มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)
ตอนที่ 41 : โทษกันเอง
เวลา 16.32 นาฬิกา ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์ ฝั่งตะวันตก โซนขายสินค้าไอที
มาร์คถอนหายใจเมื่อมองไปที่หน้าจอแล็ปท็อปที่อยู่ตรงหน้าของเขา เขาได้จัดการติดต่อกับหน่วยงานให้ความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว แต่เวลาที่หน่วยงานให้ความช่วยจะมาถึงก็เมื่อไหร่ไม่มีกําหนด และเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ได้ในบทสนทนากับหน่วยงาน เขาสังเกตุ และรับรู้ถึงปัจจัยที่สําคัญว่าทําไมหน่วยให้ความช่วยเหลือถึงได้ทํางานกันช้า เหตุผลหลักก็คือผู้คนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือนั้น มีเป็นจํานวนมหาศาล ถ้าเกิดว่าจํานวนผู้คนนั้นน้อยกว่านี้หน่วยกู้ภัยคงจะมาถึงเร็วๆนี้
มาร์คก็ได้ตรวจสอบอาหารและน้ำดื่มที่เหล่าพนักงานไปรวบรวมกันมา และด้วยจํานวนคนที่ติดอยู่ที่นี่ อาหารและเครื่องดื่มเหล่านั้นก็คงจะหมดไปภายในสามวันหรือไม่ก็เร็วกว่านั้นแน่ๆ
ในสถานการณ์มหาวิบัติซอมบี้นี้ มันเป็นเรื่องจริงที่จํานวนคนคือ ความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมันก็ตามมาด้วยนัยยะที่เกี่ยวข้องและ เขาเพิ่งจะเผชิญหน้ากับสองผลลัพธ์
และตอนนี้ก็มีนัยยะที่สาม…
มาร์คมองไปยังข้างนอกร้านสินค้า เขาก็ได้ยินผู้คนตะโกน
นัยยะที่สามคือความขัดแย้ง ยิ่งคนในกลุ่มมากเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่าพวกเขานั้นก็จะมีทัศนคติและความคิดที่แตกต่างกัน อย่างเช่นความขัดแย้งที่ดูเหมือนกําลังเพิ่มขึ้นอยู่ในตอนนี้
เขาหันไปและดูเหมยที่กําลังหลับอยู่ข้างๆเขา มาร์คลูบหัวของเธอเพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัย ตั้งแต่เธอหลับนั้นตัวเธอก็ได้กระตุก และหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในหลายๆครั้ง แผลที่บอบช้ำทางจิตใจที่เธอได้รับมามันทําร้ายทําให้เธอมีฝันร้ายอยู่ตลอดในเวลที่เธอนอนหลับ
เสียงตะโกนด้วยความโกรธเริ่มน่ารําคาญและดังขึ้นเรื่อยๆซึ่งมัน ทําให้มาร์คทนไม่ไหวยืนขึ้นจากเก้าอี้ของเขาและตรวจดูว่าเกิดอะไร
เมื่อมาร์คไปถึงและยืนอยู่ตรงประตูของร้านขายสินค้า เขาก็เห็นว่าผู้รอดชีวิตแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และยังเห็นว่าผู้รอดชีวิตหลายๆคนก็ได้ต่างถกเถียงกันในขณะที่บางคนนั้นก็ช่วยเข้าไปห้าม
“ถ้านายไม่เห็นแก่ตัวนะ ไอเว*! ภรรยา ภรรยาของฉันก็คงยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้แล้ว! พวกคุณเอาแต่ซ่อนอยู่ตรงนั้น! พวกคุณก็รู้ว่าเรื่องพวกนี้มันจะเกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่สนใจพวกเรา!”
ชายคนหนึ่งได้ตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่ซากศพของหญิงคนหนึ่งที่อยู่บนพื้น
“ตอนนี้นายโทษพวกเราหรอ? ถ้าฉันจําได้นะ คุณคือหนึ่งในพวกชั่วช้าที่พยายามหยุดเพื่อนของเราไม่ให้นําอาหารที่พวกเรารวบรวมเข้ามา นายคิดว่านายเป็นคนเดียวที่เสียคนรักไปงั้นหรอ? พี่น้องของฉันก็ต้องมาตายเพราะแกด้วยไง ไอชั่ว!”
