“เอ้านี่ พวกเจ้าจงรับมันไปคนละชิ้น” แท่นหินกล่าว
ขวดหยกสิบขวดปรากฏอยู่กลางอากาศ และตกลงมาอยู่ด้านหน้าพวกเขาคนละขวด
เห็นได้ชัดว่าหนึ่งขวดต่อหนึ่งคน
นี่คือชัยชนะของทุกคนในกลุ่ม ดังนั้นทุกคนจึงได้รับของรางวัลเหมือนกัน ไม่ว่าจะมีผลงานมากหรือน้อยก็ตาม
หลิงฮันหยิบขวดหยกขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรเขียนคำอธิบายเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ข้าขอถามได้หรือไม่ ในขวดหยกนี้มีเม็ดยาอะไรอยู่?”
“เม็ดยาภูผาวารีลายม่วง” แท่นหินกล่าว
“แล้วมันมีประสิทธิภาพอะไร?” ทุกคนไม่เคยได้ยินชื่อเม็ดยาชนิดนี้มาก่อน
“หลังจากที่เจ้ากินมัน ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมามันจะทำให้พลังต่อสู้ของพวกเจ้าเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว” แท่นหินอธิบาย
“แค่นั้นเองหรือ?” หลิงฮันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน ทั้งที่เจ้าได้รับของจากผู้อื่น เจ้าพูดขอบคุณสักนิดเลยไม่ได้หรือไงกัน!” แท่นหินไม่พอใจและพูดว่า “และเจ้าเพิ่งทะผ่านด่านแรกเท่านั้น เจ้าคิดว่าของรางวัลที่จะได้รับจะล้ำค่าขนาดไหนกัน?”
“นั่นหมายความว่า…พวกข้าจะได้รับรางวัลอีกเมื่อผ่านด่านสองและสาม?” หลิงฮันถาม
“แน่นอน ตราบใดที่พวกเจ้าแข็งแกร่งพอ” แท่นหินกล่าว
ทันใดนั้น จิตวิญญาณต่อสู้ของทุกคนก็เดือดพล่านอีกครั้ง พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นเพราะของรางวัล แต่เป็นเพราะพวกเขาคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ และด้วยความทะเยอทะยานกับความมั่นใจในตัวเองทำให้พวกเขาหวังที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่ง
“แล้วการทดสอบด่านต่อไปคืออะไร?” หลิงฮันถาม
“ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?” แท่นหินกล่าว “หากเจ้าต้องการรู้ จงไปดูและสัมผัสด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ข้าสามารถบอกพวกเจ้าได้ว่าด่านที่สองคือเขาวงกต หากพวกเจ้าสามารถออกมาได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเจ้าก็จะได้รับรางวัลตอบแทน”
“สำหรับด่านนี้ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานเป็นกลุ่ม และไม่อนุญาตให้จับกลุ่มรวมกัน พวกเจ้าจะต้องผ่านการทดสอบด้วยตัวคนเดียว”
หลังจากพูดจบ แท่นหินก็ไม่พูดอีกต่อไป
ด้านหน้าของพวกเขามีบันไดปรากฏขึ้นที่จะพาไปยังชั้นที่สอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเราทุกคนไปกันเถอะ” ตู่อันหัวเราะและเดินนำ
หลิงฮันยังไม่ขยับไปไหน เขาคิดว่ามันแปลกมาก ในเมื่อที่นี่เป็นสุสาน ทำไมพวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบและความท้าทายต่างๆด้วย?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อได้รับรางวัล เขาก็พร้อมที่จะรับคำท้าทายนั่น เพราะอย่างไรเขาไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว
“หลิงฮัน หรือว่าเจ้าจะกลัวจนก้าวไม่ออก?” เซี่ยอู๋เฉียนชี้ไปที่หลิงฮัน
“ใครบอกว่าข้ากลัว!” แน่นอนว่าหลิงฮันไม่หวาดกลัวอยู่แล้ว
“เพื่อเห็นแก่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่จะทำให้เจ้ารู้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าอยู่ และเจ้าไม่ควรทำตัวอวดดีเกินไป!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าว
หลิงฮันดูแปลกใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเซี่ยอู๋เฉียนจะพูดแบบนั้นออกมา
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดว่า “เพื่อเห็นแก่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ข้าเองก็จะไว้ชีวิตเจ้าและจะแค่สั่งสอนเจ้าเท่านั้น”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเป็นคนที่อวดดีจริงๆ!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เข้ามา!”
หลังพูดจบก็มีอักขระศักดิ์สิทธิ์ปรากฏอยู่บนแขนของเขา ซึ่งมีมากกว่าหกสิบแถว และมีภูผาวารีสี่ลูกปรากฏอยู่ด้านหลังพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา
อักขระศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหกสิบแถว นั่นหมายความว่าเขามีพลังต่อสู้หกดาว
“เจ้าต้องการข่มขู่ข้าอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเห็นพลังป้องกันของเขาแล้วหรือ? แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดและมีพลังต่อสู้หกดาว แต่แค่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเขาได้
“แน่นอน แต่ข้ายังมีอีก!” เซี่ยอู๋เฉียนนำปลอกแขนสีดำออกมาและสวมเข้าไปในแขน หลังจากกระตุ้นใช้งานปลอกแขน อักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดก็ส่องแสงและทันใดนั้นอักขระศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เจ็ดสิบเอ็ด!
