หลิงฮันสามารถเดินดูตำราได้เพียงแค่ชั้นแรก ถึงจะแค่ชั้นแรกเขาก็สามารถอ่านตำราได้ทุกเล่ม
ทุกตำราล้วนแต่เป็นทักษะที่ต่ำกว่าระดับพระเจ้า
หลิงฮันไม่เร่งรีบ เขาค่อยเปิดตำราดูไปเรื่อยๆ
ทักษะบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ทักษะที่ล้ำเลิศอันใด ดังนั้นหากเขาต้องการขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงขีดจำกัดเขาจะต้องเปลี่ยนทักษะบ่มเพาะเสียก่อน
สำนักนภาสีชาดยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ตำราทักษะบ่มเพาะที่พวกเขารวบรวมเอาไว้มีมากมาย แต่ละเล่มล้วนแต่เป็นตำราที่สมบูรณ์ที่สามารถใช้บ่มเพาะไปจนถึงระดับทลายมิติขั้นสูงสุด
หลิงฮันอ่านดูอยู่นานก็ยังไม่พบทักษะบ่มเพาะที่เหมาะกับเขา
เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนึกบางอย่างออก “ข้ามีรากฐานวิญญาณหกธาตุที่มีความสมดุลกัน หากฝึกฝนทักษะหกธาตุที่ต่างกันจะทำให้เกิดทักษะที่รวมธาตุทั้งหกให้ผสานกันได้รึเปล่า?”
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลิงฮันก็ตื่นเต้นทันที
เขามองหาทักษะหกทักษะที่อยู่ในระดับเดียวกัน ห้าทักษะเป็นทักษะห้าธาตุพื้นฐานส่วนอีกหนึ่งทักษะคือทักษะธาตุสายฟ้า เขาค่อยๆจำเนื้อหาในตำราที่ละเล่ม
ตำราที่นี่ไม่สามารถนำออกไปข้างนอกได้ ทักษะไม่ได้ถูกบันทึกไว้บนหนังสือแต่สลักไว้บนกระดูก บ้างก็เป็นกระดูกสัตว์บ้างก็เป็นกระดูกมนุษย์ เวลาหยิบขึ้นมาถืออ่านนั้นช่างรู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก
เมื่อนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับตำรา กระดูกก็ส่องแสงสว่าง ทักษะแต่ละทักษะต่างถูกสลักเอาไว้ด้วยอักขระและรูปภาพ ไม่มีอักษรพื้นฐานใดๆถูกสลักเอาไว้เลย หากต้องการจะศึกษาทักษะจากตำราเหล่านี้ก็ต้องใช้ปราณก่อเกิดดูดซับความรู้เข้าไปในตันเถียน
“มีทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่ด้วย!”
หลิงฮันเปิดหูเปิดตาเป็นอย่างมาก เขามีต้นกำเนิดจากโลกใบไม่ แม้ว่าเขาจะใช้ชีวิตว่าสองชีวิตแล้วแต่โลกที่อาศัยอยู่ก็ไม่เปลี่ยนแปลง ทักษะชั้นยอดที่เขาเคยเห็นมาก็เป็นเพียงทักษะที่ไม่สมบูรณ์จากเผ่าใต้ทะเลและห้านิกายโบราณ
ทักษะบ่มเพาะที่อยู่ตรงหน้าเขาเหล่านี้สามารถช่วยให้เขาบ่มเพาะพลังระดับทลายมิติให้มีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้นสองดาวเป็นอย่างน้อย
เขามั่นใจว่าหลังจากรวมทักษะทั้งหกให้เป็นหนึ่ง เขาจะสามารถขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงขีดจำกัดได้
ส่วนทักษะกายานั้น แค่ทักษะกายาเก้ามังกรทรราชก็ทำให้พลังกายของเขาแข็งแกร่งมากพอแล้ว
หลังจากจดจำทักษะบ่มเพาะเสร็จ เขาก็ลืมตาขึ้นด้วยความพึงพอใจ หลิงฮันยิ้มก่อนที่จะเก็บตำราเข้าที่เดิมและมุ่งหน้าไปหาทักษะหลอมเม็ดยา
หลิงฮันเจอตำราโบราณเล่มหนึ่งที่เป็นตำราที่ถูกเขียนด้วยหนังสือจริงๆ มันเขียนไว้ถึงวิธีหลอมเม็ดยาระดับสิบ ซึ่งเม็ดยาระดับสิบนั้นแม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้
หลิงฮันไม่โลภมาก ตอนนี้เขาตัดสินใจศึกษาทักษะการหลอมเม็ดยาเพียงหนึ่งชนิดก่อน
การศึกษาวิธีหลอมเม็ดยานั้นง่ายมาก ตราบใดที่มีความจำที่ดีเยี่ยมก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่การคือการลงมือปฏิบัติจริงต่างหาก
การสกัดพลังงานจากสมุนไพรนั้นเป็นสิ่งทำผิดพลาดได้ง่ายมาก ถ้าไม่ระวังให้ดีพลังงานที่สกัดออกมาจะเสื่อมสลาย
ดังนั้นในตำราหลอมเม็ดยา การคัดแยกสมุนไพรจึงมีเขียนไว้เพียงครึ่งหน้า ส่วนวิธีสกัดพลังจากสมุนไพรนั้นถูกเขียนเอาไว้ถึงสิบแปดหน้าเต็ม นี่ยังเป็นเพียงแค่ทักษะหลอมเม็ดยาระดับสิบเท่านั้น ถ้าหากเป็นเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ล่ะตำราจะถูกเขียนข้อมูลเอาไว้เยอะกว่านี้อีก
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หลิงฮันก็ปิดตำราและปิดลงตาลงเพื่อย่อยข้อมูลที่ได้รับมา
แม้จะมันจะไม่ใช่ทักษะการหลอมเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่ในเมื่อเม็ดยาระดับสิบสามารถให้ประโยชน์ต่อจอมยุทธระดับภูผาวารีได้ ดังนั้นทักษะการหลอมเม็ดยาที่เขาได้รับมาจึงสามารถเรียกได้ว่าเป็นเม็ดยากึ่งศักดิ์สิทธิ์ สำหรับหลิงฮันที่ยังเป็นจอมยุทธณะดับทลายมิติแล้ว การหลอมเม็ดยาชนิดนี้ขึ้นมานับว่าเป็นงานที่หินมาก
“จิตวิญญาณของข้าถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาลด้วยชาเกิดใหม่และคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ดังนั้นข้าในตอนนี้จึงมีคุณสมบัติพอในการหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์แล้ว” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ
“แต่การหลอมเม็ดยานั้นจะสำเร็จได้ก็ต้องผ่านการปฏิบัติจริงลองผิดลองหลายครั้ง ข้าในตอนนี้ที่มีผลึกก่อเกิดเพียงสองก้อนย่อมไม่มีทางซื้อวัตถุดิบมาลองหลอมได้มากเท่าไหร่”
เขาเก็บตำราโบราณกลับเข้าที่และหันหลังเพื่อเดินออกจากหอตำรา เขาตั้งใจจะออกจากสำนักไปหาซื้อส่วนผสมในการหลอมเม็ดยา
เมื่อมาถึงประตูทางเข้าหอตำรา ชายชราคนเดิมก็จ้องมองมาที่เขา เมื่อเขาเดินออกหอตำราไปชายชราก็เอ่ย “แซ่ของชายชราผู้นี้คือฉือ เจ้าจะเรียกข้าว่าเฒ่าฉือก็ได้ ถ้าเจ้ามีเวลาว่างก็มานั่งคุยเล่นกับข้าได้ ชายชราผู้นี้ชื่นชอบการสนทนากับรุ่นเยาว์ไม่น้อย”
หลิงฮันหันกลับไปหาชายชราและกล่าว “ขอรับผู้อาวุโส”
ถึงแม้ชายชราผู้นี้จะไม่ปลดปล่อยออร่าใดๆออกมา แต่ในสำนักนภาสีชาดแห่งนี้จะมีชายชราธรรมดาๆอยู่ด้วยรึ?
เฒ่าฉือโบกมือลาหลิงฮัน ส่วนหลิงฮันก็หันหลังเดินจากไปอีกครั้ง หลังจากร่างของหลิงฮันหายไปจากสายตาชายชราก็พึมพำ “เจ้าหนูนี่คิดจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะถึงหกทักษะ! มีจอมยุทธไม่มากที่รู้ว่าหากฝึกฝนเพียงทักษะบ่มเพาะทักษะเดียวจะไม่สามารถขัดเกลาพลังต่อสู้ให้ถึงขีดจำกัด แต่จอมยุทธจากโลกใบเล็กกลับรู้สึกตัวถึงเรื่องนี้งั้นรึ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
“แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญเพราะโชคช่วย แต่โชคก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของพรสวรรค์เช่นกัน… ถ้าชายชราผู้นี้ไม่มีโชคล่ะก็ คงไม่อาจบ่มเพาะพลังมาถึงจุดนี้ได้!”
“บางทีสิ่งที่ชายชราผู้นี้ล้มเหลว เด็กหนุ่มคนนั้นอาจจะทำสำเร็จ!”
เมื่อเฒ่าฉือพึมพำเสร็จ แววตาของเขาก็ส่องประกายออกมาด้วยความน่าเกรงขาม แต่ทันใดนั้นโซ่เหล็กสีดำก็ปรากฏออกมารัดหน้าของเขาเอาไว้แน่น ชายชรากระอักโลหิตทันที
ด้านหลังของชายชราปรากฏดวงดาราสี่ดวง แต่ละดวงมีขนาดเท่ากัน หากมีใครมาพบเห็นคนผู้นั้นจะต้องหวาดผวาแน่นอน
ใครจะไปคิดว่าชายชราที่คุ้มครองหอตำราของสำนักฝ่ายเหนือจะเป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดที่ไร้เทียมทาน?