ตอนที่ 189 เหตุร้ายแรง
มู่ซินหยาพูดอย่างเฉยเมย “พวกเรามีราชันย์ซากศพกลายพันธุ์อยู่สองตัวรวมถึงตัวที่เพิ่งค้นพบ นั้นก็มีราชันย์ซากศพอยู่สามตัวแล้ว ราชันย์ซากศพแต่ละตัวมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับยอดกษัตริย์ยุทธ”
“ตามข้อตกลงเจ้าต้องเพิ่มเงินให้ข้าอีกครึ่งหนึ่ง ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นสิบปีแล้วและใช้ชีวิตอย่างน่าอดสู ข้าเหลืออดกับมันแล้ว” ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เขาเผยสีหน้ากระวนกระวาย
มู่ซินหยาคอ้วขมวดเล็กน้อย “เผ่าพันธุ์ของข้าได้เตรียมการนี้มาเป็นเวลานับร้อยปี ความพยายามสิบปีของเจ้าจะมาเทียบได้อย่างไร? เมื่อมาถึงช่วงสําคัญเจ้าก็เริ่มกลับคําพูด
หัวหน้าลี่หัวเราะคิกๆ “เจ้าจะพูดอะไรก็พูดไป,หากเจ้าไม่ทําอย่างที่ข้าพูดเจ้าก็ลืมสิ่งนี้ไปได้เลย”
พลังฉีเฉียบคมวูบผ่านดวงตาของนางพร้อมกับกระแสพลังของนางเร่งสูงขึ้นในทันที มันราวกับว่านางกําลังจะจู่โจมได้ทุกเวลา หัวหน้าลี่ยิ้มอย่างไม่แยแสและเดินตรงเข้ามาอย่างไร้ความหวาดกลัว
ในที่สุด,มู่ซินหยาก็ยอมถอย นางพูดอย่างเย็นชา “ตามที่เจ้าขอ ข้าจะเพิ่มหินวิญญาณระดับกลางที่เข้าจะได้รับเป็นสามพันก้อน”
อุโมงค์อีกแห่งหนึ่ง,เซี่ยวเฉินอยู่ในสภาวะไม่สงบ เขาฝึกฝนทักษะกระบุอย่างยุ่งเหยิง,สร้างสายลมรุนแรงขึ้นในอุโมงค์ที่สว่างไปด้วยไข่มุกราตรี กระบี่แสงวูบผ่านและมีเสียงติโกนไปในอากาศ
เซี่ยวเฉินฝึกฝนชุดวิชากระบี่ เมื่อกระแสพลังของเขาถูกเร่งถึงขีดสุด,เขาระเบิดเสียงตะโกนออกมา เขาขว้างกระบี่เงาจันทร์อย่างรุนแรง กระบีเรืองแสงพร้อมกับแทงเข้าไปบนกําแพงหิน
“ชัว ชัว!”
หินสีดําร่วงหล่นลงมาจากกําแพง กระบี่เงาจันทร์ฝังลงไปมิดบนกําแพง ความหงุดหงิดและเกรี้ยวกราดของเซียวเฉินปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
กล่าวได้ว่าเซี่ยวเฉินพยายามอย่างมากในการรวบรวมข่าวสารมา เขาไม่ได้คาดหวังรางวัลอะไรแม้แต่น้อย,เขาแค่อย่างจะให้เย่เหวินให้ความสนใจสักหน่อย ใครจะรู้ว่าเย่เหวินจะมาหาว่าเขาเป็นพวกขี้ฟ้อง
มันยิ่งทําให้เซี่ยวเฉินเศร้าอย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกสองสามครั้งก่อนที่จะสงบใจลง ดูเหมือนว่าเรื่องของหัวหน้าเขาจะไม่ได้ตอบรับ,เขาไม่รู้ว่าจะไปพบเขาในวันพรุ่งนี้อย่างไร
ไม่เป็นไร เดียวทุกอย่างก็คลี่คลายไปของมันเอง,เซี่ยวเฉินถอนหายใจกับตัวเอง มันไม่เป็นไรหากว่าไม่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจนถึงสิ้นเดือน
เป็นแค่หญิงสาวและคนเหมืองธรรมดา ข้าควรจะระวังยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสร้างปัญหาใหญ่หลวงอะไรขึ้นมาได้
ในเช้าวันต่อมา เซียวเฉินก็ทําตัวปกติเหมือนที่เคยทํามา,ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาออกไปลาดตะเวนพร้อมกับมู่ซินหยาและม่าเฉิน
ช่วงเช้าผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันทําให้รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ไม่ต้องพูดถึงพวกซากศพ แม้แต่หนอนสูบวิญญาณที่พวกเขามักจะพบเห็นก็ถูกลบหายไปไร้ร่องรอย
