“ฮึ่ม อย่าคิดว่าเจ้ามีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แล้วจะสังหารข้าได้!” ศพที่สองแสยะยิ้มและแขนขวาเริ่มเคลื่อนไหว มีกระดูกสีขาวโผล่ออกมาจากมือของเขา มันมีความยาวเกือบสามฟุตและปกคลุมไปด้วยอักขระสีทอง และถ้าหากมองให้ดีจะเห็นว่ามีบางจุดเปลี่ยนเป็นสีดำ
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและรีบกระโดดไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าถึงขั้นเอากระดูกต้นขามาใช้เป็นอาวุธ ข้าไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไงดี!”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกระดูกขาของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยพลังน่าหวาดกลัว แต่ด้วยพลังการฟื้นฟูของระดับทลายมิติทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ได้
ศพที่สองถือกระดูกขาอยู่ในมือ และพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจว่า “ใช่แล้ว นี่คือกระดูกขาข้างหนึ่งของข้าที่ดึงออกมา เมื่อพูดถึงอาวุธวิญญาณแล้ว มันจะมีอะไรดีไปกว่าการใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย?”
คำพูดนั้นถูกต้อง แต่ทำไมมันฟังดูแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัว?
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น ข้าคงเถียงเจ้าไม่ได้ แต่ถ้าข้าพูดว่ามันน่าเบื่อคงจะทำลายความรู้สึกของเจ้า”
“ปากดีไม่น้อยเลยนิ!” ศพที่สองแกว่งกระดูกขาเพื่อที่จะสังหารหลิงฮัน นี่คือกระดูกของจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า ซึ่งอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงแห่งเต๋าของจอมยุทธ ถ้าโดนเข้าจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
หลิงฮันไม่ได้มีอำนาจพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่ง เขาใช้มันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าศพที่สองจะใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ แต่ใครจะไปรู้ว่ากระดูกของมันจะไม่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์? นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายยังไงก็เป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า ซึ่งความแข็งแกร่งนั้นไม่อาจจินตนาการได้
“เมื่อข้าปรับแต่งกระดูกนี่ได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ยังต้องตายถูกสังหาร!” ซากศพที่สองพูดอย่างเย็นชา
หลิงฮันมองไปที่อักขระสีดำบนกระดูก มันควรจะเป็นกระบวนการที่ศพที่สองกำลังพูดถึง ตอนนี้เขากำลังปรับแต่งมันด้วยปราณซากศพ และเมื่ออักขระสีทองกลายเป็นสีดำ มันจะมีพลังที่จะสังหารจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นเก้า
น…น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ตึ่ง!
หลิงฮันนำดาบออกมา และพูดว่า “อย่าอวดดีจนเกินไป เจ้าไม่ได้เป็นคนเดียวในโลกที่มีสมบัติล้ำค่า!”
แน่นอนดาบที่เขานำออกมาคือดาบสังหาร!
ตึ่ง!
บนกระดูกอักขระสีดำเคลื่อนไหวเล็กน้อยเช่นเดียวกับดาบสังหาร ทันใดนั้น กลิ่นอายระดับทลายมิติหลั่งไหลออกมา ทำให้พื้นที่ไม่เถียรและอากาศที่ว่างเปล่าเกิดรอยปริแตก
หลิงฮันและศพที่สองต่างถอยร่นพร้อมกัน พวกเขาทั้งสองคนต่างมีอาวุธที่ไม่ธรรมดาอยู่ในมือและทรงพลังพอที่จะมีพลังเหนือกว่าระดับพลังของพวกเขา
“ดาบที่ผสานกับรูปแบบอาคม?” ดวงตาของศพที่สองเปล่งประกาย เขาจ้องมองไปที่ดาบสังหารอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า “เจ้าเป็นคนที่โชคดียิ่งนัก ถึงมีสมบัติล้ำค่ามากมายขนาดนี้”
“ไม่ใช่ มันเป็นเพราะโชคชะตาของข้าต่างหาก” หลิงฮันกล่าว
“ถ้างั้นข้าจะไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!” ศพที่สองกล่าว
“มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะสังหารข้าได้หรือไม่” หลิงฮันกล่าว “เข้ามา ข้ายินดีที่จะต่อสู้กับเจ้าสามร้อยรอบ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะขาอ่อนจนยืนไม่ไหว!”
