หลิงฮันไม่รู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่ทำลงไปแม้แต่น้อย เนื่องจากเขายังไม่ได้ล้ำเส้นกฎ
เขาปัดฝุ่นที่มือและยอมสละแท่งไผ่วัสดุเซียนชิ้นนี้ทิ้งไป เพราะมันจะคงจะมีกลิ่นเหม็นติดไปอีกยาวนาน
หลิงฮันใช้แผ่นป้ายเปิดห้องบ่มเพาะกาลเวลา หลังจากเข้าไปแล้วเขาก็นำเตาหลอมออกมาและเตรียมการหลอมเม็ดยา
“นายน้อยอวี้!” จูจิ่นรีบวิ่งมาช่วยหลิวอวี้ โดยการดึงหัวของอีกฝ่ายขึ้นมาจากพื้นดินก่อนเป็นอย่างแรก
“ก้นข้า! ก้นของข้า!” หลิวอวี้คิดจะจับก้นของต้นเอง แต่ทันทีที่เอื้อมมือไปด้านหลัง ความเจ็บปวดอันมหาศาลก็ถาโถมเข้ามา
ใครบางคนเพิ่งออกมาจากห้องบ่มเพาะกาลเวลา เมื่อเห็นสภาพของหลิวอวี้ที่มีแท่งไผ่เสียบก้นเอาไว้จากด้านหลัง เขาก็ชะงักไปชั่วครู่และระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น เมื่อประตูอีกบานเปิดออก และคนอีกคนเดินออกมา คนผู้นั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมามาพร้อมน้ำตาในทันที
“พี่ชายหม่า บุรุษผู้นั้นกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ข้าว่าดูเหมือนเขาจะมีรสนิยม ชอบหาของมาเสียบก้นของตัวเองนะ!”
“เป็นรสนิยมที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก!”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนที่เพิ่งออกมาจากห้องเร่งเวลานั้นรู้จักกัน พวกเขาจ้องมองหลิวอวี้และพูดคุยกันอยู่สักพัก ก่อนจะเดินจากไป
หลิวอวี้ที่ได้ยินคำพูดของทั้งสองคนก็กัดฟันและกล่าว “เจ้าโง่ ยังไม่รีบดึงออกให้ข้าอีกรึ!”
จูจิ่นพยักหน้าและยื่นมือทั้งสองไปจับแท่งไผ่
“เจ็บบบ!” หลิวอวี้ร้องโอดครวญทันใด
จูจิ่นออกแรงดึงจนแท่งไผ่หลุดออกมาในที่สุด ‘ฉัวะ’ แต่พร้อมกันนั้นเอง น้ำพุโลหิตก็ไหลทะลักออกมาจากก้นของหลิวอวี้
“อ้ากกก” หลิวอวี้โอดครวญอีกครั้ง แต่ความเจ็บปวดชั่วครู่ก็ดีกว่าความเจ็บปวดระยะยาว หลังจากที่แท่งไผ่ถูกดึงออกไปแล้ว ถึงแม้เขาจะเจ็บแสบ แต่ก็ไม่รู้สึกทรมานอีกต่อไป
เขาลูบก้นของตนเองด้วยมือข้างหนึ่ง โดยที่กางเกงของเขาในตอนนี้ถูกย้อมเป็นสีแดงฉานด้วยโลหิต เขาถลึงดวงตาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเปลวเพลิงจะปะทุออกมา
“เจ้าตัวบัดซบนั่น ข้ากับมันไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!”
“นายน้อยอวี้ ข้าว่าลืมๆมันไปดีกว่า” จูจิ่นกล่าวโน้มน้าว ในฐานะที่เป็นประชากรของเมืองวิถีโอสถ เขาย่อมเข้าใจกฎของเมืองนี้เป็นอย่างดี
หากหลิวอวี้ต้องการแก้แค้นล่ะก็ อีกฝ่ายจำเป็นที่จะต้องหานิรันดร์ในขอบเขตพลังระดับโลกียนิพพานมาช่วย หรือไม่ก็ต้องรอให้หลิงฮันออกไปสถานที่ลับตาคนนอกเมือง อีกฝ่ายถึงจะให้นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณช่วยแก้แค้นได้
แต่ดูจากอำนาจที่หลิงฮันแสดงให้เห็นเมื่อครู่ ในระดับโลกียนิพพานจะมีสักกี่คนที่กันสามารถเอาชนะเขาได้?
บางทีคนที่จะทำได้ก็คงมีแต่ราชาแห่งยุค
แต่คำถามก็คือ จะต้องทำอย่างราชาแห่งยุคถึงจะยอมลงมือช่วย?
