Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 188 รู้สึกตื่นกลัว

ตอนที่ 188 รู้สึกตื่นกลัว

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกขอบคุณเย่เหวิน หากไม่ใช่เพราะเย่เหวิน,เขาคงต้องไปเจอกับราชันย์ซากศพ ใครจะรู้เขาอาจจะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งศพอยู่ในเหมืองแห่งนี้แล้วก็ได้

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนักในหลายวันต่อมา เซี่ยวเฉินยังคงเดินลาดตะเวนในตอนกลางวันและฝึกฝนในตอนกลางคืน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือพวกเขามีอยู่กันสามคนแล้วตอนนี้ วันเวลาไม่ได้น่าเบื่อเหมือนที่เคยเป็นมา,พวกเขาทั้งสามคนพูดคุยกันเยอะมาก

 

มู่ซินหยายังคงออกไปในเวลากลางคืน ทุกอย่างที่นางทํา ยังเป็นเหมือนที่ผ่านมาและบางครั้งนางก็ออกไปพบหัวหน้าลี่ เซี่ยวเฉินก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกันดังนั้น เขาจึงทําอะไรไม่ได้นอกจากระวังตัวเอาไว้

 

“ชัว!”

 

ภายในอุโมงค์ตัน,เซี่ยวเฉินลอยอยู่ในอากาศ ก่อนที่เขาจะได้ชักกระบี่ออกมา,มีสายลมเย็นพัดผ่านออกมาแล้ว หลังจากที่กระบี่แสงจันทร์ถูกชักออกมา,มีกระบี่แสงบางเบาท่ามกลางสายลมเย็น

 

ลมเย็นยะเยือกพัดผ่านไปในทันที หลังจากที่เซี่ยวเฉินลงถึงพื้น,มีสีหน้าความสุขบนใบหน้าของเขา ในที่สุดเขาก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สองของสับวายุใส

 

มันมีทั้งหมดสามขั้นตอนสําหรับสับวายุใส ขั้นตอนแรกคือบิดซ่อนพลังฉีฆ่าฟันของเขาเพื่อที่จะลบเจตนาฆ่าฟันบนร่างกายของเขาและทําให้คนอื่นสัมผัสไม่ได้ถึงจังหวะที่เขาเริ่มลงมือ

 

สับวายุใส,สับวายุใส,สายลมใสออกมาก่อนหรือสับออกมาก่อน? หากสายลมใสมาก่อนกระบี,มันก็ควรจะเป็นสายลมใสที่มาก่อนสับ อย่างไรก็ตาม,หากเขาไม่สามารถชักกระบี่ออกมาและสร้างลมหมุนได้ มันจะเกิดสายลมเย็นได้อย่างไร?

 

ดังนั้น ขั้นตอนที่สองของสับวายุใสคือการฝึกฝนถึงจุดที่สายลมออกมาก่อนกระบี่ หลังจากที่ฝึกหนักอยู่เป็นเวลาครึ่งเดือนเซี่ยวเฉินในที่สุดก็สําเร็จในการใช้ออกขั้นตอนที่สอง

 

เขากําลังจะเริ่มในขั้นตอนที่สาม นี่เป็นขั้นตอนที่ฝึกฝน การโจมตีให้สมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม เพื่อที่จะเผยให้เห็นเพียงสายลมใสมิใช่กระบี่

 

หากเขาฝึกฝนจนเขาสามารถปิดซ่อนกระบีไว้ท่ามกลางสายลมใสได้อย่างสมบูรณ์,คู่ต่อสู้จะไม่สามารถพบทิศทางกระบี่ของเขาได้ เพื่อถึงจุดนั้น, สับวายุใสจะต้องถูกฝึกฝนจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม

 

“ในที่สุดข้าก็สําเร็จมัน ดูเหมือนพรสวรรค์ของข้าจะไม่เลว ข้าสามารถฝึกฝนสับวายุใสจนมาถึงระดับสมบูรณ์ขั้นกลางได้ภายในครึ่งเดือน บางทีข้าอาจจะฝึกฝนมันจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมได้ภายในเวลาสิ้นเดือน” เซี่ยวเฉินพูดขึ้นอย่างเป็นสุข

