บทที่ 157 ลงจากเขา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เจ็ดโมงกว่า นีลเซ็นกับอีวิลสันพากันตื่นแล้ว ทั้งสองกำลังช่วยกันรื้อเต็นท์ของพวกเขาอยู่ ส่วนเต็นท์ของฉินสือโอวเหมาเหว่ยหลงยังคงหลับอยู่
พอฉินสือโอวเปิดเต็นท์ ฉงต้าก็มุดเข้าไปเลียหน้าเหมาเหว่ยหลงอย่างรู้หน้าที่ ฉินสือโอวที่อยู่ข้างนอกก็พูดด้วยเสียงอันดังว่า “ชายหนุ่มรูปงามตื่นมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ไอ้ขี้เหร่ยังหลับอยู่เลย!!”
เหมาเหว่ยหลงโวยวายลุกขึ้นมา แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าผลักฉงต้าแล้ว เมื่อคืนภาพตอนที่ฉงต้าแสดงความกล้าหาญและแข็งแกร่งออกมายังคงทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอยู่ไม่น้อย เขาเพิ่งรู้ว่าหมีที่สูงแค่ครึ่งหนึ่งของคนนั้นก็สามารถกัดคนได้แล้ว
“มาเอาลูกของแกไปเลย ให้ตายสิ มันแปรงฟันบ้างไหมเนี่ย? มันกินขี้รึเปล่า?”แม้ว่าเหมาเหว่ยหลงจะไม่กล้าลงไม้ลงมือ แต่คำพูดของเขานั้นช่างร้ายกาจเหลือเกิน
ฉินสือโอวหัวเราะเบาๆ แล้วผิวปาก เพียงเท่านั้นฉงต้าก็พุ่งไปหาเขาทันที
เจ้าลูกหมีนี่ชักจะตัวหนักเกินไปแล้ว ตอนที่มันกระโจนใส่ ฉินสือโอวถึงกับเสียหลักไปสามสี่ก้าวเลยทีเดียว
นีลเซ็นเติมไฟในกองขึ้นมาอีกครั้ง น้ำซุปเมื่อคืนยังเหลืออยู่เขาปิดมันไว้อย่างดีเพราะฉะนั้นนำมาอุ่นสักหน่อยก็กินได้แล้ว
ฉินสือโอวหั่นแบ่งเนื้อหมูที่เหลืออยู่ห้าสิบกว่ากิโลกรัมออกมาตามด้วยเนื้อกวาง จากนั้นก็นำมาโรยเกลือแล้วก็จึงไปก่อกองไฟใต้ต้นไม้โดยใช้ไม้สนเป็นเชื้อไฟ หลังจากนั้นก็นำเนื้อไปวางไว้ข้างบนแล้วค่อยๆ รมควัน
วิธีนี้จะทำให้เนื้อสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้นโดยไม่เน่าเสีย อย่างน้อยก็จนกว่าจะลงจากเขาแล้วเอาไปใส่ช่องแช่แข็ง
อีวิลสันก็ย่างเนื้อเป็นเหมือนกัน เขาเสียบเนื้อกวางสี่ห้าชิ้นที่หนักประมาณหนึ่งกิโลกรัม จากนั้นนีลเซ็นก็ช่วยอีวิลสันมัดไม้เข้ากับขาสำหรับย่าง เขาหัวเราะพลางหันไปทาน้ำมันสลับกับโรยเกลือเนื้อกวางของเขาต่อ
คนที่ไม่คิดอะไรมากมักจะมีความอดทนในการทำเรื่องต่างๆ อีวิลสันตั้งใจย่างเนื้ออย่างพิถีพิถัน เขาค่อยๆ หมุนเนื้อกวางไปเรื่อยๆ จนมันสุกทั่วถึงกันทั้งน้ำมันมะกอกยังถูกทาอย่างสม่ำเสมอ เนื้อสัตว์ที่ย่างด้วยวิธีนี้นั้นอร่อยกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากกินเนื้อไปเยอะฉินสือโอวก็รู้สึกเอียน เขาจึงนำพวกผักกูด ขึ้นฉ่ายป่า คะน้าป่า ผักป่าที่เก็บได้ตอนที่ไปเดินเล่นเมื่อเช้ามาตั้งใจจะผัดกิน
เหมาเหว่ยหลงย่อตัวลงดูก่อนจะมุ่ยหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ แกกินผักพวกนี้ไปคนเดียวเถอะ ฉันจะไปกินเนื้อยกับนีลเซ็น”
นีลเซ็นหัวเราะแล้วถามว่า “บอส ให้ผมทำน้ำเกรวี่ให้กินไหม?”
ฉินสือโอวเลือกผักที่สะอาด ยิ้มแล้วไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็เดินไปที่ริมน้ำแล้วปล่อยให้หู่จือกับเป้าจือออกตามหาเป็ด
บนเทือกเขาเคอร์บัลมีเป็ดป่าอยู่หลายชนิดเช่นเป็ดหัวเขียว เป็ดปีกสีน้ำเงินและนกเป็ดน้ำแดงเป็นต้น สิ่งที่ฉินสือโอวกำลังมองหาก็คือไข่ของมันที่อยู่ตามพงหญ้าริมน้ำ
และพวกลูกแลบราดอร์ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง พวกมันวิ่งเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานหู่จือก็เห่าขึ้นมา พอฉินสือโอวเดินเข้าไปดูที่พงหญ้ากอใหญ่ก็พบว่ามีเป็ดหัวเขียวสี่ห้าตัวกำลังร้องก้าบๆ และวิ่งไปทั่วเพราะถูกหู่จือวิ่งไล่
เป็ดไม่มีอะไรน่ากิน หนังหนาไขมันเยอะแถมเนื้อก็สากและเหนียว ฉินสือโอวผิวปากเรียกหู่จือให้กลับมาแล้วแหวกพงหญ้าที่เป็ดหัวเขียวอาศัยอยู่จนพบกับรังเป็ดสองรังซึ่งมีไข่ทั้งหมด 7 ใบ ไข่แต่ละใบล้วนเล็กกว่าไข่เป็ดที่เลี้ยงตามบ้าน เปลือกไข่เป็นสีเขียวอ่อนๆ และเปลือกแข็งมาก
ตอนเด็กๆ ฉินสือโอวก็เคยกินไข่ของเป็ดป่าซึ่งก็คือไข่ของเป็ดหัวเขียวนี่แหละ เป็ดชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ทั้งในเขตอบอุ่นและเขตหนาวทั่วโลก ถิ่นกำเนิดของมันเรียกมันว่าหัวเขียวใหญ่ซึ่งไข่ของมันนั้นมีกลิ่นที่หอมมาก
เขานำไข่กลับไปตอกใส่ชามแล้วตีจนไข่ขาวกับไข่แดงเป็นเนื้อเดียวกัน ฉินสือโอวรอให้น้ำมันมะกอกในกระทะก้นแบนร้อนจนได้ที่แล้วจึงเทไข่ลงไปทอด
เดิมทีน้ำมันมะกอกก็หอมอยู่แล้ว พอนำไข่ไก่ลงทอดก็ยิ่งหอมเข้าไปใหญ่ กลิ่นนั้นทำให้คนรู้สึกเจริญอาหาร หู่จือเป้าจือและฉงต้าเลียริมฝีปากของพวกมันไม่หยุด ขนาดต้าป๋ายที่ไม่กินเนื้อยังวิ่งมาดูตาที่เป็นประกาย
หลังจากผัดไข่ได้พอสุกก็นำออกจากกระทะ แล้วจึงขึ้นฉ่ายป่า กุยช่ายป่าและคะน้าป่าด้วยมีดทหาร หลังจากนั้นก็นำต้นหอมลงผัดแล้วนำผักที่หั่นไว้ลงไปผัดสักครู่หนึ่งแล้วนำไข่เป็ดที่ขึ้นจากกระทะเมื่อครู่ลงมาอีกรอบ โรยเกลือลงไปไม่ต้องปรุงอะไรอีกก็สามารถนำออกจากกระทะได้เลย
เหมาเหว่ยหลงเดินถือชามมาใช้ตะเกียบคีบไข่ไปสองชิ้น ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดว่า “ผักป่าก็อร่อยนะ พวกขึ้นฉ่ายป่ากับกุยช่ายป่าเนี่ยบำรุง ‘ตรงนั้น’ นะเว้ย”
ได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็กลับมาคีบผักไปจำนวนหนึ่ง
ฉินสือโอวดื่มซุปเนื้อและกินผักป่าผัดไข่ กินเองไปป้อนเจ้าสามตัวนั้นไป ทั้งสี่คนนั่งด้วยกันและต่างคนต่างมีความสุขกับตัวเอง
กินอิ่มแล้วก็พากันเก็บของเตรียมลงจากเขากลับบ้าน แน่นอนยังเหลืออีกหนึ่งกิจกรรมสุดท้ายนั่นก็คือรัวปืน
ฉินสือโอวเอากระสุนมาสองร้อยกว่าลูก แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร เหลือไว้แค่พอป้องกันตัวสักหน่อยก็พอแล้ว ที่เหลือก็รัวปืนให้หมด
เหมาเหว่ยหลงดูกระตือรือร้นที่สุด แต่ไม่ว่าจะเป็นปืนเออาร์-15 เอสไอจี556 หรือแม้แต่เรมิงตัน ทุกกระบอกล้วนก็มีแรงถีบที่สูงมาก หมอนั่นตัวเล็กแถมยังนั่งทำงานในออฟฟิศจนเคยชิน ยิงไปได้ไม่เท่าไรก็บ่นขึ้นมาแล้ว