“ไปให้พ้นๆหน้าข้า!” หลิวอวี้ผลักจูจิ่นออกไปด้วยสีหน้ารังเกียจ ในความคิดของเขานั้น จูจิ่นจะต้องอยากเห็นสภาพอันน่าอนาถของเขาเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้อีกฝ่ายถึงไม่เข้ามาช่วยเหลือเขากัน? แถมหลังจากที่ได้รับความอัปยศขนาดนี้ อีกฝ่ายยังบอกให้เขาลืมๆไปอีก
“นายน้อยอวี้…” จูจิ่นยังคงฝืนอยู่ต่อ เพราะอย่างไรหลิวอวี้ก็มีความสำคัญต่อการค้าของตระกูลเขา
“ฮึ่ม!” เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนจะเดินจากไป แต่ด้วยความเจ็บปวดบริเวณก้น เขาจึงนำมือมาพยุงบั้นท้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัว และเคลื่อนที่เดินไปด้านหน้าด้วยสภาพที่หนีบขาทั้งสองเข้าหากัน
แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ยังคงเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพาน ต่อให้จะเดินในสภาพแบบนั้น หลิวอวี้ก็ยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและหายไปจากสายตาในที่สุด
จูจิ่นถอนหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่หลังจากครุ่คิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ไล่ตามหลิวอวี้ไป
….
หลังจากที่จากมาได้สักพัก หลิวอวี้ก็หยุดเดินและเริ่มครุ่นคิด
จะไปหาใครมาแก้แค้นให้ดี?
เขาเองก็รู้กฎของเมืองวิถีโอสถดี เพราะงั้นถ้าหากคนที่มาช่วยเหลือไม่แข็งแกร่งพอ ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองอัปยศอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ซุนตงไงล่ะ!” ดวงตาของเขาส่องประกายและปรบมือทำท่านึกออก แต่เพราะเผลอขยับตัวแรงเกิน ก้นของเขาจึงได้รับแรงสั่นไหวไปด้วย จนต้องร้องโอดครวญออกมา และกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนตามถนน
หลิวอวี้รีบเข้าสู่อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว และทำการเปรียบเสื้อผ้า
“อำนาจของตระกูลซุนทรงพลังมากทีเดียว แถมซุนตงก็ยังเป็นนิรันดร์สี่นิพพานสูงสุดด้วย”
“เหอๆ ตระกูลซุนเป็นขุมอำนาจที่คอยสนับสนุนผู้สืบทอดหลู่เซียนหมิง ถ้าหากซุนตงจัดการเจ้าหมอนั่นไม่ได้ อีกฝ่ายจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากหลู่เซียนหมิงแน่นอน”
“ถ้าหากแม้กระทั่งหลู่เซียนหมิงก็ยังจัดการหมอนั่นไม่ได้… ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับชะตากรรม!”
หลิวอวี้ออกจากอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ และมุ่งหน้ามาถึงโรงโสเภณีแห่งหนึ่ง
ตระกูลซุนคือขุมอำนาจสามดาวที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตที่สี่ของเมือง หากหลิวอวี้ต้องการไปยังตระกูลซุน เขาจำเป็นต้องติดต่อกับสมาชิกตระกูลซุนเสียก่อน เพื่อให้สมาชิกตระกูลซุนผู้นั้นพาเขาเข้าไปยังอาณาเขตที่สี่
แต่หลิวอวี้จะมีเวลาขนาดนั้นงั้นรึ?
โชคดีที่ซุนตงนั้นเป็นบุรุษเจ้าสำราญ และอาณาเขตที่ห้าก็เป็นอาณาเขตที่มีโรงโสเภณีมากที่สุด เพราะงั้นในหนึ่งปีอีกฝ่ายจะอาศัยอยู่ที่นี่แปดเดือนเป็นอย่างน้อย
ทางด้านหลิวอวี้เองก็เคยมาเพลิดเพลินอยู่ที่นี่บ่อยครั้ง เพราะงั้นเขาจึงคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี
เนื่องจากเขาเป็นลูกค้าขาประจำ เมื่อเขามาถึงพนักงานทุกคนจึงเอ่ยต้อนรับเขาทันที
“โอ้ นายน้อยอวี้ เหตุใดท่านถึงจับก้นของตัวเองเอาไว้แน่นขนาดนั้นกัน คงไม่ใช่ว่าเมื่อคืนท่านเล่นสนุกเกินไปหน่อย จนถูกแทงเข้าที่ก้นหรอกนะ?” พี่สาวคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามาต้อนรับ และใช้มือลูบไล้หน้าอกของหลิวอวี้
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ หลิวอวี้คงจะหัวเราะและฉวยโอกาสลูบไล้หน้าอกของอีกฝ่ายคืนไปแล้ว แต่ด้วยความเกรี้ยวกราดในตอนนี้ ‘เพี๊ยะ’ เขาจึงสะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของพี่สาวคนนั้นในทันที
“เจ้าหาว่าใครถูกแทงก้นกัน?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอาฆาต
พริบตานั้นเอง รอบด้านก็กลายเป็นนิ่งเงียบ โดยไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คนเดียว
“ฮ่าๆๆ หลิวอวี้ เหตุใดเจ้าถึงต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นด้วย?” เสียงเราะดังขึ้นพร้อมกับร่างของรุ่นเยาว์ผู้นี้ได้ก้าวเดินเข้ามา มือสองข้างของรุ่นเยาว์ผู้นี้กำลังโอบกอดสตรีนุ่งน้อยห่มน้อยเอาไว้ถึงสองคน
เขาคือซุนตง
“นายน้อยตง!” หลิวอวี้รีบวิ่งไปทักทาย ต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วเขาไม่กล้าแสดงท่าทีหยิ่งยโสแม้แต่น้อย