 

เซี่ยวเฉินฝึกฝนต่อไป เหมือนที่เป็นมา เมื่อพลังปราณของเขาเหือดแห้ง,เขาจะเริ่มมุ่งหน้ากลับไปที่ห้องของเขา

 

“นายน้อยเย่!” เสียงกระซิบบางเบาดังออกมาให้ได้ยิน

 

เซี่ยวเฉินคุ้นเคยกับเสียงนี้ โดยปกติ เมื่อคนเหมืองและหัวหน้างานพบกับเซี่ยวเฉิน,พวกเขาจะเข้ามาทักทายเช่นนี้ เมื่อเขาหันกลับไป,นั่นเป็นหัวหน้างานที่เขาพบบ่อยๆ

 

ดูเหมือนว่าเขากําลังรอคอยอยู่ในอุโมงค์มืดมิด เซี่ยวเฉินหยุดเท้าและถามขึ้น “หัวหน้าเชาเจ้าพบข้าได้อย่างไร?”

 

หัวหน้าเขาพูดเสียงค่อย “ข้ามองหานายน้อยเย่มาพักนึงแล้ว คนเหมืองที่ข้าดูแลอยู่ได้ยินมาว่านายน้อยจะออกมาฝึกกระบี่ตอนกลางคืนเป็นประจํา ดังนั้นข้าจึงมาดักรออยู่ที่

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า มันไม่ได้เป็นความลับอะไรที่เขาออกมาตอนกลางคืนเพื่อฝึกฝน “เจ้าตามหาข้าทําไม? หรือว่าเจ้าไปเจอพวกซากศพเข้า?”

 

หัวหน้าเขาไม่ได้พบแสงอาทิตย์มาเป็นเวลานานดังนั้นหลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตา,หน้าเขาดูซีดขาวเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับดวงตาที่ขุ่นมัวเขาช่างดูน่าสังเวช “ไม่ใช่เช่นนั้น, ไม่นานมานี้ พี่น้องของพวกเราสองสามคนหายตัวไปอย่างลึกลับ เดิมที,ข้าก็ไม่ได้สังเกตเห็น,มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนหายไปในเหมืองแห่งนี้”

 

“อย่างไรก็ตาม,ข้าได้ยินมาจากหัวหน้างานคนอื่นว่าคนของพวกเขาก็หายตัวไปเช่นกัน นอกจากนั้น,มันเป็นการหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในครั้งก่อนๆ แม้พวกเขาจะหายตัวไป,พวกเขาก็ยังพบร่างของพวกเขาได้บ้าง ไม่เหมือนในครั้งนี้ พวกเราไม่เจอร่างกายของพวกเขาแม้แต่ร่างเดียว”

 

เซี่ยวเฉินขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคําของหัวหน้าเขา นี่มันเป็นการหายตัวไปที่แปลกประหลาดจริงๆ จะต้องมีใครบางคนชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน หัวหน้างานแต่ละคนต่างสูญเสียคนไปสองสามคน

 

จํานวนมันอาจจะดูไม่มากแต่เมื่อเอามารวมกัน มันจะเป็นตัวเลขที่น่ากลัว มีหัวหน้างานอย่างน้อยยี่สิบคนและหัวหน้างานแต่ละคนดูแลคนเหมืองกว่าหนึ่งร้อย

 

หากพวกเขาเสียคนไปคนละหนึ่งหรือสองคนเมื่อเอาจํานวนมารวมกัน,มันอาจจะมากกว่าหนึ่งร้อย อะไรที่ทําให้เหล่าคนเหมืองหายตัวไปอย่าไร้ร่องรอย?

 

เซี่ยวเฉินรวบรวมความคิดของเขาและกล่าวกับหัวหน้าเขา “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว ข้าจะรายงานถึงผู้อาวุโสเย่ในวันพรุ่งนี้”

 

หัวหน้าเชาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง,สีหน้าของเขาส่งสัญญาณว่า เขากําลังลุกลนกับอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ได้ตัดสินใจและกล่าวขึ้น “นายน้อยเย่, ข้ามีพี่น้องสองสามคน ที่กําลังจะทํางานครบห้าปีภายในสิ้นเดือนนี้ ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้น,พวกเขาทั้งหมดต่างตื่นกลัว พวกเขาอยากจะขอกลับออกไปก่อนกําหนดและยอมแม้กระทั่งได้รับค่าจ้างน้อยลง”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็มีสีหน้าไม่น่าดู “ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นมาก่อน นอกจากนั้น เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนจัดการ คําของข้าไม่มีน้ําหนักอะไร”

 

หัวหน้าเขาพูดอย่างกังวล “นายน้อยเย่, ท่านเป็นคนดี,พวกเราทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้ ในอดีต,คนคุ้มกันพวกนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเราเหล่าคนเหมือง พวกเขาทั้งหมดส่ง สายตาเย็นชาใส่พวกเรา บางครั้ง,พวกเขาก็ลงมือทุบตีพวกเรา ในตอนที่ท่านมาที่นี่,ท่านไม่เคยทําเช่นนั้น ทุกคนรู้ถึงเรื่องนี้”

 

เซี่ยวเฉินได้ยินเรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมาจากม่าเฉิน ศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์หลายคนที่รับภารกิจนี้มาทําไม่ อาจอดทนต่อความน่าเบื่อภายในเหมืองแห่งนี้ได้ พวกเขามักจะมาระบายอารมณ์กับเหล่าคนเหมือง มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ

 

เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทําอะไรสักอย่าง,เขาก็ถูกตัดสินให้เป็นคนดีแล้ว คนดีบนโลกใบนี้ช่างน้อยนัก

 

“นายน้อยเย่,ข้าคุกเข่าขอร้องท่าน ท่านต้องช่วยข้าในเรื่องนี้ คนพวกนี้จะสิ้นสุดงานภายในสิ้นเดือน หากว่ามันเกิดอะไรขึ้น,ที่พวกเขาทํามาทั้งหมดจะสูญเปล่า”

 

มองดูเซี่ยวเฉินที่กําลังพึมพํากับตัวเอง,หัวหน้าเขาทิ้งตัวรุกเข่าต่อหน้าเซี่ยวเฉิน เซี่ยวเฉินตกตะลึงและรีบช่วยดึง หัวหน้าเขาลุกขึ้นมา เขาพูดขึ้น “ข้าสามารถช่วยพูดกับลุงเย่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่อาจรับรองอะไรได้”

 

หัวหน้าเขาพูดอย่างซาบซึ้ง “สิ่งที่ข้าต้องการก็เพียงให้ท่านช่วยพูดอะไรสักอย่าง ขอบคุณนายน้อยเยล่วงหน้า ข้าขอตัวก่อน”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินมองดูหัวหน้าเขาเดินจากไป,เซี่ยวเฉินจมลงไปในความคิด เขาคอยสอดส่องการกระทําของมู่ซินหยาอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม,หลังจากวันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างผิดปกติยิ่งขึ้นไปอีก

 

เช้าวันต่อมา เซี่ยวเฉินไปไล่ถามเหล่าหัวหน้างานอย่างลับๆ เขาถามถึงเกี่ยวกับสถานการณ์ วิธีการของเซี่ยวเฉินจะระมัดระวังอยู่เสมอ เรื่องที่หัวหน้าเขาพูดมามันค่อนข้างร้ายแรง

 

ไม่ว่าเขาจะโกหกหรือไม่,เขาไม่มีทางเข้าใจถึงความจริง โดยการฟังความจากคนคนเดียว

 

ในที่สุดเซี่ยวเฉินก็ไล่ถามหัวหน้างานเสร็จไปทั้งหมดยี่สิบกว่าคน เป็นแท้จริง,มันเป็นไปตามที่หัวหน้าเขากล่าว:หัวหน้างานทุกคนมีคนเหมืองที่หายตัวไปอย่างลึกลับ

 

