การประชุมประจำปีของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสจัดขึ้นทั้งหมดสิบวัน ฉินสือโอวอยู่ที่นี่แล้วหกวัน แต่เขาตัดสินใจที่จะกลับก่อน
การเดินทางกลับก่อนถือเป็นเรื่องปกติมากของการประชุมประจำปีเช่นนี้ และก็มีคนที่มาสายด้วยเช่นกัน ผู้ร่วมงานล้วนแต่เป็นผู้บริหารระดับสูง งานสำคัญที่จะต้องไปจัดการอาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นงานประชุมประจำปีนี้ก็ต้องหลีกทางให้เป็นธรรมดา
คนที่ถือเป็นที่สุดก็คือเศรษฐีชาวรัสเซียคนหนึ่ง เขามาเพียงสองวัน แล้วเขาบอกว่าเขาต้องสร้างความทรงจำที่ดีให้แก่ประธานาธิบดีปูตินในงานประชุมด้านพลังงานชั่วคราว ดังนั้นเขาจึงรีบกลับไปยังมอสโกด้วยความเร่งรีบ
ตอนที่ฉินสือโอวจะกลับเขาก็อยากบอกเหลือเกินว่าตัวเองมีนัดกับผู้บริหารคนสำคัญสักคน แต่น่าเสียดายที่คนใหญ่คนโตที่เขารู้จักอยู่ที่นี่หมดทุกคน ส่วนสหายอย่างนายกเทศมนตรีแฮมเล็ตน่ะเหรอ? ในสายตาของคนเหล่านี้พวกเขาถือว่าแฮมเล็ตเป็นเพียงตัวตลกเท่านั้น
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเลือกที่จะใช้เหตุผลจริงๆ เขาบอกกับเคนเนดี ประธานบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสว่า ภรรยาของเขาท้องได้แปดเดือนแล้ว เขาไม่สามารถทนทุกข์จากความคิดถึงเธอได้ จึงจำเป็นต้องรีบกลับก่อน
เคนเนดียิ้มออกมาด้วยความเกรงใจ เขาตอบกลับว่า “ฉิน เหมือนที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน คุณเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดี เป็นสามีที่ดี ผมจัดงานประชุมมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่ร้อยครั้ง แต่คุณเป็นคนแรกที่กลับบ้านก่อนเพราะคิดถึงภรรยา”
เมื่อคิดถึงวินนี่ที่กำลังท้องโตอยู่ ฉินสือโอวก็อยากกลับบ้านใจจะขาด เขาพูดกลั้วหัวเราะว่า “เธอเป็นสิ่งมีค่าสำหรับผม เป็นของขวัญที่พระเจ้าทรงมอบให้ ผมรักเธอ ดังนั้นตอนนี้ผมอยากที่จะคอยอยู่ข้างเธอ”
เมื่อบอกกับเคนเนดีแล้ว ฉินสือโอวก็ไปบอกไวส์ เมื่อได้ยินว่าเขาจะกลับแคนาดา ไวส์ก็รีบหันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที ฉินสือโอวรู้สึกมึนงง ไอ้ตัวเล็กนี่ เปลี่ยนมาไม่รู้จักกันหรือว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เขายังไม่ได้ไปไหนเลย ทำไมเขาถึงวิ่งไปแบบนั้น?
ปรากฏว่าไม่นาน ไวส์ก็สะพายกระเป๋าเป้ใบหนึ่งแล้ววิ่งกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้น แล้วถามออกมาว่า “อะจารย์ พวกเราจะไปกันเมื่อไหร่ครับ?”
เป็นศิษย์ที่ดีจริงๆ! ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งใจ ลูกศิษย์คนนี้รักเขาจริงๆ แม้แต่พ่อของตัวเองก็สามารถทิ้งได้
แต่ว่าเขาไม่สามารถพาไวส์ไปได้ เขาโน้มตัวลงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ศิษย์น้อย อาจารย์จะกลับไปคนเดียวก่อน นายอยู่ที่นี่พักผ่อนกับพ่อให้ดี ต่อไปถ้าพวกเรามีวาสนาต่อกันคงได้เจอกันอีก”
ไวส์ส่ายหัวไปมาราวกับกลองเม็ด “อะจารย์ คุณก็ไม่ได้ไปไหนไกล ทำไมพวกเราต้องให้วาสนาพาเรามาเจอกันด้วยล่ะ? ผมกับคุณกลับบ้านด้วยกันดีไหมครับ? ไปหาอะจารย์หญิง ผมจะเป็นเด็กดี อะจารย์หญิงจะต้องชอบผมแน่”
ฉินสือโอวรู้ว่าต่อให้เขาอนุญาต จอร์จก็ไม่มีทางอนุญาตแน่นอน ไวส์มีโรคประจำตัว ไม่สามารถห่างจากเขาได้
ดังนั้นเขาเลยพูดชักแม่น้ำทั้งห้า โทรหาจอร์จให้มาเรียกไวส์กลับไป ทั้งสองคนช่วยกันพูดโน้มน้าว แต่ไวส์ดื้อด้านในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรเขาก็จะไม่อยู่ที่นี่ เขาจะเดินทางไปกลับอาจารย์ของเขา
ฉินสือโอวพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ไวส์ นายคิดขัดคำสั่งของอาจารย์งั้นเหรอ? อาจารย์บอกให้นายอยู่ นายก็ต้องอยู่!”