เหมืองแลดูสงบสุขอย่างน่ากลัว ขณะที่เซี่ยวเฉินพบว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล,ทันใดนั้นมาเฉินก็พูดขึ้น “วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ”
เซี่ยวเฉินแลกเปลี่ยนสายตากับเขา เขาพูดขึ้นอย่างตกตะลึง “เจ้าก็รู้สึกเช่นกัน? ข้าคิดว่ามีแค่ข้าที่รู้สึกไปคนเดีย
ม่าเฉินทําภารกิจในเหมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง สัญชาตญาณของเขาน่าเชื่อถือ เซี่ยวเฉินต้องระวังตัวอย่างช่วยไม่ได้
ตลอดการลาดตะเวนช่วงบ่าย เซียวเฉินระมัดระวังสภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นพิเศษ เขาเฝ้าระวังมู่ซินหยาด้วยเช่นกัน
หากว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับมู่ซินหยา ตราบใดที่ข้าจับตาดูนางเอาไว้,ข้าก็สามารถรับมือกันมันได้
เมื่อพวกเขามาถึงทางแยก,ที่พวกเขาต้องแวะเวียน,เซียวเฉินเมินอุโมงค์ทางตันทั้งสองทางไปและมุ่งหน้าไปทางอุโมงค์ที่มีแสงสว่างด้านซ้าย
“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?”
เซี่ยวเฉินยังไปได้ไม่ไกลก็มีเสียงอ่อนแรงดังออกมาจากอุโมงค์ทางต้นทางหนึ่ง เขาหยุดฝีเท้าลงและมุ่งหน้าไปหาอุโมงค์ตันทางนั้นโดยทันที
เขาขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและพบร่างคนปรากฏขึ้น เซี่ยวเฉินตกตะลึงนั้นคือหัวหน้างานที่ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน
“ใครอยู่ตรงนั้น?” ม่าเฉินถามอย่างสงสัย
เซี่ยวเฉินตอบกลับ “เขาคือหัวหน้าหวังที่ข้าเคยบอกเจ้าคราวก่อน เขาได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน ข้าไม่คาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่”
“นายน้อยเย่,ท่านใช่หรือไม่?” เสียงอ่อนแรงลอยออกมาอีกครั้ง มันฟังดูราวกับลอดผ่านฟันที่กัดแน่นออกมา เสียงมันทําให้ขนหัวลุก,ทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายตัว
ม่าเฉินได้ดึงกระบี่ออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาอยู่ในสภาพตื่นตัวเต็มที่ เขาพูดกับเซียวเฉิน “น้องชายเย่,พวกเราควรเข้าไปหรือไม่?”
เซียวเฉินพึมพํากับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง,ทําเป็นครุ่นคิด แท้จริง,เขากําลังใช้สัมผัสวิญญาณของเขาสังเกตการณ์หัวหน้างานคนนั้น เขาพบว่านอกจากพลังชีวิตของเขาจะอ่อนแออย่างมาก เขาก็ไม่พบอะไรผิดปกติอีก
ถึงกระนั้น,คนผู้นี้ได้หายตัวไปกว่าครึ่งเดือน จู่ๆมาปรากฏตัวเช่นนี้มันแปลกประหลาด;พวกเขาไม่กล้าประมาท
“พวกเราควรเข้าไปตรวจดูแค่ต้องตื่นตัวเอาไว้” เซี่ยวเฉินจับด้ามกระบี่เงาจันทร์พร้อมกับนํามาเฉินเข้าไปในอุโมงค์
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้,พวกเขาพบว่าหัวหน้าหวังกําลังนอนอยู่กับพื้น เขาพิงอยู่กับกําแพงอย่างอ่อนแรงและโอดโอยออกมาอย่างจะขาดใจ เมื่อเซียวเฉินเห็นเช่นนั้น
เขาก็ลดการป้องกันลง
เซียวเฉินหยิบเอาขวดน้ำออกมาและส่งมันให้กับเขา หัวหน้าหวังเผยสีหน้าเป็นสุขเขายืนมืออกมารับขวดน้ำเอาไว้
“ฟู่ ฟิ่ว!”