นั่นมันน้องที่เป็นญาติของเฟอร์นานที่กําลังถกเถียงกับชายคนนั้นอยู่
พวกคนเหล่านี้กําลังโทษกันเองไปมา
เมื่อได้ยินสิ่งที่ญาติของเฟอร์นานกล่าว มาร์คก็ได้มองไปรอบๆ และในที่สุดก็เห็นว่าญาติอีกคนนั้นไม่อยู่ตรงนี้ จากสิ่งที่มาร์คได้ยินนั่นก็แปลว่าญาติอีกคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทําไมเฟอร์นานถึงดูเศร้าๆตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
แฟนหนุ่มของพอลลาก็ได้ยืนพิงอยู่ที่กําแพงมองดูการทะเลาะวิวาทด้วยความไม่สบอารม และชายบอดี้การ์ดก็ได้นั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดไม่จาหรือไม่มองดูการโต้เถียงของพวกเขา เขานั่งกุมขมับอยู่กับพื้น มาร์คสังเกตได้ว่าสองคนนี้ไม่ได้เข้าไปร่วมกับความชุลมุนวุ่นวายที่เกิดขึ้น
พูดถึงเฟอร์นาน มาร์คก็สังเกตุได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในบริเวฯแถวนี้ ชายสามคนที่เจอที่ดาดฟ้า ทั้งแองเจและพอลลาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ เรห์ยามองเหตุการณ์ออกมาจากข้างในประตูของร้านค้าซึ่งลูกสาวของเธอก็ได้พักอยู่ เธอดูกังวลด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครที่ดูจะไปควบคุมสถานการณ์ได้ มาร์คตัดใจที่จะจัดการ มันไม่ได้แปลว่ามาร์คต้องการที่จะเข้าไปยุ่ง แต่เขารําคาญคนพวกนี้เหลือทน ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนี้จะดึงดูดซอมบี้ที่อยู่ ข้างนอกมาได้เพราะว่าเสียงของพวกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
มาร์คเข้าไปหาคนพวกนั้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด
“มันจะดีกว่านะถ้าพวกนายหยุดเถียงกัน พวกนายเสียงดังกันเกินไปแล้ว”
ทุกคนมองมาที่มาร์ค พนักงานต่างๆและญาติของเฟอร์นานก็ดูเหมือนจะได้สติเมื่อเห็นมาร์ค แต่ตรงกันข้ามกับอีกกลุ่ม
“นายเป็นใครถึงมากล้าพูดกับพวกเราแบบนี้!”
ชายคนที่เสียภรรยาไปพูดออกมา เมื่อได้ยินคําถามของเขามาร์คถึงกับยิ้มเย้ยหยัน
“พวกนายกําลังจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดของที่นี่ พวกนายคือบุคคลที่ไม่ควรมีสิทธิหรือการกระทําใดๆแบบนั้นนะ พวกนายมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนอกจากเป็นภาระของกลุ่มที่นี่”
เมื่อมาร์คพูดแบบนั้นออกไป ผู้รอดชีวิตหลายๆคนก็ได้ตัวสั่น บางคนก็ได้รู้ตัวว่าพวกเขาไม่ได้มีอิทธิพลหรืออํานาจใดๆที่นี่ แต่ก็ยังมีคนที่ไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่มาร์คสื่อไป
“ฉันไม่สนหรอกว่าฉันจะเป็นภาระหรือไม่! ภรรยาฉันตาย! และ พวกมันต้องรับผิดชอบสําหรับเรื่องนี้!”
“ว้าว คุณนี่มันสุดยอดเลยนะ ใช่มั้ย?”
มาร์คตอบกลับไปด้วยถ้อยที่ประชดประชันก่อนที่จะมองไปที่ญาติของเฟอร์นาน
“บอกหน่อยสิว่า กลุ่มนี้ทั้งหมดนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับชายอ้วนชั่วนั่น?”
มาร์คถามในขณะที่ชี้ไปที่กลุ่มตรงข้าม พนักงานมองไปที่ผู้รอดชีวิตอีกกลุ่มแล้วกระซิบกันไปมา
“พวกนายกระซิบบ้าอะไรกันอยู่?!”
ชายคนนั้นยังคงตะโกนออกมาอย่างดังซึ่งทําให้มาร์คหันไปมองเขาด้วยท่าทางที่เย็นชา มาร์คดูสงบแต่สายตาที่เขาจ้องไปยังชาย คนนั้นทําให้ชายคนนั้นถึงกับเหงื่อออกหลัง เนื่องจากตอนที่พวกเขาหลบซ่อนอยู่ข้างใน พวกเขาก็เห็นว่ามาร์คนั้นได้ฆ่าต่อสู้กับพวกซอมบี้ยังไงและเลือดกระเด็นสาดกระจายไปทั่วพื้นที่โดยทุกการกระพริบตา ภาพฉากนั้นติดอยู่ในใจของพวกเขาและกลายเป็นไม่กล้าหือกับมาร์คเมื่อพวกเขาได้เผชิญหน้ากับมาร์คแบบนี้
“นายช่วยหุบปากแปปนึงได้มั้ย?”
หลังจากที่กลุ่มของพวกพนักงานนั้นกระซิบกันสักพักหนึ่งแล้วในที่สุดญาติของเฟอร์นานก็ได้ตอบกลับมาและชี้ไปที่คนสองคนซึ่ง อยู่หลังกลุ่มอีกกลุ่ม คือชายคนหนึ่งและหญิงคนหนึ่ง
“ยกเว้นสองคนนั้น พวกเขาทั้งหมดก็เป็นคนทํา”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด มาร์คพยักหน้าก่อนที่จะหันไปจ้องหน้ากับชายผู้อารมเกรี้ยวกราดนั้นอีกครั้ง
“นายโทษพวกเขาว่าเห็นแก่ตัวที่ไม่สนใจ ไม่สนใจพวกนายที่อยู่นอกใช่มั้ย? นายคิดว่าพวกเขารู้มั้ยว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้น?”