ไวส์เงยหน้ามองเขา ดวงตากลมแดงระเรื่อ เขาพูดพลางสะอึกสะอื้นว่า “ผมไม่อยากอยู่ อะจารย์ อยู่ที่นี่ไม่สนุกเลยสักนิด สู้ผมไปฝึกวิชากับอาจารย์ดีกว่า จากนั้นผมก็จะเป็นฮีโร่! อีกอย่าง เรียนกับอาจารย์ ร่างกายของผมสบายขึ้นมา ได้ผมกว่ากินยาเยอะเลย! คุณไปแล้ว ผมก็ทำได้เพียงกินยาเท่านั้น แถมยังต้องผ่าตัดอีก! ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น”
ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกถ่ายทอดพลังโพไซดอนให้ไวส์ปรับสภาพร่างกายมาห้าหกวัน นี่เป็นผลลัพธ์แรกที่เห็น อย่างน้อยตอนนี้สีหน้าของไวส์ก็ดีขึ้นมาก เวลาออกกำลังกายหน้าก็จะแดงระเรื่อขึ้นมา ไม่เหมือนตอนที่เจอกันใหม่ๆ วิ่งไปไม่กี่ก้าวหน้าก็ซีดจนน่าตกใจแล้ว
จอร์จมองไปยังลูกชายของตัวเอง เขาลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไวส์ ฟังนะ แม่ของลูกยังอยู่ที่ชิคาโก้ไม่ใช่เหรอ? พวกเรากลับไปหาแม่เพื่อคุยเรื่องการรับลูกเป็นศิษย์กันเถอะ พอถึงตอนนั้นค่อยพาลูกมาหาอะจารย์ของลูกดีไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไวส์ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย เขามองไปยังชายแก่ด้วยความสงสัยพลางถามขึ้นว่า “พ่อไม่หลอกผมใช่ไหม?”
จอร์จยิ้มออกมาแล้วตอบกลับว่า “แน่นอน กลับชิคาโก้ก่อนเถอะ หลังจากนั้นพ่อจะส่งลูกไปหาอะจารย์”
ไวส์พยักหน้าเบาๆ เขาปล่อยมือจากชายแขนเสื้อของฉินสือโออย่างไม่เต็มใจ และพูดออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “อะจารย์ ผมจะฝึกกำลังภายในตามที่คุณสอนอย่างตั้งใจ คุณรอผมก่อนนะ เราจะได้เจอกันเร็วๆ นี้แน่”
ฉินสือโอวยิ้มออกมาพลางพยักหน้า ดูท่าทางแล้วเขาก็เศร้าไม่น้อยเหมือนกัน
จอร์จรู้สึกเสียดายนิดหน่อย เขาจึงพูดออกมาว่า “ไม่คิดเลยว่าพวกเราเจอกันเพียงไม่กี่วัน ก็เกิดเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นนี้แล้ว ฉิน คุณอย่าพึ่งลืมพวกเราล่ะ ผมจะพาไวส์ไปแน่นอน”
ฉินสือโอวัดชายแขนเสื้อพลางพูดว่า “ไม่หรอก จอร์จ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมก็เสียใจเหมือนกัน เสียใจที่ปล่อยให้เด็กดื้อคนนี้ดึงชายเสื้อผ้าของผมจนกลายเป็นเศษผ้าไปเลย นี่เสื้อแบรนด์ดังเลยนะ ไนกี้เลยน่ะ!”.
