จำนวนของเซียนที่ว่ามีน้อยแล้ว ราชาเซียนยิ่งมีน้อยยิ่งกว่า
อย่างน้อยในเขตดวงดาวนับร้อยในบริเวณใกล้เคียงก็ไม่มีตัวตนระดับนั้นอยู่ หลานพันล้านปีที่ผ่านมานี้ ราชาเซียนไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
“อายุขัยของเซียนซิงฉาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ด้วยพลังของเซียนระดับสูงอย่างเซียนซิงฉา การตายของเขาย่อมส่งผลกระทบต่อสวรรค์และปฐพี รุ่นเยาว์ในยุคสมัยนี้จึงมีโอกาสทะลวงผ่านระดับเป็นเซียนระดับสูงเหมือนกับเซียนซิงฉา” เป่ยหวงกล่าว
“ยุคสมัยนี้จะมีราชาเซียนถือกำเนิด!” ฉือหวงตื่นเต้น
ทันใดนั้นจักรพรรดิพิรุณบังเอิญกลับมาพอดี เขาไม่กล่าวอะไรและท้าทั้งสองคนประลองทันที จักรพรรดิพิรุณท้าทายสู้กับเป่ยหวงและฉือหวงพร้อมกันถึงสองคน
เพียงแต่ว่าจักรพรรดิพิรุณนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ต่อให้เป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองเขาก็ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย เป่ยหวงกับฉือหวงไม่ต้องการเอาเปรียบด้วยอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นการประลองจึงกินเวลาไปถึงครึ่งวันก่อนจะจบลงด้วยการเสมอ
“เป็นการต่อสู้ที่สนุกจริงๆ!” จักพรรรดิพิรุณหัวเราะลั่น
“น้องชายหลิง คนผู้นี้เป็นใคร พลังของเขาช่างดุร้ายนัก!” ฉือหวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ความมั่นใจของเขาไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
จักรพรรดิพิรุณเชี่ยวชาญในการใช้หมัดต่อสู้ เพราะงั้นสำหรับเขาแล้วการจะใช้อาวุธหรือไม่นั้นย่อมไม่ต่างกันซึ่งผิดกับฉือหวงและเป่ยหวง ทั้งสองจำเป็นต้องใช้อาวุธดึงพลังต่อสู้ออกมาให้ถึงขีดสุด
“เขาคือพี่สองของข้า” หลิงฮันมองไปยังจักรพรรดิรุณ คำพูดของเขาทำให้ทั้งเป่ยหวงและฉือหวงตกตะลึง
“พวกเจ้าช่างเป็นกลุ่มที่น่าสะพรึงกลัวนัก ทั้งๆที่มาจากโลกใบเล็กแท้ๆแต่ยังสามารถกลายเป็นราชาระดับสองได้!”
เขตดวงดาวใหญ่เขตหนึ่งสามารถให้กำเนิดราชาระดับสองได้เพียงหนึ่งหรือสองคนในยุคสมัยเดียวกัน แต่พี่น้องสองคนนี้สามารถเป็นราชาระดับสองได้ทั้งๆที่มาจากโลกใบเล็กใบเดียวกัน
หลิงฮันยิ้ม ติงผิงที่มาจากทวีปฮงเทียนเหมือนกับพวกเขาเองก็เป็นราชาระดับสอง!
“ข้าขอยืนยันได้เลยว่ายุคสมัยของพวกเรานี่ล่ะที่จะนำพาวรยุทธไปสู่ยุคที่รุ่งโรจน์!” เป่ยหวงปรบมือ
“แต่การที่มาเกิดในยุคสมัยนี้ ข้าไม่รู้วันมันคือโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่” ฉือหวงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เท่านี่ข้ารู้ในตอนนี้ ราชาระดับสามที่ปรากฏตัวแล้วมีอย่างน้อยห้าคน!”
“ห้าคน!” ใบหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นจริงจังเช่นกัน
ราชาระดับสามหมายถึงอะไร? พลังบ่มเพาะของคนเหล่านั้นจะต้องบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์!