นั่นหมายความว่าพลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว!
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจและพูดว่า “ในด่านทดสอบรูปปั้นหิน เจ้าไม่ได้ใช้อาวุธชิ้นนี้!”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะใช้มัน แต่เป็นเพราะอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รับความเสียหาย และสามารถใช้งานได้แค่เวลาครึ่งธูปหมดเท่านั้น” เซี่ยอู๋เฉียนไม่คิดปกปิดและบอกความจริง
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “หรือเจ้าคิดว่าจะสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยเวลาครึ่งธูปหมด?”
“แค่นั้นก็มากพอแล้ว!” เซี่ยอู๋เฉียนกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
แม้ว่าหลิงฮันจะมีพลังป้องกันที่น่าทึ่ง แต่ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันก็ใกล้เคียงกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แล้วถ้าเขาใช้เทคนิคลับมันก็อาจทำให้เขาสามารถฆ่าหลิงฮันได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชักสงสัยแล้วสิว่าเจ้าเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน” หลิงฮันหัวเราะ แล้วนำยันต์อาคมราชสีห์คลั่งออกมา ซึ่งมันสามารถใช้งานได้ทั้งหมดสิบครั้ง และจำนวนครั้งสูงสุดอาจลดลงเองขึ้นอยู่กับเวลาใช้งานของแต่ละครั้ง
พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าเซี่ยอู๋เฉียนมาก นั่นเป็นเพราะช่องว่างระหว่างระดับพลัง โดยปกติแล้วมันคงเป็นเหมือนการถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียว
แต่ใครจะยอมถูกรังแกเพียงฝ่ายเดียวกันล่ะ?
ดังนั้น หลิงฮันจึงไม่ลังเลที่จะใช้งานยันต์อาคมราชสีห์คลั่งอีกครั้ง
เขาแปะยันต์อาคมไว้บนร่างกาย แล้วทันใดนั้นเองอักขระศักดิ์สิทธิ์ก็ประทับลงบนร่างของเขา ถ้านับแล้วมันมีมากกว่าแปดร้อยแถว!
พรวด!
เซี่ยอู๋เฉียนแทบกระอักโลหิตและเผยสีหน้าตกตะลึง
เขามีอักขระศักดิ์สิทธิ์แค่เจ็ดสิบกว่าเท่านั้น แต่หลิงฮันมีมากถึงแปดร้อยแถว ความแตกต่างคืออะไร? มันไม่ได้แค่มากกว่าสิบเท่าเท่านั้น แต่ยังทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง
“ข้ายอมแพ้!” ใบหน้าของเซี่ยอู๋เฉียนเต็มไปด้วยความขมขื่น
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าจะหยุดหลังจากที่เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างนั้นรึ? ในเมื่อข้าต้องใช้งานยันต์อาคมราชสีห์คลั่งไปแล้ว แล้วข้าจะปล่อยให้มันเสียเปล่าได้อย่างไร!”
หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือธรรมดา เขาไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ แค่เขาโจมตีด้วยฝ่ามือธรรมดาออกไปก็เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยอู๋เฉียนพ่ายแพ้แล้ว
ถึงกระนั้นหลิงฮันก็ไม่คิดที่จะฆ่าอีกฝ่าย เขาแค่ลบความคิดของเซี่ยอู๋เฉียนที่จะฆ่าเขาออกไปเท่านั้น
“นี่มันทรงพลังเกินไปแล้ว!” เซี่ยอู๋เฉียนกรีดร้อง
หลิงฮันไม่สนใจและยังคงโจมตีใส่อีกฝ่าย
ชายหนุ่มที่ใช้หอกรู้สึกตกตะลึง ในความคิดของเขาเซี่ยอู๋เฉียนเป็นเหมือนเทพสงครามที่ไร้พ่าย และสมควรที่จะอยู่ยงคงกระพันถ้าเทียบกับจอมยุทธในระดับเดียวกัน แต่ตอนนี้เขากลับถูกหลิงฮันที่มีระดับพลังต่ำกว่าเล่นงาน
หลิงฮันทุบตีอีกฝ่ายและเซี่ยอู๋เฉียนไปด้านข้าง
“หลิงฮัน ในอนาคตที่นิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าจะต้องลบล้างความอัปยศที่ได้รับในวันนี้ให้ได้อย่างแน่นอน!” เซี่ยอู๋เฉียนตะโกน
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “เจ้าคงไม่มีโอกาสนั้น!”
ความก้าวหน้าของเขานั้นเหมือนกับการก้าวกระโดด ช่องว่างระหว่างเขากับเซี่ยอู๋เฉียนคงจะลดลงเรื่อยๆ และระดับสุริยันจันทราก็ยากที่จะทะลวงผ่าน ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่เขาจะไล่ตามอีกฝ่ายทันในเวลาอันสั้น
“ภรรยาข้า พวกเราไปกันเถอะ!” หลิงฮันจับมือสุ่ยเยี่ยนยวี่และเดินขึ้นไปชั้นที่สอง