จอร์จ “…”
ฉินสือโอวพูดล้อเล่น ในที่สุดบรรยากาศของความกังวลก็จางลง
เหมาเหว่ยหลง บิลลี่และคนอื่นๆ อยู่ที่นี่จนวันสุดท้าย สำหรับพวกเขาแล้ว งานประชุมประจำปีของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสถือว่าเป็นงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของปี ความสัมพันธ์ของแต่ละคนสามารถเติบโตได้จากที่นี่ สำหรับพวกเขางานประชุมในช่วงเวลาอื่นๆ ของปีไม่สามารถเทียบเท่ากับงานนี้ได้เลย
ฉินสือโอวกลับไปยังนครเซนต์จอห์นคนเดียว แต่บริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสก็ยังคงจัดการเครื่องบินไปส่งเขา และเป็นเครื่องบินส่วนตัวรุ่นโกลบอล เอ็กซ์เพรส เอ็กอาร์เอสอีกด้วย
เขาคิดว่าเขากลับคนเดียว แต่ปรากฏว่าตอนที่กำลังจดเรียงกระเป๋าอยู่ เขาก็เห็นว่ามีคนรอเขาอยู่ ที่แท้ก็เป็นแบรนดอน
“นายก็กลับเหมือนกันเหรอ?” ฉินถามออกมาด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด สำหรับแบรนดอนที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมการเงินแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นสวรรค์ชัดๆ
แบรนดอนพูดขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “กิจกรรมที่นี่ค่อนข้างหรูหราและเสี่ยงเกินไป ไม่เหมาะกับคนใสซื่ออย่างฉัน”
“คนไม่ดีที่ใสซื่องั้นสิ?” ฉินสือโอวพูดแซวออกมา
เขาคิดว่าแบรนดอนมีงานที่ต้องไปอย่างเร่งด่วน แต่ว่าเมื่อขึ้นเครื่องบินแล้ว แบรนดอนกลับพูดคุยอย่างกระตือรือร้นกับแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินตลอด เรื่องที่พูดคุยก็หนีไม่พ้นคุณทานอะไร ผมทานอะไร คุณไม่ชอบทานอะไร ผมชอบทานอะไรไร้สาระพวกนั้น
ฉิอสือโอวผายมือออก ให้แบรนดอนได้มีเวลาในการหยอกล้อสาวๆ
ดูจากอายุของแบรนดอนแล้วหันไปมองอายุของเหล่าแอร์โฮสเตส ฉินสือโอวนึกขึ้นมาในใจว่าโคแก่กินหญ้าอ่อนชัดๆ หลังจากนั้นเขาก็สวมผ้าปิดตาเพื่อหลีกเลี่ยงการเห็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
เมื่อกลับมาถึงนครเซนต์จอห์น ที่นี่เป็นช่วงวันแรกในการเปลี่ยนจากฤดูร้อนมาเป็นฤดูหนาว
คลื่นความร้อนหายไปแล้ว มันถูกแทนที่ด้วยลมหนาวที่เย็นเข้ากระดูก ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนมาอ่อนกำลังลง ไม่เหมือนดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงและยิ่งใหญ่ที่ออสเตรเลีย เมื่อเดินออกมาจากสนามบินแล้วมองไปรอบๆ ด้าน ท้องฟ้าไม่ได้เป็นสีขาวดำแต่เป็นสีฟ้าๆ เทาๆ ไม่ได้มีสีห้าหกสีที่ดูหลากหลายเหมือนกับที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟ
ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึก อากาศหนาวเย็นผ่านเข้าทางจมูกลงไปยังปอดของเขา ที่นี่ไม่สามารถได้รับไอร้อนจากน้ำทะเลเหมือนกับที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟ
เขาดูเวลา ตอนนี้ที่เกรตแบร์ริเออร์รีฟเป็นเวลาค่ำแล้ว ขึงปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป จิตสำนึกแห่งโพไซดอนตรวจจับร่างของไวส์ได้ เขากำลังใจจดใจจ่อกับการฝึกหายใจในสระว่ายน้ำอยู่
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา แล้วถ่ายทอดพลังโพไซดอนให้เขาอีกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หาฝูงเต่าที่กำลังเดินทางอยู่
เต่าตนุยังคงรวมตัวกันอยู่ที่ด้านหลังของเต่ามะเฟือง ตอนนี้พวกมันเดินทางมาถึงด้านข้างของเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งแล้ว ที่นี่มีแมงกะพรุนลอยอยู่เป็นจำนวนมาก
เต่ามะเฟืองเร่งทำเวลาในการทานอาหาร ส่วนเต่าตนุทานสาหร่ายที่อยู่ตามรายทาง ตอนนี้มันไม่ได้หิว พวกมันเลยตัดสินใจขึ้นมาอาบแดดบนบก
ฉินสือโอวเดินออกมาจากสนามบิน เฮลิคอปเตอร์จอดรออยู่ไม่ไกล เบิร์ดยิ้มให้เขาพร้อมเอ่ยทักทาย
………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 973 เดินทางกลับบ้าน
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!