“ห้าคนที่ว่าคือกู่ต้าวอี้ จักรพรรดินีหล่วนซิง” เป่ยหวงนับนิ้วในขณะที่กล่าว “ซื่อเฉินเฟิง หลงเซียงเยว่และเทียนเซี่ยตี้เอ้อ”
“เทียนเซี่ยตี้เอ้อ? (อันดับสองใต้สวรรค์)” หลิงฮันชะงึก เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีใครซักคนตั้งชื่อแบบนี้
“มีตระกูลที่ชื่อเทียนเซี่ย(ใต้สวรรค์)อยู่จจริงๆ มีคำกล่าวว่าผู้ก่อตั้งตระกูลนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดใต้สวรรค์ จึงได้เปลี่ยนแซ่ของตัวเองมาเป็นเทียนเซี่ย ส่วนเทียนเซี่ยตี้เอ้อผู้นี้แต่เดิมไม่ใช่ชื่อว่าตี้เอ้อ(อันดับสอง) แต่ด้วยพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขาที่มีศักยะภาพใกล้เคียงกับผู้ก่อตั้งทำให้เขาถูกตั้งชื่อใหม่ว่าตี้เอ้อ หรือก็คือจอมยุทธที่แข็งแกร่งรองลงมาจากผู้ก่อตั้งก็คือตัวเขา” ฉือหวงอธิบาย
หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น เขาไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ให้เขาได้
“น้องชายหลิง ถ้าพวกเราไม่สามารถบรรลุระดับดาราขั้นสมบูรณ์ได้ พวกเราไม่ก็มีคุณสมบัติพอที่จะต่อกรกับคนเหล่านั้น พวกเราสามารถรอให้ถึงตอนที่ทุกคนทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้นพลังต่อสู้ของทุกคนจะกลับมาทัดเทียมกัน”
“เพียงแต่ว่าแม้จะขัดเกลาขั้นสมบูรณ์เยอะกว่าเพียงระดับพลังเดียว ต่อให้เป็นเริ่มต้นระดับพลังใหม่เหมือนกันแล้วพวกเขาก็ยังได้เปรียบอยู่ดี!”
ทั้งฉือหวงและเป่ยหวงส่ายหัว พวกเขาขัดเกลาขั้นสมบูรณ์สำเร็จถึงสองระดับพลังซึ่งเพียงพอแล้วที่จะมีคุณสมบัติกลายเป็นเซียน
แต่ใครใช้ให้พวกเขาอยู่ในยุคสมัยอันรุ่งโรจน์กันล่ะ ในยุคสมัยนี้มีราชาระดับสองปรากฏตัวจำนวนมากแถมราชาระดับสามก็ยังมีถึงห้าคน โดยที่จำนวนห้าคนนี้ก็เป็นเพียงจำนวนที่พวกเขารู้เท่านั้น
“จริงสิ น้องชายหลิง เจ้ารู้รึไม่ว่าทำไมพวกเราถึงตัดสินใจมายังดาวดวงนี้ก่อนกำหนด?” เป่ยหวงเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่ใช่ว่าเพื่อเตรียมตัวหรอกรึ?” หลิงฮันถาม
“ไม่ใช่!” ฉือหวงส่ายหัวก่อนจะหยุดแน่นิ่งไปชั่วครู่ “วาสนาครั้งใหญ่จะปรากฏให้ช่วงชิงก่อนที่สำนักละอองดาราจะเปิดรับศิษย์”
“หรือก็คือสำนักละอองดาราจะเปิดรับศิษย์ก็ต่อเมื่อวาสนาที่ว่าสิ้นสุดแล้ว” เป่ยหวงกล่าวเสริม
หลิงฮันรู้สึกสนใจจึงกล่าว “วาสนาที่ว่าคืออะไร?”