“แคร้ง! แช้ง!”
เซียวเฉินไม่พบอะไรผิดปกติ อย่างไรก็ตามเขายื่นขวดน้ำออกไปได้ครึ่งทางก่อนที่ม่าเฉินที่อยู่ด้านข้างได้ฟันกระบี่ของเขาออกมา กระบี่ของเขาวาดผ่านอากาศ,มันรวดเร็วและไม่อาจหลบได้
คมกระบี่ฟันลงไปที่แขนของหัวหน้าหวังแต่ก็เรื่องเรื่องประหลาดเกิดขึ้น มือของหัวหน้าหวังไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด,กลับส่งเสียงเหล็กกระทบกันออกมา
เซี่ยวเฉินสีหน้าเปลี่ยนและรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว หัวหน้าหวัง,ผู้ที่นอนอยู่กับพื้นกระโดดเด้งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาเลิกเสแสร้งและมีกลิ่นศพเน่าเหม็นลอยออกมาจากร่างของเขา เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด,เผยให้เห็นเนื้อหนังสีดํา
“เจ้าพบความผิดปกติได้อย่างไร?” เซียวเฉินถามมาเฉิน
ม่าเฉินรีบตอบกลับ “นิ้วของเขาเป็นสีดําทั้งหมด เสียรูปลักษณ์ของมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง”
เป็นเช่นนั้นนี้เองเซี่ยวเฉินมองไปที่หัวหน้าหวังอย่างตกตะลึง หลังจากไม่ได้พบเจอเขาเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน,หัวหน้าหวังเปลี่ยนเป็นซากศพไปเสียแล้ว
“คัก! คัก! คัก! คัก!”
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากปากของหัวหน้าหวัง เขาพูดเสียงชัด “ตอนแรกข้าจะหลอกให้ประหลาดใจเสีย ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะสังเกตเห็น”
ม่าเฉินหน้าซีดพร้อมกับพูดขึ้นเสียงเบา “มีอะไรไม่ชอบมาพากล,เขายังมีสติอยู่ได้อย่างไร? หลังจากที่ติดพิษจากซากศพ,เขาควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด”
เซี่ยวเฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย,เขาคิดไม่ออกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มนุษย์กลายไปเป็นซากศพมันเคยเกิดขึ้นมาก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม,คนธรรมดาที่ติดพิษจากซากศพควรจะกลายเป็นซากศพที่ไร้ความคิด
ซากศพที่ไร้ความคิดมันไม่มีพลังต่อสู้มากนัก แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย
หัวหน้าหวังหัวเราะอย่างแปลกประหลาดอีกสองสามครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น “เอาข้าไปเทียบกับซากศพไร้สติพวกนั้น? ข้าคือยอดราชันซากศพ ข้าคือผู้ที่เดินสายทางซากศพคือยอดราชันของซากศพนับพัน”
“ฟู่!” เขากวาดกรงเล็บไปในอากาศและผ้าคลุมสีทองก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า เขาสวมมันลงบนร่างกายของเขาและก็สวมมงกุฏสีทองไว้บนหัว
ซากศพตัวซีดแห้งแต่งกายด้วยชุดเช่นนี้ช่างดูประหลาดตา
“ใครสนว่าเจ้าจะเป็นใคร,ข้าจะฟันเจ้าให้ตายด้วยกระบี่ของข้า!”
“สับแยกภูผา!”
ม่าเฉินตะโกนอย่างเย็นชาและกระโดดลอยตัวขึ้นไปในอากาศ ร่างของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในอากาศ:เขาได้ฝึกฝนสับแยกภูผานี้ไปจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม
ภูผาใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเขามันดูราวกับแบกพลังไว้นับพันกิโลกรัม,พลังของมันไร้ขอบเขตและยิ่งใหญ่
หัวหน้าหวัง,หรือยอดราชันซากศพ,หัวเราะอย่างเย็นชา เขาชี้นิ้วไปที่พื้นดินและทันใดนั้นมันก็แยกออก ซากศพทะลวงผ่านพื้นดินขึ้นมากระโดดเข้าใส่ม่าเฉิน
“สับ!”
