ยิ้มชั่วร้ายอยู่ ฉินสือโอวพาบิลลี่มาถึงห้องรับแขก แม่ของฉินสือโอวชงชาให้ทั้งสอง บิลลี่รู้สึกดีใจมาก และโกรธฉินสือโอวที่ไม่บอกตัวเองว่าครอบครัวมาแล้ว เขาจะได้เตรียมของขวัญมาด้วย
พูดถึงของขวัญ บิลลี่นึกถึงรถพอร์ช 918 แล้วว่า “รถสปอร์ตคันนั้นของนายใกล้จะออกจากอู่แล้ว ให้ส่งมาที่ฟาร์มปลาเลยใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นต้องไปที่สนามบินเซนต์จอห์นก่อน บอกตามตรงนะเพื่อน ฟาร์มปลาของนายก็ใหญ่นะ ทำไมไม่สร้างสนามบินส่วนตัวไปเลยล่ะ?”
ฉินสือโอวให้บิลลี่ปล่อยเรื่องรถเอาไว้ก่อน เอารถนั่นมาแล้วก็กระตุ้นพ่อกับแม่เปล่าๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นรถรุ่นอะไร แต่ว่าพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ไง่ โครงสร้างเท่ๆ ของรถพอร์ช 9178 แค่ดูก็รู้แล้วว่าราคาไม่น้อยแน่นอน
เห็นว่าแม่ชาจินจวิ้นเหมยชั้นดีที่เหมาเหว่ยหลงเอามาเมื่อตอนนั้น เขาจึงรีบห้ามเอาไว้ว่า “แม่ แม่ชงชาเหลาซานก็พอแล้ว”
จินจวิ้นเหมยเป็นชาแดงชั้นยอด ชานี้สามารถไล่ความเย็นไล่ความชื้น เหมาะมากสำหรับให้ผู้สูงอายุดื่มชานี้ในช่วงหน้าหนาว มันจะสามารถปรับสมดุลร่างกายให้กับผู้สูงอายุได้
แม่ตบเขาไปทีหนึ่งตำหนิว่า “มีอย่างที่ไหนต้อนรับแขกแบบนี้ ชาเหลาซานนั่นครึ่งโลกี่สิบหยวนเอง ให้คนอื่นเขาดื่มไม่กลัวเขาจะหัวเราะเยาะเอาเหรอ”
ฉินสือโอวหัวเราะ บอกว่าพวกเขาไม่หัวเราะเยาะหรอก คนอเมริกันชอบดื่มชาเขียว พวกเขาไม่ได้ศึกษาเกี่ยวกับชาแดง
นี่ไม่ใช่เพราะเขาตระหนี่นะ วัยรุ่นชาวแคนาดาอย่างบิลลี่แยกชาแดงไม่ออกหรอกว่าดีหรือไม่ดี ตอนที่เขาชงจินจวิ้นเหมยให้กับแฮมเล็ตและเอี๋ยนตงเหล่ย ทั้งสองคนชมไม่ขาดปาก แต่ตอนที่ชงให้บิลลี่และเบลคดื่มทั้งสองคนบอกว่านี่มันคืออะไร…
ครั้งนี้บิลลี่ไม่ได้เรื่องมาก เพราะว่าความดีใจจากการที่เขาเพิ่งเจอเข้ากับผลงานของแวนโก๊ะยังไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย อีกอย่างหนึ่ง เรื่องมากกับชาที่คนสูงวัยชงให้ นั่นเท่ากับการเรื่องตายไม่ใช่เหรอ?
หลังดื่มชา บิลลี่ก็อยากเดินเล่นสักหน่อย หมอนี่เริ่มวางแผนว่าหลังจากเขาขายภาพนี้ได้เขาสามารถได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินเท่าไร แล้วจะใช้ไปกับการซื้ออะไร
“ฉันจะซื้อเครื่องบินกัลฟ์สตรีมลำใหญ่ ฉันจะไปสั่งผลิตเรือสำราญสุดหรูที่อิตาลี ฉันจะเลี้ยงดูสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน วะฮ่าๆ…” บิลลี่พูดด้วยหน้าที่บานเป็นกระด้งไปพลางเดินอย่างใจลอยเข้าไปกลางฝูงห่านข้างบ้านพักไปพลาง
ฉินสือโอวเดินช้าลงสองเก้า ไม่ส่งเสียง หู่จือและเป้าจือเดินส่ายหางตามหลังฉินสือโอวมา ภายในดวงตาน้อยๆ เต็มไปด้วยความคาดหวัง
และแน่นอน บิลลี่ไม่พ้นถูกห่านตัวหนึ่งถีบเข้าให้ และเขาก็ทำตัวเอง ในใจกำลังตื่นเต้น เขาเตรียมตัวจะล้อเล่นกับพวกห่าน จึงออกเสียงร้อง ‘อาวู้อาวู้’ เลียนแบบท่าทางการต่อสู้ของบรูซลี
นี่เป็นห่านไท่หูฝูงหนึ่ง พวกมันไม่ได้ล้อเล่นกับเด็กโชคร้ายคนนี้ นายอยากต่อสู้เหรอใช่ไหม? อย่างนั้นพวกเราก็จะสู้!