ฉือหวงตอบ “ที่ดาวมู่ถูที่สถานที่ที่เรียกว่าหุบเขาเฉินเอี๋ยน ตามปกติแล้วที่นั่นก็เป็นเพียงหุบเขาทั่วไปไม่ได้มีแม้แต่สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หรือแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ แต่ในช่วงเวลาหนึ่ง หุบเขานั่นจะเปิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์”
เป่ยหวงกล่าวต่อ “ตราบใดที่เป็นสิ่งมีชีวิต ขอแค่ไปยืนบนแผ่นหินที่อยู่ในหุบเขานั่นและต่อสู้กัน แผ่นหินก็จะค่อยๆลอยขึ้นท้องฟ้า แผ่นหินของใครที่ลอยขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดการแย่งชิงก็จะสิ้นสุด”
“เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว สวรรค์และปฐพีจะปลดปล่อยอำนาจบางอย่างออกมา ยิ่งใครได้อยู่บนแผ่นหินที่สูงก็จะได้อาบแสงวาสนาที่เข้มข้นยิ่งกว่า พลังบ่มเพาะของเหล่าคนที่ได้รับวาสนาจะทะยานสูงขึ้นราวกับก้าวกระโดด” ฉือหวงกล่าว
หลิงฮันมีสีหน้าสงสัย “นั่นไม่ยุติธรรมเกินไปหน่อยงั้นรึ หากเป็นแบบนั้นยิ่งจอมยุทธที่มีระดับพลังสูงกว่าก็ยิ่งได้เปรียบในการแย่งชิงแผ่นหินไม่ใช่รึไง”
เป่ยหวงยิ้มและกล่าว “อย่างแรกเลย จอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะระดับวารีนิรันดร์ขึ้นไปไม่สามารถเข้าร่วมรับวาสนาได้ เพราะงั้นเหล่าจอมยุทธที่ตั้งใจมาเข้าร่วมสำนักละอองดาราจึงมีพลังบ่มเพาะอยู่เพียงระดับดารา ต่อให้มีคนที่ใกล้จะทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ก็ตาม พวกเขาก็จะสะกดพลังของตนเองเอาไว้เพื่อรับวาสนานี้”
“อย่างที่สาม ตราบใดที่ไปยืนอยู่บนแผ่นหินแล้ว พลังบ่มเพาะก็จะถูกลดไปยังระดับดาราขั้นต้น กล่าวได้ว่านี่คือการต่อสู้ในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง” ฉือหวงกล่าว
“อย่างที่สาม ต่อให้น้องชายหลิงมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานแค่ไหน ศัตรูก็สามารถโจมตีทำลายแผ่นหินใต้เท้าของเจ้าได้ เมื่อใดที่แผ่นหินถูกทำหลาย คนคนนั้นก็ต้องเริ่มไต่เต้าขึ้นมาจากด้านล่างสุดใหม่”
จักรพรรดิพิรุณหัวเราะและกล่าว “นี่ล่ะ ต้องแบบนี้ล่ะถึงจะน่าสนุก วาสนาที่ว่าจะเริ่มเมื่อใด?”
“อีกไม่นาน น่าจะราวอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้” เป่ยหวงกล่าว
“เพียงแต่ว่า ถึงแม้พลังบ่มเพาะของทุกคนจะถูกลดลงมาเหลือระดับดาราขั้นต้น แต่พลังต่อสู้ที่ขัดเกลาจนบรรลุขั้นสมบูรณ์นั้นไม่ได้หายไป” ฉือหวงกล่าว “ราชาระดับสามยังคงได้เปรียบอยู่เหมือนเดิม อย่างน้อยพวกเขาก็มีพลังต่อสู้มากกว่าคนอื่นหนึ่งดาว”
“กู่ต้าวอี้ จักรพรรดินีหล่วนซิง ซื่อเฉินเฟิง หลงเซียงเยว่และเทียนเซี่ยตี้เอ้อ ทั้งห้าคนนี้คือคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุด” เป่ยหวงกล่าว “ดังนั้นพวกข้าถึงตั้งใจว่าจะตั้งกลุ่มเพื่อร่วมมือกันสู้ไปด้วยกัน”
“ทำแบบนั้นก็ได้รึ?” หลิงฮันประหลาดใจ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ฉือหวงถามกลับ
นี่มัน… เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมอยู่เลยแท้ๆ ตอนนี้กลับมาบอกว่าสามารถร่วมมือกันได้ แล้วยังจะเรียกว่ายุติธรรมได้อย่างไร?
“คนราวๆห้าถึงหกคนสามารถขึ้นไปยังจุดสูงสุดพร้อมกันได้รึไม่?” หลิงฮันถาม
“ไม่สามารถทำได้” เป่ยหวงส่ายหัว “การแข่งขันในหุบเขาเฉินเอี๋ยนจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ในส่วนแรกทุกคนจะสามารถร่วมมือกันได้ แต่หลังจากที่แผ่นหินลอยขึ้นสูงไปถึงจุดนึง การร่วมมือกันจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป ยิ่งกว่านั้นมีเพียงหลังจากขึ้นมาสูงถึงส่วนหนึ่งแล้วเท่านั้นถึงจะได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพี”
“ตอนนี้มีน้องชายหลิงกับน้องชายจักรพรรดิพิรุณแล้ว พวกเราจะหาคนอีกสักหน่อยเพิ่มให้กลุ่มเรามีจำนวนสิบสองคน” ฉือหวงกล่าว