ม่าเฉินมองดูกรงเล็บของซากศพที่ลอยมาในอากาศ สายตาเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา เขาตะโกนอย่างเย็นชาและกระบี่ที่แบกพลังกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมสับลงไปที่ซากศพตัวนั้น
ทันใดนั้น,เซี่ยวเฉินพลว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เขารีบมองไปที่ซากศพในอากาศ แสงสีม่วงวูบไหวในดวงตาของเขาและทําให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน
เขาสามารถเห็นแสงสีดํานับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่ในเส้นโลหิตของมัน มีพลังสีดําวนเวียนอยู่ในจุดตันเที่ยนของมัน,หมุนวนไปราวกับพายุหมุน
เซียวเฉินตกตะลึงเห็นชัดว่าซากศพตัวนี้มันเป็นระเบิดเวลา พลังฉีสีดําที่ไหลเวียนอยู่ที่ตันเที่ยนก็คือตัวจุดระเบิดเมื่อพวกมันถูกทําลาย มันก็จะระเบิดออก
นอกจากนั้น, พลังของมันก็ไม่ใช่เล็กน้อย หากม่าเฉินไม่ได้เตรียมรับมือเขาจะเสียเปรียบอย่างหนัก
“แส้หางมังกรฟ้า!”
เซียวเฉินตะโกนออกมาและพลังปราณอันไร้ขอบเขตรวมตัวกันที่เท้าของเขา เขากระทบลงพื้นสันสะเทือนเล็กน้อย
ทันใดนั้นเชียวเฉินก็ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยภาพลวงตาของมังกรฟ้า มันราวกับว่าเขาได้กลายร่างเป็นมังกร หางของมังกรหมุนในอากาศและเกิดเป็นละลอกเคลื่อน พื้นที่เริ่มสั่นไหว
ต่อมาทันใดนั้น,ร่างของเซียวเฉินก็ก่อเกิดเป็นประกายแสงในอากาศ เขาเข้ามาถึงตัวม่าเฉินในทันทีและใช้ออกมโนภาพสามกระแสเมฆา
เซี่ยวเฉินกลายไปเป็นมหาสมุทรไร้ขอบเขตและซัดใส่ซากศพด้วยฝักกระบี่ของเขา คลื่นรุนแรงระเบิดออกจากมหาสมุทรและส่งซากศพลอยตรงไปหายอดราชันซากศพ
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินใช้ทักษะระดับสูงจากทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน หลังจากที่พลังแท้จริงของทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา,ความเร็วของเขาถูกเร่งจนถึงขีดสุด ไม่ใช่เพียงแค่ม่าเฉินจะตอบสนองไม่ทัน,ยอดราชันซากศพก็ตอบสนองไม่ทันเช่นกัน
ซากศพร่างนั้นลอยไปครึ่งทางก่อนที่จักรพรรดิซากศพจะตอบสนอง ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของมันเผยรอยยิ้มประหลาดพร้อมกับดีดนิ้วของมัน
“บูม!”
ซากศพร่างนั้นระเบิดขึ้นกลางอากาศ,กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มันกลายเป็นลูกบอลพลังฉีสีดํา,ขยายออกไปยังพื้นที่โดยรอบ
สับแยกภูผาของม่าเฉินซัดลงไปที่ลูกบอลพลังฉี,ดูเหมือนพลังของพวกมันจะที่ดเทียมกัน เขาตีลังกากลางอากาศก่อนที่จะลงถึงพื้นอย่างมั่นคง
“น้ำไหลไร้ลักษณ์!”
เซี่ยวเฉินยังคงลอยอยู่ในอากาศและใช้ออกทักษะจากมโนภาพสามกระแสเมฆา ฝักกระบี่เลื่อนไหลไปอย่างนิ่มนวลราวกับสายน้ำ,กวาดลูกบอลฉีสีดําออกไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อลูกบอลฉีสีดํากระจายออกไป,เซี่ยวเฉินและม่าเฉินมองไปที่จักรพรรดิซากศพอย่างระวังแม้ว่ามันจะเรียกตัวเองว่าจักรพรรดิซากศพ,ความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ได้ถึงระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธ:พลังของมันเทียบเท่ามนุษย์ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ
ถึงกระนั้น,ขอบเขตกษัตริย์ยุทธก็ไม่ใช่อะไรที่ทั้งสองจะรับมือได้ นอกจากนั้น,มันยังเป็นสัตว์ประหลาดและแปลกประหลาดอย่างที่สุด มันแข็งแกร่งกว่าระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั่วไปเป็นอย่างมาก