ศพที่สองเริ่มกระโจนเข้าหาหลิงฮัน เขามีความมั่นใจเพราะยังไงร่างของเขาก็เป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ และไม่ได้เผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับทลายมิติเสียหน่อย เขากระโจนออกไปพร้อมกับกระดูกขาวที่อยู่ในมือด้วยพลังที่สามารถบดขยี้ภูเขาและตัดผ่านมหาสมุทร
หลิงฮันพาจูเสวี่ยนเอ๋อและคนอื่นเข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงจากการโจมตี มิฉะนั้นอาจเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันขึ้น
เขาสามารถยืนยันต่อกรกับอีกฝ่ายได้เพราะดาบสังหารที่อยู่ในมือ และมันเองก็ระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาเพื่อป้องกันพลังทำลายล้างของกระดูกขาว
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่เป็นการควบคุมอาวุธที่อยู่ในมือของพวกเขา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดจนพื้นดินสั่นสะเทือน นี่เป็นการต่อสู้ของจอมยุทธระดับทลายมิติ แม้จะไม่สามารถเขย่าดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าได้ แต่พลังทำลายล้างก็น่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
หลังจากต่อสู้กันได้ครึ่งวัน พลังของพวกเขาทั้งสองคนลดลงอย่างมาก และในเวลานี้เองพรสวรรค์ของหลิงฮันก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
เขาคือจักรพรรดินักปรุงยา
เม็ดยาจำนวนหนึ่งไหลลงท้องของเขา และทำให้พลังปราณของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ได้เป็นเพราะเม็ดยาอย่างเดียว แต่เป็นเพราะความจริงที่ว่าเขากินยาบำรุงอยู่บ่อยครั้งด้วย
ช่วยไม่ได้ที่ศพที่สองสีหน้าจะเปลี่ยนสี นี่เป็นข้อเสียอย่างใหญ่หลวงของศพ เม็ดยาสีแดงนั่นมีเพียงแค่จอมยุทธเท่านั้นที่กินแล้วจะแสดงประสิทธิภาพออกมา ตอนนี้หลิงฮันอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด แต่เขาอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าและพลังต่อสู้ลดลงอย่างมาก แล้วเขาจะจัดการอีกฝ่ายได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเขาไม่กังวลว่าจะถูกหลิงฮันจัดการ นั่นเป็นเพราะร่างของเขาเป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติ ซึ่งเป็นตัวตนที่อยู่ยงคงกระพัน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้เจ้ายังมีความมั่นใจที่จะสังหารข้าอยู่อีกหรือไม่?”
“หึ่ม เจ้าจะทำอะไรข้าได้? อย่าลืมว่าข้ามาเพื่อลอบสังหารเจ้า แม้จะทำไม่สำเร็จ แต่ข้าก็สามารถหลบหนีได้ และเจ้าทำได้แค่จ้องมองเท่านั้น” ซากศพที่สองต้องการทำให้หัวใจของหลิงฮันหวั่นไหว
หลิงฮันไม่สนใจและพูดว่า “ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด และเมื่อข้าทะลวงผ่านระดับทลายมิติ มันจะเป็นเวลาที่นิกายพันศพจะต้องถูกทำลาย!”
“ถ้าเจ้าอยากจะกลับไปบอก ข้าจะให้เจ้าไปและกลับไปบอกนิกายของเจ้า และถ้าเจ้ายังไม่อยากตายให้รีบออกจากนิกายพันศพและเป็นคนขี้ขลาดตลอดชีวิต!”
ช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของศพที่สองจะเปลี่ยนสี เจ้าเด็กนี่ช่างปากดียิ่งนัก แต่ดาบในมือของอีกฝ่ายมันก็ไม่ธรรมดาเลยและแปลกประหลาดมาก
“ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้” ศพที่สองพูดเสียงแผ่วเบา “ข้าเคยพูดไปแล้วว่ามีศพที่แข็งแกร่งกว่าข้า พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าข้ามาก ครั้งหน้าอาจเป็นเขาที่จะออกมาจัดการเจ้า”
“แล้วข้าจะรอ!” หลิงฮันพูดอย่างภาคภูมิใจ ตอนนี้ความก้าวหน้าของเขารวดเร็ว เมื่อศพร่างนั้นปรากฏออกมาบางทีเขาอาจอยู่จุดสูงสุดของระดับก้าวสู่เทวาแล้วก็เป็นได้
ศพที่สองกลับมาสงบนิ่งอีกครั้งและพูดว่า “อย่ามั่นใจจนเกินไป ศพที่ยิ่งใหญ่ต่างอยู่ในบาดาลใต้พิภพ เมื่อเขาตื่นขึ้น…บางทีอาจเป็นระดับทลายมิติแล้ว!”
อีกฝ่ายคิดที่จะทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว?
หลิงฮันเค้นเสียง จอมยุทธระดับทลายมิติแล้วมันทำไม? ในเมื่อเขายังมีหอคอยทมิฬอยู่
“แล้วข้าจะรอ!”