ห่านตัวใหญ่เจ็ดแปดตัวลุกขึ้นมาในทันใด หางของหู่จือและเป้าจือตกลงมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมที่จะวิ่งหนีได้ตลอดเวลา
ทั้งสองตัวนี้เข็ดแล้ว!
บิลลี่โชคร้ายแล้ว ปากเขายังคงส่งเสียง ‘อาวู้อาวู้’ เรียกประหลาดๆ ออกมา คอห่านตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็ยื่นไปที่ข้าของเขาทีหนึ่งอย่างเร็ว
“อาวู้…อาโอ๊ยๆๆๆ ! เจ็บ ฟัค! เชี่ย! โคตรเจ็บเลย! ให้ตายสิ ไอ้เชี่ยพวกนี้นี่…”
บิลลี่กอดต้นขาไว้แล้วร้องอย่างทรมาน ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ห่านตัวใหญ่เจ็ดแปดตัวแสดงยุทธวิธีฝูงหมาป่าโดยการล้อมเขาเอาไว้ จู่โจมบิลลี่อย่างบ้าคลั่งรอบทิศ 360องศา บางตัวยังกระพือปีกกระโดดขึ้นมากัดบนหลังของเขา
คราวนี้บิลลี่ทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจริงๆ ปากยังคงส่งเสียงร้องโอดครวญ เขากุมหัวเอาไว้ราวกับหนูที่วิ่งหนีอย่างลนลาน
ฉินสือโอวรีบเข้าไปช่วย ไล่ห่านออกไปโดยการถีบแตะอย่างกับเป็นลูกบอล
หู่จือและเป้าจือกระโดดทำท่าทำทางอยู่ข้างหลัง ปากก็ส่งเสียงเห่าร้องเรื่อยๆ แต่ไม่พุ่งเข้าไป แต่พอเห็นว่ามีห่านหันมาสนใจตัวเอง ก็รีบหันหลังวิ่งหนี
ฉินสือโอวลากบิลลี่วิ่งหนีฝูงห่านนั่นอย่างรวดเร็ว แต่ว่าพวกห่านถูกยั่วโมโหแล้วไม่มีทางที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ แน่ กระพือปีกวิ่งตามหลังมาอย่างบ้าคลั่ง
เดิมทีแล้วบุชเล่นคนเดียวอยู่ในพงหญ้า พอเห็นมีห่านวิ่งไล่ฉินสือโอว มันก็โมโหขึ้นมาทันที ล้มลุกคลุกคลานจะพุ่งเข้ามาช่วย
สงสัยมันคงจำความเกรียงไกรของแม่นิมิตส์ คิดว่าห่านคงกลัวนกแบบพวกมัน แม้ว่าตัวเองยังบินไม่เป็น แต่ว่าตัวเองเป็นอินทรีหัวขาว บุชยังภูมิใจในสายเลือดของตัวเองอย่างมาก
แต่เรื่องโชคร้ายก็เกิดขึ้น ใช่แล้ว ห่านกลัวอินทรีหัวขาว แต่ว่าอย่างอินทรีน้อยที่ใหญ่กว่าไข่อินทรีไม่เท่าไรอย่างบุช ห่านที่มีระดับความโกรธเต็มแมกซ์จะกลัวเหรอ?
บุชกางปีกพุ่งเข้าขวางไว้ตรงกลาง ทำท่าทำทางราวกับว่าตัวเองเก่งกาจมาก แต่สุดท้ายพวกห่านขาวไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด
ห่านขาวที่วิ่งมากระพือปีกสะบัดบุชให้บินออกไปในทีเดียว บุชร้องกาๆ อย่างโมโหที่ถูกเขวี้ยงหกคะเมนออกมา ห่านขาวตัวหนึ่งที่เพิ่งลุกขึ้นมาได้พุ่งเข้ามาอีกรอบ กระพือปีกอีกครั้ง และหกคะเมนอีกครั้ง
ครั้งนี้บุชทำตัวเรียบร้อยแล้ว มันแกล้งทำเป็นตาย คลานน้ำตาคลออยู่บนพื้นหญ้า รอจนพวกห่านขาวจากไป มันถึงลุกขึ้นมาอย่างกลัวๆ แม่งเอ๊ย ไอ้ก้นใหญ่พวกนี้ทำไมถึงน่ากลัวแบบนี้?
ฉินสือโอวพาบิลลี่วิ่งตรงไปยังบ้านพัก พวกห่านขาวถึงเพิ่งได้สติกลับมา พวกมันต่างก็รู้ว่ารอบๆ บ้านพักเป็นถิ่นของนิมิตส์โหดเหี้ยมนั่น ไม่กล้าเข้ามาแหย็ม นี่เป็นภาพจำที่หลงเหลือไว้จากการที่นิมิตส์เชิญพวกมันนั่งเครื่องบิน
บิลลี่หน้ามุ่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าประตู ท่าทางอย่างกับหญิงสาวที่ถูกขืนใจ เขาถกขากางเกงขึ้นมาดู หน้าขาสีขาวมีรอยม่วงช้ำหลายที่ร่างกายฟกช้ำไปหมด
“ห่านโง่พวกนี้ ไม่ควรยุ่งด้วย” ฉินสือโอวพูดอย่างเห็นใจ แต่ในใจกลับแอบขำ
บิลลี่รีบพยักหน้าตอบรับ หันหน้าไปสังเกตเห็นหู่จือกับเป้าจือต่างก็เบะปากมองเขาอย่างดูถูก ทันใดนั้นก็ร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “เฮ้ย ฉิน หมาทั้งสองตัวของนายนี่มันอะไร? ฉันรู้สึกว่าพวกมันทำสีหน้าของคนได้ นี่ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
“นายตาฝาดแล้ว” ฉินสือโอวใช้มืออุ้มหมาข้างละตัวไว้
ตอนเย็น บิลลี่ได้กินอาหารจีนดั้งเดิมอีกครั้งที่ฉินสือโอวนี่ หมอนี่กินอย่างอารม์ดี ฉินสือโอวคิดว่าเขาชื่นชอบอาหารจีน แต่หลังถามก็บิลลี่ส่ายหัวว่า “ฉันก็แค่ดีใจที่ทำเงินได้ ฉันไม่ชอบรสชาติอาหารแบบนี้ ถ้าไม่เผ็ดเกินไป ก็เค็มเกินไป หรือไม่ก็จืดเกินไป…”
“สมควรที่พวกนายจะได้กินแต่อาหารขยะ” ฉินสือโอวพูดอย่างในเย็น จากนั้นก็เริ่มกินผัดสามเซียนอย่างตะกละตะกลาม
หลังอาหารเย็น ฉินสือโอวเริ่มพิจารณาถึงข้อเสนอของบิลลี่ เหมือนว่าการสร้างสนามบินส่วนตัวในฟาร์มปลาเองก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อยู่
ที่เริ่มพิจารณาข้อเสนอนี้อีก เป็นเพราะว่าเขาบังเอิญไปเจอกับข่าวข่าวหนึ่งในเว็บมา โดยในข่าวบอกว่าสนามบินส่วนตัวกำลังขยายตัวในแคนาดา เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง ดังนั้นจึงมีศักยภาพในการพัฒนาสูงกว่าอเมริกาอีก
เรื่องของการทำความเข้าใจเรื่องของสนามบิน วินนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ฉินสือโอวเริ่มสอบถามในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสวมกอดกันอยู่ “ถ้าหากว่าฉันอยากจะสร้างสนามบินส่วนตัวขนาดเล็กในฟาร์มปลาของเรา ต้องใช้เงินประมาณเท่าไร?”
…………………………………………..
ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 354 ปรับปรุงฟาร์มปลา
Posted by ? Views, Released on November 8, 2021
, ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา
ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท
หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง
แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้
นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา
แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี
นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก
จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน
กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี
ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป
ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’
ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา
จากนั้นมา…
จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้
และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!