มีบางคนที่เสียลูกน้องไปถึงห้าหรือหกคนและอย่างน้อยที่สุด,พวกเขาเสียไปหนึ่งหรือสองคน หลังจากครุ่นคิดมานาน,เขาก็ไปหาหัวหน้าลี่กับคนเหมืองของเขาลับหลังมู่ซินหยาและม่าเฉิน

 

“โอ้! นายน้อยเย่ ทําไมถึงได้มาคนเดียวในวันนี้? นายน้อยหญิงและนายน้อยอีกคนไปที่ไหน?” เหมือนปกติ,เมื่อหัวหน้าสี่เห็นเซี่ยวเฉิน,เขาจะทักทายอย่างอบอุ่น

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้ารับรู้และก็พูดขึ้น “หัวหน้า,คนงานของเจ้าเคยหายตัวไปอย่างลึกลับบ้างหรือไม่?”

 

หัวหน้าสี่พยายามนึกย้อนดูก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน คนของข้าทั้งหมดไม่ได้หายตัวไป เกิดอะไรขึ้น? นายน้อย,หรือจะมีอะไรเกิดขึ้น?”

 

ขณะที่หัวหน้าลี่พูด,เซี่ยวเฉินสังเกตสีหน้าของเขาอย่างละเอียด เหมือนกับก่อนหน้านี้เขาไม่พบอะไรผิดปกติ เซี่ยวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไร แค่ถามทั่วไป ข้าขอตัวก่อน”

 

เซี่ยวเฉินเดินไปหลบที่มุม เขาเปลี่ยนสัมผัสวิญญาณของเขาให้เป็นเส้นสายและสังเกตการณ์หัวหน้าลี่ต่อไป ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะปกปิดตัวตนไปได้ตลอด

 

“หัวหน้าลี่,คนคุ้มกันมาถามอะไร?” คนเหมืองสองสามคนเข้ามาถามเขา

 

หัวหน้าสี่โบกมือและพูดขึ้น “ทํางานของเจ้าไป อย่ามาถามเยอะ”

 

หลังจากสังเกตการณ์มาเป็นเวลานาน,หัวหน้าลีก็ทําอย่างที่เขาเคยทํา เขานํากลุ่มคนเหมืองและทํางานขุดเจาะอย่างจริงจัง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา ไม่มีอะไรเปลี่ยนจากคําถามของเซี่ยวเฉิน

 

เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่กับมู่ซินหยาจะไม่ใช่หัวหน้าลี่? เซี่ยวเฉินมีข้อสงสัยนี้ขณะที่เขาครุ่นคิด,คนธรรมดาทั่วไปจะปิดซ่อนตัวตนได้ลึกเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

เซี่ยวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณของเขากลับมาและส่ายหัว มันเป็นสิ่งที่เขายังคิดไม่ตก

 

หลังจากที่เซี่ยวเฉินจากไปไกล,หัวหน้าสี่โยนจอบทิ้งไปด้านข้าง สายตาของเขาดูเหมือนกับว่าสามารถมองทะลุกําแพง และมองเห็นเซี่ยวเฉินที่กําลังเดินจากไป ดวงตาของเขาเผยความโหดเหี้ยมออกมา

 

เมื่อเซี่ยวเฉินมาถึงกองบัญชาการของชั้นนี้ เขาตัดสินใจเข้าพบเย่เหวิน เขารีบตรงไปรายงานทุกอย่างที่เขาสืบสวนให้เย่เหวินฟัง เมื่อเขากล่าวจบ,เขาบอกเย่เหวินถึงคําขอของหัวหน้าเขา

 

หลังจากที่เยาเหวินได้ยินดังนั้น,เขากล่าวอย่างเฉยเมย “เอาล่ะ,ข้าเข้าใจสถานการณ์แล้ว เจ้ากลับไปได้”

 

เซี่ยวเฉินเห็นว่าเย่เหวินไม่ได้ใส่ใจ,เขาก็พูดขึ้นอย่าง เป็นกังวล “ลุงเย่,คนพวกนี้ก็กําลังจะสิ้นสุดงานอยู่แล้ว มันไม่น่าจะมีปัญหาหากจะหักค่าจ้างของพวกเขาและให้พวกเขากลับออกไปก่อนใช่หรือไม่?”

 

เย่เหวินดูเหมือนกําลังยุ่งพร้อมกับเตรียมตัวที่จะออกไป เมื่อได้ยินคําของเซี่ยวเฉิน,เขาก็หยุดเท้าและพูดขึ้น “เจ้ามองเห็นปัญหาจากมุมมองของเจ้าเท่านั้น ไม่มีปัญหา หากคนเหมืองห้าสิบคนออกไป ถึงอย่างไร,พวกเขาก็จะจบงานอยู่แล้ว”

 

“อย่างไรก็ตามเจ้าเคยถึงถึงมุมนี้หรือไม่? มีคนเหมืองกว่าหนึ่งพันคนในชั้นนี้ ในตอนนี้ มีความกังวลอยู่เต็มหัวใจของทุกคน หากมีคนเหมืองกลุ่มใหญ่กลับออกจากเหมืองไปในตอนนี้เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา?”

 

หากในจังหวะเช่นนี้ มีคนกลุ่มใหญ่กลับออกไป,มันจะต้องสร้างความตื่นกลัวให้กับคนเหมืองที่เหลือ หลังจากนั้น,สถานการณ์อาจจะวุ่นวายไปถึงจุดที่ไม่อาจแก้ไขได้

 

เซี่ยวเฉันคิดถึงฉากนั้นในทันที แม้ว่ามันจะเป็นไปตามหลักการ,เซี่ยวเฉินยังคงรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ

 

“เจ้าควรออกไปก่อน,พวกเรารู้ถึงสถานการณ์แล้ว ข้าจะจัดการภายในสองสามวัน” เย่เหวินเซี่ยวเฉินเฉินเมื่อเห็นว่าเขานิ่งเงียบไป

 

เซี่ยวเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “ลุงเย่,รอก่อน ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องรายงาน”

 

หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเขาจะไม่มีหลักฐานใดๆ เซี่ยวเฉินก็ยังติดสินใจบอกเย่เหวินเกี่ยวกับมู่ซินหยาและหัวหน้าลี่

 

หลังจากที่เย่เหวินได้ยินดังนั้น,สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง “พวกเราคือนิกายเดียวกัน หากไม่มีหลักฐาน,ก็อย่าได้มารายงาน”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกอึกอักพร้อมกับพูดขึ้น “ลุงเย่,ข้า…”

 

เย่เหวินขัดขึ้นในวันที่ “ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว กลับไปให้เร็ว หากเจ้ามารายงานโดยไม่มีหลักฐานอีก, ข้าจะไม่แสดงความปราณีอีกต่อไป”

 

ในคืนเดียวกันนั้นเอง,ที่ชั้นแปดของเหมือง,ภายในอุโมงค์ตัน

 

หัวหน้าลี่พูดกับมู่ซินหยา “เจ้าหมอนั้นที่มากับเจ้าดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มันพยายามจะทดสอบข้าในวันนี้”

 

มู่ซินหยาไม่ได้ประหลาดใจ “ไม่มีปัญหา เขาไม่มีหลักฐาน นอกจากนั้นเขาก็ไม่ใช่พวกตัวน่ารําคาญ”

 

หัวหน้าสี่ยังคงรู้สึกกับวล “พวกเราควรจะปิดปากเขาซะ? ข้ายังเตรียมตัวไม่พร้อมตอนนี้ หากเจ้าหมอนั้นมันมาขัดขาเรา,นั่นจะมีปัญหา

 

มู่ซินหยาส่ายหัว “ไม่จําเป็น เราจะทําตามแผนของเราในวันพรุ่งนี้ นั้นคือทั้งหมดที่เราจะทํา”

 

เมื่อหัวหน้าสี่ได้ยินเช่นนั้นเขาสีหน้าเปลี่ยน เขากล่าวอย่างตกใจ “พวกเราจะลงมือพรุ่งนี้? นั้นมันเร็วเกินไป ยิ่งข้ากลั่นสิ่งนั้นนานเท่าไหร,มันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น มันจะปลอดภัยกว่าหากว่าเราลงมือในตอนสิ้นเดือน”

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset