุดลง หันไปมองที่ไกล
ส่วนหลินอิ่ง วิ่งตะบึงไกลออกไปร้อยเมตร
หลังจากลมหายใจเพียงห้าครั้ง
“หมดหนทางหนีแล้ว ยังอยากหนีไปไหนอีก?”
หลินอิ่งยืนมือไขว้หลังข้างแม่น้ำ มองกงจิ่วสีหน้าเย็นชา
กงจิ่วจ้องมองหลินอิ่ง มุมปากยิ้มอย่างเจื่อนๆ
หน้าท้องของเขาเต็มไปด้วยเลือด มุมปากก็มีเลือดไหลลงมา
“แคกแคก……หลินอิ่ง แกช่างเกินความคาดหมายของฉันจริงๆ”กงจิ่วไอแห้งไปสองที พูดอย่างเคร่งขรึม “แกอยากฆ่าฉัน? หรืออยากให้ฉันเอายาถอนพิษปู่แกให้?”
“มียาของตระกูลฉู่ แกคิดว่า ฉันยังต้องการยาถอนพิษจากแกเหรอ?”หลินอิ่งพูดเรียบเฉย
“เหอะเหอะเหอะ”กงจิ่วหัวเราะเย็นชา “ถ้าแกไม่ต้องการยาจากฉันจริง แกลงมือฆ่าฉันตั้งนานแล้ว ใช่ไหม? ฉันเดาไม่ผิดละก็ ในใจแกกำลังคิด ว่าควรจับเป็นฉันได้ยังไง? อยากเอาชีวิตไว้?”
หลินอิ่งมองกงจิ่วแววตาเย็นชา
ความคิดของกงจิ่วชัดเจนมาก
คนคนนี้รู้จุดอ่อนของเขา
ถึงสถานการณ์ขั้นนี้แล้ว ยังจะเล่นแผนการในใจ
“แกมีวิธีขัดขวางฉันไหม?”หลินอิ่งพูดอย่างเรียบเฉย
“ก็พูดยาก”กงจิ่วพูดอย่างเย็นชา “ความสามารถในวิชาการต่อสู้ของแก เหนือกว่าการคาดเดาของฉัน”
“แต่ว่าฉันสงสัยมาก แกเป็นใครกันแน่? หลินอิ่ง? เป็นไปไม่ได้ แวดวงผู้ลึกลับประเทศหลุงไม่มีคนชื่อนี้”กงจิ่วพูดอย่างเชื่องช้า “แกจะทำให้ฉันตายอย่างแจ่มแจ้งได้ไหม?”
ความสามารถในวิชาการต่อสู้ของหลินอิ่ง เกินความคาดคิดของกงจิ่ว เกินไปเยอะมาก
กงจิ่วคิดเองว่า หลินอิ่งน่าจะฝีมือก้ำกึ่งกันกับเขา อย่างมากก็ชนะสามแต้ม
แต่ไม่เคยคิดเลย เจอกันครั้งแรก มองหลินอิ่งแค่ทีเดียว ก้อนหินเหินฟ้ากระแทกเขาจนบาดเจ็บ
นี่ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ถ้าตามลำดับชื่อในแวดวงลึกลับประเทศหลุง
ความสามารถของกงจิ่ว ก็เข้าใกล้ระดับรายการฟ้าอย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว
รายการแห่งฟ้าประเทศหลุง ทั้งหมดก็มีแค่สิบสองที่นั่ง ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่เข้าสู่โลกธรรมดา คนแก่หัวโบราณ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลชั้นสูงชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก
ค้นในรายการแห่งฟ้ากินคนหมดแล้ว ไม่เคยมีคนที่ชื่อหลินอิ่งอยู่เลย
“เหอะ”หลินอิ่งหัวเราะเย็นชา “แกยอมให้จับโดยไม่ต่อสู้ ฉันก็จะให้แกตายอย่าแจ่มแจ้ง และให้แกตายอย่างสบาย”