อีวิลสันเห็นดังนั้นก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นจึงหยิบปืนเรมิงตันขึ้นมาลองยิง มันดูเหมือนปืนของเล่นขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่ในมือของอีวิลสัน อีวิลสันจับปืนอย่างมั่นคงแล้วเหนี่ยวไก ‘ปัง ปัง ปัง’ เส้นผ่านของกระสุนขนาดใหญ่ทำให้เปลือกของต้นเมเปิลแดงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ฉินสือโอวช่วยนวดให้เหมาเหว่ยหลงไม่หยุด ไม่มียาดองก็ใช้เหล้าขาวแทน เหมาเหว่ยหลงยิงปืนได้สักพักก็มาให้ฉินสือโอวนวดอีก ความสามารถในการรับแรงถีบของปืนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คราวหน้าถ้ายิงเออาร์-15 ก็จะไม่มีปัญหานี้แล้ว
พอยิงปืนไรเฟิลจนเริ่มชินแล้วมายิงปืนพกก็จะสบายขึ้นเยอะ เหมาเหว่ยหลงเดินถือปืนพกกล็อก17เข้าไปในป่า หลังจากนั้นก็กลับออกมาพร้อมกับห่านดำของแคนาดาในมือด้วยใบหน้าที่มีความสุข
ห่านดำของแคนาดาเป็นห่านป่าชนิดหนึ่ง ลำตัวของมันมีขนาดปานกลาง เป็นพันธุ์ที่อดทนต่อความหนาวเย็นได้ดีและมักอาศัยอยู่แถวๆ อ่าว ท่าเรือไม่ก็ปากน้ำ ส่วนใหญ่กินต้นอ่อน ก้านไม่ก็ใบของพืชน้ำเป็นอาหาร และในฤดูหนาวพวกมันก็จะกินต้นกล้าข้าวสาลีและพืชอื่นๆ พวกมันไม่ค่อยได้รับความนิยมในแคนาดาเท่าไรนัก
เจ้าห่านดำตัวนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ ที่บังเอิญบินไปโดนลูกปืนของนักล่ามือใหม่อย่างเหมาเหว่ยหลงเข้า ไม่ใช่เหมาเหว่ยหลงยิงโดนนะ เพราะฝีมือการยิงปืนของหมอนั่นยังไม่ถึงไหนเลย ฉินสือโอวไม่มีทางเชื่อว่าเขายิงโดนโดยตั้งใจ
“เที่ยงนี้มีน่องห่านใหญ่ๆ ให้กินแล้ว”เหมาเหว่ยหลงพูดอย่างมีความสุข
ฉินสือโอวคิดว่ามันไม่จำเป็น พวกเรามีเนื้อเยอะแล้ว สำหรับเรื่องนี้เขามีความคิดแบบพอเพียงคือถ้าไม่อยากกินก็ไม่จำเป็นต้องล่าสัตว์ป่าและนกเพื่อความสนุก ถ้าหากยิงโดนแล้วก็ไม่ควรทิ้ง ต้องเอากลับบ้านไปกินให้หมดไม่อย่างนั้นก็เสียดาย
นีลเซ็นกับชาร์คพวกนั้นไม่เหมือนเขา ขอแค่ไม่ใช่สัตว์ป่าสงวนคนแคนาดายิงหมด ยิงมาแล้วกินไม่ได้ก็ทิ้ง
ห่านดำเป็นห่านที่ตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาห่านทุกสายพันธุ์ที่ยังไม่สูญพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีการนำไปเพาะพันธุ์ด้วย เพราะฉะนั้นมันจึงไม่จัดอยู่ในสัตว์ป่าสงวน พอนีลเซ็นเห็นเหมาเหว่ยหลงล่ามาได้จึงเข้าไปแสดงความยินดี
เป็นเวลาประมาณสองชั่วโมงครึ่งแล้วที่รมควันเนื้อเอาไว้ หนังชั้นนอกนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำแล้ว ส่วนน้ำที่อยู่ในเนื้อก็ถูกความร้อนทำให้ระเหยออกมาส่วนหนึ่งจนไม่สามารถทำให้เนื้อเน่าได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้แล้ว พวกเขาจึงเริ่มเตรียมออกเดินทาง
พอไม่มีกระสุนกับอาหารและน้ำที่นำขึ้นมากินบนเขา นีลเซ็นกับฉินสือโอวก็ทำหน้าที่แบกพวกเต็นท์ อุปกรณ์ให้ความสว่างและอุปกรณ์ในการกินต่างๆ ส่วนเหมาเหว่ยหลงก็เอาของจิปาถะและเนื้อสัตว์ยัดลงในกระเป๋าของอีวิลสัน
อีวิลสันคงอยากจะบอกว่าเอามาให้เขาเยอะๆ เพราะเขาชอบแบกเนื้อกับพวกของกิน
หู่จือกับเป้าจือวิ่งไปนำทางอยู่ข้างหน้า ฉงต้าเดินปิดท้ายโดยมีต้าป๋ายเกาะอยู่ที่ก้นแล้วพวกเขาทั้งหลายก็เดินลงจากเขาด้วยเสียงหัวเราะ
………………………………………..