ชายดังกล่าวกลืนน้ำลายและพยักหน้า
“ก็ดี งั้นนายควรหยุดดีกว่า พวกเขาไม่รู้อะไรเลยและพวกเขาก็ แค่ทําตามคําสั่งที่ฉันให้พวกเขา”
มาร์คก็ได้ยักไหลไปด้วย
“นาย นายยย…”
ชายดังกล่าวชี้ไปที่มาร์คก่อนที่จะถามออกไป
“คําสั่งของนาย? ทําไมกัน? นายคาดไว้แล้วว่าสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นและนายตัดสินใจเพิกเฉยและปล่อยให้พวกเราตายังนหรอ?”
มาร์คจ้องไปที่ชายดังกล่าว
“อย่าเปลี่ยนความจริงสิ โง่สิ้นดี”
สายตาของมาร์คที่จ้องเข็มงเต็มไปด้วยความอาฆาตทําให้ชายคนนั้นตัวสั่นและอุณหภูมิร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นเนื่องจากความกลัว ชายคนนั้นถอยหลังออกมาแต่ก็ยังคงถามอยู่
“นายพูดเรื่องอะไรกัน?!”
“ยกเว้นสองคนข้างหลังนั้น นายก็ยังเข้าข้างไอหมูอ้วนชั่วนั่นที่บังคับให้พนักงานปิดตประตูใช่มั้ย? งั้นบอกฉันหน่อยสิ ทําไมพนักงานเหล่านี้ถึงไม่ต้องการที่จะปิดประตูเหล็กลงมาคิดหน่อยสิ”
ทุกคนก็ได้เงียบลงไป พวกเขาจําได้ถึงสิ่งที่เหล่าพนักงานพูดมาก่อนและคิดถึงสิ่งที่พวกเขาทําลงไป
และคนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ได้ต่อสู้ฆ่าซอมบี้ไปทั้งหมดและพนักงานเหล่านี้ก็เหมือนจะรู้จักมาร์ค อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นก็ไม่เคยเห็นมาร์คในนี้เมื่อประตูเหล็กนั้นได้ปิดลงไปแล้ว คนพวกนี้เพิ่งจะรู้ว่าชายที่น่ากลัวคนนี้คือคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างนอกเมื่อ พวกเขาบังคับให้พนักงานปิดประตูเหล็กลง
ในขณะที่พวกคนเหล่านั้นได้เงียบลงไป มาร์คก็ไม่พอใจที่จะอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้น เขาหันกลับไปและตัดสินใจจะไปทําในสิ่งที่เขายังค้างไว้ แต่เขาก็ต้องหยุดและชําเลืองไปที่พวกคนที่อยู่ข้างหลังเขา และตัดสินใจประกาศมันออกไป
“ถึงยังไง ในขณะที่พวกนายไม่ได้ทําประโยชน์ใดๆเลย ฉันก็ได้ติดต่อกับกองทัพทหารและขอให้พวกเขาเข้ามาช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว พวกกองทัพทหารจะมาถึงเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้ ถ้าพวกนายไม่ได้ต้องการให้กองทัพทหารเข้ามาไม่เจออะไร ยกเว้นพวกซอมบี้และ ซากศพของพวกนายที่นอนตายอยู่บนพื้น เพราะงนพวกนายช่วยอยู่กันเงียบๆอย่าส่งเสียงดังกันดีกว่านะ”
และมาร์คก็ได้เดินออกไป เขารู้ว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปจะทําให้คนพวกนั้นเงียบปากลง
คนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่เลวทรามอะไร แต่พวกเขาอยู่ในจุดที่สิ้นหวังก็เพราะว่าความหวากลัวและสิ่งที่พวกเขาเจอมา อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้ทําอะไรบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผลออกไป และด้วยสิ่งนั้น พวกเขาก็ได้จ่ายให้มันไปแล้วด้วยคนที่รักของพวกเขา พวกเขาต้องการที่จะโทษใครสักคน แต่พวกเขาควรโทษสิ่งที่ ตัวเองทําลงไปดีกว่า
จากนั้นพวกเขาก็รู้ว่า
ถ้าจะโทษใครสักคน มันควรเป็นไออ้วนชั่วนั่น พวกเขามองไปที่บอดี้การ์ดของมันซึ่งนั่งอยู่ที่พื้นข้างนอกของร้านขายสินค้า บอดี้การ์ดนั่นไม่พูดหรือทําอะไรสักอย่างตั้งแต่พื้นที่บริเวณนี้ได้เคลียพื้นที่ออกไป พวกเขานั้นอยากระบายความโกรธไปที่บอดี้การ์ดนั้น แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะระเบิดอารมออกไปได้ ไม่ใช่ว่าเพราะพวก เขากลัวหรือเพราะบอดี้การ์ดนั่นน่ากลัวหรอกนะ
แต่เป็นเพราะว่าบอดี้การ์ดนั่นช่างดูน่าสมเพชเวทนาเหลือเกิน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง