หลี่ว์เสี่ยวซู่ รู้สึกว่าเมืองอวิ๋นอาน ไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย เดินไปไม่ถึงสองลี้ก็มีสาวมากกว่าสิบคนแอบมองหลี่ว์ซู่ซะแล้ว
ตอนนี้หลี่ว์ซู่พูดขึ้นว่า “ฉันจะอยู่กับเธอไปก่อน พอพวกเรามีตั้งร้านอะไรขึ้นมาได้สักพักแล้ว ฉันจะไปรายงานตัวกับทัพอู่เว่ย แบบนี้จะได้สำรวจดูเมืองไปด้วย พยายามทำความคุ้นเคยกับโลกจักรวาลหลี่ว์ เพื่อ…”
“นายไปทัพอู่เว่ยตอนนี้เลยเถอะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดอย่างใจเย็น
หลี่ว์ซู่ “???”
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666!]
หลี่ว์ซู่คงจะไปที่ทัพอู่เว่ยตอนนี้เลยไม่ได้หรอกเขาต้องจัดกาเรื่องต่างๆในเมืองก่อน
หลี่ว์ซู่ถามขึ้นทันทีว่า “ฉันสังเกตดีๆ แล้ว จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ใช้ใบพืชอย่างหนึ่งมาใช้ซักผ้า ฉันถามเขาว่าเขามีวิธีซักแบบอื่นอีกไหม เขาบอกว่าทุกคนใช้ใบไม้พวกนี้ แล้วก็ใช้ดีด้วยดังนั้นเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีสบู่ แล้ววิธีทำสบู่ก็ง่ายมากเสียด้วย…”
หลี่ว์ซู่เคยเห็นว่าต้นกำเนิดของการประดิษฐ์สบู่เป็นเรื่องบังเอิญ ว่ากันว่ามีคนบังเอิญใส่น้ำมันลงในขี้เถ้าที่ดับแล้ว เขากังวลว่าจะทำให้เกิดไฟไหม้จึงรีบหยิบขี้เถ้าและน้ำมันออกมาแล้วพบว่าล้างมือสะอาดมากขึ้นตอนล้างมือ
ความบังเอิญนี้บางครั้งก็กลายเป็นความจำเป็น เพราะถึงแม้ว่าจะไม่มีความบังเอิญนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถวิจัยออกมาได้จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมี
แต่โลกจักรวาลหลี่ว์นั้นแตกต่างออกไป อย่างแรกยังไม่มีคนที่ศึกษาด้านเคมี อย่างที่สองยังไม่มีความบังเอิญเช่นนั้นเกิดขึ้น
หลี่ว์ซู่ชอบอกชอบใจกับความคิดของเขาแต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับตกใจ “ไม่มีสบู่นายก็ทำสบู่ออกมาใช่ไหม”
หลี่ว์ซู่ “…หมายความว่าอะไร!”
เดิมทีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดว่าหลี่ว์ซู่ไปทัพอู่เว่ยอาจจะปลอดภัยกว่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอยู่ทัพอู่เว่ยก็คงไม่ปลอดภัย!
ไม่ว่าหลี่ว์ซู่ฟังยังไงก็รู้สึกว่าคำพูดของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นผิดปกติ ไม่มีสบู่ก็ผลิตสบู่ออกมาขายหาเงินไม่ดีเหรอ
ในยุคนี้ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสร้างของที่เกินจินตนาการยังไม่ค่อยได้ คนโลกนี้อาจจะยังรับไม่ค่อยได้ ดังนั้นของใช้ในชีวิตประจำวันจึงขายได้ง่ายที่สุดและต้นทุนการทำสบู่ก็ไม่แพง
หลี่ว์ซู่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนและพูดว่า “ดูสิ ขั้นตอนการทำสบู่ของคนโบราณนั้นง่ายมาก แค่ต้มด่างกับน้ำมันหมู ฉันเห็นว่าที่นี่ไม่มีด่าง พวกเรามีสองวิธี เราเผาพืชทำขี้เถ้าหรือไม่ก็ไม่เอาที่เหมืองอัลลาไล! วิธีแรกเป็นวิธีดั้งเดิม ด้วยวิธีโบราณใช้ขี้เถ้าพืชทำด่างจะช้าหน่อย ทางที่ดีควรหาเหมืองอัลคาไล ด้วยพลังของแอนโทนี่จะตามหาเหมืองอัลคาไลคงไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าได้ด่างแล้วก็เอามาผสมกับปูนขาวเพื่อให้ได้โซดาไฟ ฉันสังเกตว่าเมืองนี้ใช้ปูนขาวสร้างบ้าน!”
ด่างเริ่มพัฒนาเพื่อใช้งานบนโลกค่อนข้างช้า ที่นี่ไม่มีก็ไม่แปลกแต่ก็ไม่ได้แสดงว่าจะทำให้หลี่ว์ซู่จนปัญญา อย่างมากก็เผาพืชเอาขี้เถ้ามาค่อยๆทำ
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จ้องหลี่ว์ซู่ด้วยความงุนงง เธอเห็นว่าหลี่ว์ซู่เอาจริงเอาจัง เจ้านี้จะผลิตสบู่ขึ้นจริงๆ!
หลี่ว์ซู่ยังพูดต่ออย่างชอบใจว่า “ถ้าโลกจักรวาลหลี่ว์ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยี ในอนาคตฉันอาจจะยังมีชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา ผู้คิดค้นสบู่ หลี่ว์ซู่!”
“มันไม่น่าใช่เรื่องน่าภาคภูมิใจนะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดแขวะ
“เธอไม่เข้าใจ วิทยาศาสตร์คืองานศิลปะ ยิ่งศึกษามากเท่าไหร่ก็ยิ่งค้นพบความยิ่งใหญ่ของโลกได้ง่ายขึ้นเท่านั้น” หลี่ว์ซู่ถอดถอนใจ “แต่โลกนี้เดินมาอีกทางหนึ่ง พวกเขาผสานตัวเข้ากับกฎธรรมชาติดังนั้นคงไม่คิดแยแสวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน”
ไม่มีใครถูกใครผิด มันเป็นทางสองสาย มนุษย์คิดค้นเทคโนโลยีเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี แต่โลกจักรวาลหลี่ว์ใช้อีกเส้นทางหนึ่งเพราะพวกเขามีพลังในตัวเองและใช้ “คาถา” แทนเทคโนโลยี ดังนั้นความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาจจะช้ามาก
นี่เป็นผลจากความแข็งแกร่งของส่วนบุคคล หลี่ว์ซู่คิดดูแล้ว บางทีในโลกอื่นอาจมีสิ่งมีชีวิตที่ค้นคว้าเทคโนโลยีจนถึงจุดที่สามารถคานอำนาจกับราชาแห่งทวยเทพได้ แต่ที่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้
“แล้วนายคิดว่าผู้บำเพ็ญของที่นี่จะมีคาถาทำความสะอาดเสื้อผ้าอะไรพวกนั้นหรือเปล่า” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เริ่มจริงจังและเธอก็สงสัย “ถ้ามีแล้วเราก็ทำเพื่ออะไร”
หลี่ว์ซู่ยิ้ม “พวกเราแค่ขายสบู่ให้คนธรรมดา เธอเห็นไหมว่าคนธรรมดาที่นี่ยังมีสัดส่วนถึง 80% มันคือตลาดและไม่จำเป็นต้องขายให้กับผู้บำเพ็ญพวกนั้น”
“ก็จริง” จู่ๆหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็รู้สึกเศร้าใจ หลี่ว์ซู่จะทำสบู่…
ทำไมถึงบอกว่าเป็นคนคิดค้นสบู่ ช่างหน้าด้านจริงๆ …
หลี่ว์ซู่เริ่มรู้สึกตื่นเต้นเมื่อนึกถึงเส้นทางรวย “ฉันกลัวว่าเงินที่พวกเราคงไม่พอค้างโรงแรมสองวัน เธอมีของอะไรขายได้ไหม”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหลี่ว์ซู่ด้วยความระแวง “นายอยากขายอะไร ฉันมีทองคำแท่งแต่ที่นี่ไม่ใช้”
นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวจริงๆ ทองไม่มีประโยชน์เมื่อมาถึงที่นี่…
หลี่ว์ซู่คิดสักพัก “มีอะไรอีกไหม”
“มีเข็มขัดที่ฉันซื้อให้นาย แต่คนที่นี่สวมกางเกงไม่เหมือนพวกเรา พวกเขาไม่ต้องการเข็มขัดและไม่รู้จักแบรนด์ดังๆ … “หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดหลังจากคิดอยู่นาน
ขณะนี้มีพ่อค้าเร่ขายขนมหวานเดินผ่านมา พุทราเชื่อมลูกแดงๆ เสียบไม้ปักอยู่บนหาบเร่แล้วมีเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งไล่ตามพ่อค้ามา หลี่ว์ซู่จึงถามหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อย่างมีความสุข “กินไหม”
“ไม่กิน”หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ส่ายหน้า “พวกเราต้องเก็บเงินไว้”
หลี่ว์ซู่มองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ในคืนก่อนที่พลังจิตวิญญาณฟื้นคืน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็โวยวายอยากกินพุทราเชื่อมในงานวัดอยู่เลย ตอนนี้ผ่านมาสองปีแล้ว หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เติบโตขึ้นและรู้เรื่องมากขึ้นแล้ว
เวลาจะเปลี่ยนคนเราไปอย่างไม่ได้ตั้งใจและหลี่ว์ซู่คิดว่าทั้งเขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังเปลี่ยนไปในทางที่พวกเขาเคยหวังไว้
หลี่ว์ซู่ตะโกนบอกพ่อค้า “พุทราเชื่อมไม้หนึ่ง“
เขาซื้อมาและยัดใส่มือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “เก็บไว้ให้ฉันลูกเดียวพอ”
“อืม” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบพลางก้มหน้าลงราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
ทั้งหมดนี้ราวกับว่าโลกไม่เคยเปลี่ยนไปหรือโลกมันเปลี่ยนไปมีเพียงเธอและหลี่ว์ซู่เท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ในตอนนั้นพวกเขายากจนมากและเธอรู้ว่าหลี่ว์ซู่จะหาทางได้แน่นอน
เดิมทีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ค่อยชอบโลกนี้นัก รู้สึกยอมรับที่นี่ไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกนี้มันหายไปจนหมด
เพราะหลี่ว์ซู่อยู่ที่นี่ ที่ไหนก็เหมือนกันถ้ามีหลี่ว์ซู่อยู่